“Leave No Trace” ผลงานชิ้นล่าสุดของ “เดบรา แกรนิก” ผู้กำกับหญิงชาวอเมริกันวัย 55 ปี ซึ่งว่างเว้นจากการทำหนังไปนานถึง 8 ปี (ครั้งหลังสุดคือแจ้งเกิดให้ “เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์” ใน “Winter’s Bone”) และงานชิ้นนี้ยังคงหนักแน่นทรงพลังเช่นเดียวกับงานชิ้นก่อนๆ ของเธอ
เดบรายังคงพาผู้ชมไปสัมผัสชีวิตของ “คนชายขอบ” ในสังคมอเมริกัน “Leave No Trace” เล่าเรื่องพ่อและลูกสาวซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในป่านานหลายปี โดยตัดขาดตัวเองจากชีวิตคนเมืองและไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
“เบน ฟอสเตอร์” อายุครบ 37 ปีในปีนี้ เขามารับบทพ่อผู้มีบาดแผลในใจและต้องดูแลลูกสาวคนเดียวเพียงลำพัง ซึ่งบทลูกสาวนั้นได้นักแสดงหญิงหน้าใหม่วัย 17 ปีชาวนิวซีแลนด์ “โธมาซิน ฮาร์คอร์ต แมคเคนซี” ที่แม้จะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ แต่ฝีมือนั้นจัดจ้านทีเดียว
ฟอสเตอร์บอกว่าตอนแรกตนเองก็หนักใจพอสมควร “ผมพยายามรับบทท้าทายตัวเองมาหลายเรื่องมาก สำหรับเรื่องนี้ มันท้าทายไปอีกขั้น ผมต้องรับบทพ่อที่มีลูกโตเป็นสาวแล้ว แต่ในชีวิตจริง ลูกของผมเพิ่งจะเป็นเด็กทารก”
เดบราเตรียมงานด้วยการเชิญให้นักแสดงไปลองนอนค้างกันในป่าจริงๆ และใช้ชีวิตร่วมกับกลุ่มคาราวาน (ซึ่งนอนในรถพ่วง) ในแถบชายป่าของรัฐโอเรกอน
โธมาซินให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนแรกฉันกลัวมากว่าจะทำได้ไม่ดีพอ แต่บรรยากาศการถ่ายทำช่วยให้ฉันได้ผ่อนคลายมากขึ้น”
ถ้าจะมีความกดดันเดียวก็คงเกิดขึ้นหลังจากหนังได้ฉายรอบปฐมทัศน์พร้อมกับคำล้นหลามที่เทศกาลหนังซันแดนซ์ “ฉันดีใจมากที่คนชอบหนังเรื่องนี้ และบอกว่าฉันทำได้ดี แต่ฉันออกจะหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน ตอนที่พวกเขาบอกว่า ฉันจะกลายเป็นเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์คนต่อไป ฉันหมายถึงมันน่าดีใจ แต่ถ้าฉันไม่ประสบความสำเร็จแบบเธอล่ะ มันกดดันมากๆ เลยนะ”
นอกจากจะเป็นหนังที่ได้รับคะแนนท่วมท้นลำดับต้นๆ จากนักวิจารณ์ในเทศกาลหนังซันแดนซ์ “Leave No Trace” ยังพาตัวเองไปอวดโฉมในเทศกาลระดับโลกอย่างเมืองคานส์ และกวาดคำชื่นชมมาอย่างมากมายจากนักวิจารณ์นานาชาติ บางคนถึงกับกล่าวว่า มันเป็นหนังที่ละเอียดอ่อนมากที่สุดเรื่องหนึ่งในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้
มาร่วมเดินทางไปกับสองพ่อลูกในหนังดราม่าน้ำดี และเชื่อได้ว่าจะชนะใจผู้ชมทุกคนกับ “Leave No Trace” ภาพยนตร์ในโครงการ Sony@House เริ่ม 12 กรกฎาคมนี้ เฉพาะที่โรงภาพยนตร์ House RCA แห่งเดียวเท่านั้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 0-2641-5177 หรือ FB/houseRCA