เป็นไปตามคาดไม่พลิกโผแต่อย่างใดหลังเดินหน้ากวาดรางวัลต่างๆ มานับไม่ถ้วน ในที่สุดนักแสดงสุดยอดฝีมือของเกาหลีใต้ “ยูนยอจอง” ก็สามารถคว้ารางวัลระดับโลกอย่าง #Oscars (ออสการ์) สาขา “นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม” จากภาพยนตร์ดราม่าสุดอบอุ่นหัวใจ “Minari มินาริ” มาครองได้สำเร็จ
ชื่อของนักแสดงตัวแม่ของแม่ “ยูนยอจอง” กลายเป็นชื่อที่สื่อมวลชนและผู้ชมทั่วโลกต่างให้ความสนใจกันเป็นอย่างมากทันทีหลังจาก “Minari มินาริ” ออกฉายเนื่องจากการแสดงในบท “คุณยายว้าวซ่า” ที่ทำให้ผู้ชมมีทั้งรอยยิ้มและคราบน้ำตาแห่งความประทับใจ นับเป็นอีกหนึ่งการแสดงขั้นเทพของเธอจากผลงานมากกว่า 80 เรื่องที่มีมาตลอดกว่า 50 ปี ก็เป็นเครื่องการันตีว่าผู้หญิงวัยเก๋าคนนี้ฝีมือไม่ธรรมดาตัวจริง!
จากความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้เธอกลายเป็น “นักแสดงเกาหลีคนแรกที่ได้รับออสการ์” และเป็นคนที่สองของเอเชียต่อจาก “มิโยชิ อูเมกิ” (Miyoshi Umeki) นักแสดงชาวญี่ปุ่นที่เคยคว้ารางวัลนี้จากภาพยนตร์ดราม่าเรื่อง “Sayonara” เมื่อปี 1957 แต่กว่าจะมาถึงจุดท็อปฟอร์มนี้ชีวิตของ “ยูนยอจอง” เรียกว่าไม่ง่ายเลย เธอต้องพบกับบททดสอบชีวิตมากมาย เราไปทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นกัน!
ผลงานการันตีระดับตำนาน
“ยูนยอจอง” มี “ผลงานการแสดงกว่า 80 เรื่อง” การันตีฝีมือการแสดงมากว่า 50 ปี
แจ้งเกิดในยุค 70 โดยการเป็นนักแสดงหญิงคู่บุญของผู้กำกับระดับตำนานของเกาหลี “คิมคียง”
จากนั้นเธอขอวางมือชั่วคราวและย้ายไปอเมริกาก่อนที่จะกลับมาสร้างชื่ออีกครั้งในยุค 80
ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเธอในอเมริกาคือ “The Housemaid” (2010) และ “Sense8” (2015-2017)
“เมอรีล สตรีป” แห่งเกาหลี
สุดยอดฝีมือการแสดงของเธอต่างสร้างความประทับใจให้ผู้ชมจนได้ฉายาว่าเป็น “เมอรีล สตรีป แห่งเกาหลี”
ฝันที่เป็นจริง
“ลี ไอแซก ชอง” ผู้กำกับ “Minari มินาริ” บอกว่าเขาเคยเปิดหนังของ “ยูนยอจอง” ให้นักเรียนดู
ตอนที่เขาสอนวิชาประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ พอเขาได้มาร่วมงานกับเธอ เขารู้สึก “ฝันเป็นจริง”
แม้กระทั่งพ่อของเขายังบอกว่าหนังเรื่องนี้ต้องออกมาดีแน่ๆ เมื่อรู้ว่าเธอรับเล่น!
เข้าวงการด้วยความบังเอิญ
“ยูนยอจอง” เข้าสู่วงการด้วย “ความบังเอิญ” จากการเข้าร่วมรายการเกมโชว์เด็ก
จนไปเตะตาผู้กำกับดังและได้แจ้งเกิดในผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกเมื่อปี 1971
เปลี่ยชีวิตเดินหน้าเข้าสู่วงการ
“ยูนยอจอง” สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เธอหวังไว้ไม่ผ่าน เธอเลยไปเรียนเอกภาษาและวรรณกรรมที่มหาวิทยาลัยฮันยาง
ก่อนที่เธอจะตัดสินลาออกในที่สุด และ “เดินหน้าเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มตัว”
หันหลังให้วงการ มุ่งหน้าสู่อเมริกา
“ยูนยอจอง” เข้าใจชีวิตของผู้อพยพเป็นอย่างดี เพราะหลังแต่งงานกับนักร้องเกาหลีใต้ชื่อดัง
เธอขอเลือก “ทิ้งชีวิตในวงการ” ไปทำหน้าที่คุณแม่ลูกสองที่อเมริกา
โดยที่ตัวเธอพูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่จะกลับมารับงานแสดงอีกครั้งในปลายยุค 80
ไม่เคยคิดว่าจะเป็นนักแสดง
“ยูนยอจอง” ไม่คิดว่าเธอจะกลายเป็นนักแสดง เพราะเธอไม่ใช่คนที่ตกหลุมรักละครเวทีหรือภาพยนตร์
เธอเป็นนักแสดงทีวีโดยบังเอิญตอนอายุ 21 ปี จากนั้นจึงได้เล่นภาพยนตร์เรื่องแรก “Woman of Fire” (1971)
แล้วก็โด่งดังทันที “เธอรับบทบาทการแสดงทุกบท เพราะลูกชายทั้งสองคนของเธอ”
ความคาดหวังต่อ “ออสการ์”
“ยูนยอจอง” กล่าวว่าการที่ “Parasite” (2019) คว้ารางวัล “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” จากเวทีออสการ์เมื่อปีก่อน
ทำให้โลกหันมาจับตาภาพยนตร์เกาหลี “มันสร้างความคาดหวัง” ว่าเธอจะชนะรางวัล “นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม”
มีแต่คนบอกว่า “ฉันต้องชนะ มันกดดันเหมือนกันนะ ฉันบอกบงจุนโฮ (ผู้กำกับ Parasite) ว่าทั้งหมดนี่มันเริ่มมาจากเขาทั้งนั้นนะ”
สามารถอยู่บนเตียงได้ทั้งวัน
สำหรับ “ยูนยอจอง” แล้วการที่ได้ “อยู่บนเตียงตลอดทั้งวัน” ถือว่าเป็นความสุขและเป็นงานอดิเรกของเธอ
เธอบอกว่าชอบดูทีวีหรือไม่ก็นอนหลับแบบไม่คิดอะไรเลย เธอแฮปปี้มากๆ
เพราะว่าจะได้พักผ่อนแบบที่ไม่ต้องเห็นใครเลย
เธอสามารถอยู่บ้านแล้วก็อยู่บนเตียงอันเป็นมุมโปรดของเธอได้ตลอด 24 ชั่วโมง!
“นักแสดงเกาหลีใต้คนแรก” ที่ชนะออสการ์!
“ยูนยอจอง” เป็น “นักแสดงชาวเกาหลีใต้คนแรก” ที่ได้รับรางวัล “ออสการ์”
ในสาขา “นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม” จากภาพยนตร์เรื่อง “Minari” (2020)
“Minari มินาริ” ถ่ายทอดเรื่องราวของหนึ่งครอบครัวชาวเกาหลีในยุค 80 ที่หอบเอาความหวังไปตั้งต้นชีวิตใหม่บนแผ่นดินอเมริกา พวกเขาเริ่มต้นจากการเป็นชาวสวนชาวไร่บนดินแดนที่ไม่คุ้นเคย ต้องปรับตัวให้เข้ากับผู้คนและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากเกาหลีโดยสิ้นเชิง นอกจาก “ยูนยอจอง” แล้วยังมีนักแสดงมากฝีมืออย่าง “สตีเฟน ยอน” (Walking Dead, Burning, OKJA) และ “ฮันเยริ” (Hello My Twenties!, Love Guide for Dumpees, As One) ผ่านการกำกับโดย “ลี ไอแซก ชอง” พิสูจน์ความยอดเยี่ยมสุดประทับใจของอีกหนึ่งภาพยนตร์แห่งปีเรื่องนี้ วันนี้ ในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่าง-คลิปภาพยนตร์: https://bit.ly/3fGHNpA