“Hypnotic จิตบงการปล้น” ผลงานการกำกับภาพยนตร์แอ็กชันเดือดไอเดียล้ำล่าสุดของผู้กำกับบ้าพลัง “โรเบิร์ต รอดริเกซ” ที่บอกเล่าเรื่องราวของนักสืบหนุ่ม “แดนนี รูก” (เบน แอฟเฟล็ก) ที่ต้องเข้าไปพัวพันกับโจรกรรมครั้งใหญ่ของ “ชายปริศนา” (วิลเลียม ฟิชต์เนอร์) ผู้ใช้การ “บงการจิต” เป็นอาวุธสำคัญ งานนี้แดนนีจึงต้องร่วมมือกับ “ไดอานา ครูซ” (อลิซ บรากา) หญิงสาวผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตมาช่วยเขาแกะรอยแผนการร้ายครั้งนี้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน
โดยโปรเจกต์นี้เป็นการปลุกปั้นกว่า 20 ปีของรอดริเกซซึ่งเริ่มร่างไอเดียมาตั้งแต่ปี 2002 และได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานคลาสสิกเรื่อง “Vertigo” (1958) ของผู้กำกับระดับตำนาน “อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก” ทั้งยังเผยว่าโปรเจกต์นี้เป็นสิ่งที่เขาเฝ้ารอและอยู่ในใจเขามาตลอด
ได้ยินว่าคุณพัฒนาหนังเรื่องนี้มากว่า 20 ปี
โปรเจกต์นี้อยู่ในใจของผมมาโดยตลอด ผมได้ไอเดียทำหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ลูกชายผมอายุ 5 ขวบ จนพวกเขาโตจนได้ช่วยผมทำงานในหนังเรื่องนี้ หนังบางเรื่องอาจใช้เวลาเตรียมงานนานกว่าเรื่องอื่น มันอาจต้องเกิดบางอย่างกับชีวิตคุณก่อนมันถึงจะจุดประกายไอเดียเฉียบๆ จนมันลงล็อก จุดหักมุมบางจุดในหนังเรื่องนี้ได้มาจากประสบการณ์ชีวิตของผม ผมต้องแก่พอที่จะเจนโลกเสียก่อน มันคือความระทึกสไตล์ฮิตช์ค็อกแบบอัดสเตียรอยด์ ผมอยากให้มันเต็มไปด้วยจุดหักมุมกับเรื่องราวของวายร้ายที่พร้อมพรากทุกสิ่งไปจากคุณ แต่คุณอาจจำไม่ได้ว่าเคยเจอเขาด้วยซ้ำ
การทำงานร่วมกับนักแสดงและผู้กำกับแนวหน้าของวงการอย่าง “เบน แอฟเฟล็ก” เป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับผมพระเอกเรื่องนี้เป็นสุดยอดผู้กำกับคนหนึ่งของวงการ ซึ่งความสามารถของเบนจะช่วยยกระดับหนังเรื่องนี้ ออร่าของ “เบน แอฟเฟล็ก” ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังถ่ายหนังฮิตช์ค็อกเลย เหมือนผมทำงานกับนักแสดงรุ่นคลาสสิก เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่พร้อมจัดเต็มให้กับบทบาท เขาโคตรจะเท่ เขาพร้อมทำทุกอย่าง เขาช่วยเราประหยัดเวลาได้เยอะมาก
ภาพยนตร์เรื่องนี้เจอพิษโควิดเข้าไปเต็มๆ คุณรับมือกับมันอย่างไร
งบเราลดลงเพราะเราต้องเลื่อนถ่ายหลายรอบ ซึ่งการเลื่อนครั้งนี้ทำให้ตารางถ่ายทำกระชั้นขึ้น ผมไม่เคยถ่ายหนังเร็วขนาดนี้มาก่อน ตารางมันเข้มข้นมาก มันหมายถึงผมต้องควบรวมหลายหน้าที่เหมือนสมัยที่ผมทำ “El Mariachi” (1992) เลย ทั้งกำกับ, โปรดิวซ์, เขียนบท, ตัดต่อ และถ่ายด้วย มันเหมือนย้อนเวลากลับไปสมัยนั้นเลย แตกต่างกันตรงที่ตอนนี้ผมมีประสบการณ์มากกว่าและมีสตูดิโอเป็นของตัวเอง
นี่เป็นอีกครั้งที่คุณได้ร่วมงานกับ “พาโบล เบอร์รอน” ผู้กำกับภาพคู่ใจ
เราสนิทกันมาก มันช่วยได้เยอะ ทุกคืนหลังปิดกอง ผมกับพาโบลมักเอาฟุตเทจที่ได้ในแต่ละวันมาตัดต่อคร่าวๆ และเอาให้นักแสดงดูในเช้าวันถัดไปเพื่อให้เห็นภาพตรงกัน มันสร้างความไว้ใจในการทำงาน เวลาถ่ายหนัง เราไม่รู้หรอกว่ามันจะออกมาเป็นยังไงจนกระทั่งได้เห็นฟุตเทจที่ตัดต่อแล้ว ยอมเหนื่อยหน่อย แต่มันช่วยให้ทำงานง่ายขึ้นจริงๆ นะ
“Hypnotic” เป็นเหมือนธุรกิจครอบครัว เพราะคุณพาลูกชายสองคนของบ้านรอดริเกซมาร่วมแจมในเรื่องนี้ด้วย
ใช่ คำว่าครอบครัวที่เกริ่นไป ไม่ใช่แค่อุปมาอุปมัย “เรเซอร์” เป็นโปรดิวเซอร์หลักคนหนึ่งของเรื่อง เขาประจำอยู่หน้ากองเสมอ และ “เรเบล” รับหน้าที่ทำดนตรีประกอบให้หนัง ผมเคยทำเพลงให้หนังตัวเองเหมือนกัน แต่เรื่องนี้เรเบลแย่งผมทำ (หัวเราะ) เรื่องก่อนที่เราทำ “We Can Be Heroes”(2020) เขาทำเพลงตามคำแนะนำของผม คราวนี้เขาเริ่มทำเพลงตั้งแต่ขั้นเตรียมงาน พอเราปิดกล้องเขามีเพลงรอไว้แล้วหลายเพลงเลย แต่จริงๆ แล้วลูกชายคนเล็กของผม “โรก รอดริเกซ” ก็มีส่วนช่วยด้วย เขาจำลองซีนก่อนถ่ายทำจริงด้วยแอนิเมชัน มันช่วยให้เราหาวิธีถ่ายทำสำหรับช็อตที่ต้องอาศัยเทคนิคพิเศษ มันทำให้เราเห็นภาพรวมของซีนนั้นๆ ก่อนลงมือจริง เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยเอนจินของวิดีโอเกม
คุณอยากฝากอะไรถึงแฟนๆ ภาพยนตร์ที่เฝ้ารอชม “Hypnotic” อยู่ไหม
“Hypnotic” เป็นไอเดียหนังที่ชอบที่สุดเท่าที่ผมเคยเขียนมา มันเป็นผลงานที่มอบโอกาสให้ผมจัดเต็มไอเดียสุดล้ำที่ผมอยากทำมานาน มันเหมือนพาผู้ชมเข้าห้องมืด พยายามทำให้พวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่ตรงหน้าคือของจริง ทำให้พวกเขาอินไปกับการสะกดจิต ด้วยการใช้ภาพ เสียง และดนตรี นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครในเรื่องเช่นกัน พวกเขาแยกไม่ออกว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง
เตรียมมันส์ระทึกไปกับมหึมาภาพยนตร์แอ็กชันโจรกรรมแห่งปี “Hypnotic จิตบงการปล้น” ผลงานสุดล้ำเรื่องล่าสุดของผู้กำกับมากฝีมือ “โรเบิร์ต รอดริเกซ” ที่กลับมาจัดเต็มแอ็กชันเดือดของเกมปล้นบงการจิตที่ทั้งโลกไม่เคยเห็น 22 มิถุนายนนี้ ในโรงภาพยนตร์