“เคเจ อาปา” นักแสดงหนุ่มหล่อมากความสามารถที่เกิดและเติบโตในโอ็กแลนด์ นิวซีแลนด์ เขาเริ่มเข้าสู่โลกของการแสดงเรื่องแรกผ่านบทละครโทรทัศน์เรื่อง “Shorttime Street” และมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักจากบทบาท “อาร์ชี” ในซีรีส์เรื่อง “Riverdale” (2017-) ก่อนที่จะเข้ามาในโลกของภาพยนตร์โดยประเดิมเรื่องแรกจาก “A Dog’s Purpose” (2017), “The Hate U Give” (2018) ด้วยความสามารถทางการแสดง และทักษะยอดเยี่ยมด้านดนตรีและเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้เขาได้รับบทนำใน “I Still Believe จะรักให้ร้อง จะร้องให้รัก” ภาพยนตร์ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นหนังโรแมนติกที่สุดแห่งปี 2020 สร้างจากเรื่องจริงสุดกินใจของศิลปินเจ้าของรางวัลออสการ์ “เจเรมี แคมป์” กับเรื่องราวความรักที่ถูกการทดสอบอย่างหนักแต่ความรักนี้กลับสร้างแรงบันดาลใจที่ดีเยี่ยมให้กับทุกคน นี่เป็นครั้งแรกที่อาปารับบทคนที่มีตัวตนจริงๆ เขาจริงจังกับงานนี้มาก เขาทุ่มเวลาทำความรู้จักกับเจเรมี แคมป์ตัวจริงเพื่อเข้าถึงตัวตนเรื่องราวความรักและความคิดของเขา
พูดถึงการมารับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง “I Still Believe”
สิ่งที่ทำให้ผมรับบทนี้คือการที่มันเป็นเรื่องราวความรักซึ่งความรักของพวกเขาสร้างแรงบันดาลใจได้ดีจริงๆ ในเรื่องผมรับบทเป็น “เจเรมี แคมป์” บุคคลผู้ซึ่งมีชีวิตอยู่จริงๆ เจเรมีเป็นศิลปินผู้เกิดและโตในรัฐอินเดียนา มีเรื่องราวอันน่าทึ่งที่จะบอกกับโลกนี้ สิ่งที่ดึงดูดผมให้สนใจในคาแร็กเตอร์นี้ คือสายสัมพันธ์ที่เจเรมีมีต่อเมลิสซา และความรักที่พวกเขามีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาทั้งคู่เป็นสิ่งที่ทำให้ผมสนใจในคาแร็กเตอร์นี้
สิ่งที่พิเศษและไม่เหมือนใครเกี่ยวกับความรักในครั้งนี้คือการที่ทั้งคู่ต้องเจอกับบททดสอบที่เมลิสซาต้องผ่าน และการที่เจเรมีคอยอยู่เคียงข้ามเมลิสซาเสมอมา อย่างที่เจเรมีบอกเมลิสซาว่า “ผมจะอยู่ข้างๆ คุณทุกๆ ก้าวทุกๆ ขณะ” และนี่คือแก่นหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ หนทางแห่งการก้าวผ่านความกลัวและความผิดหวังอันยิ่งใหญ่ที่ผ่านมาแล้วคุณก็ยังเชื่อในความรัก
นอกเหนือจากการถ่ายทอดตัวตนของเจเรมีแล้ว อีกความท้าทายของคุณในการถ่ายทอดดนตรี
ดนตรีคือรักแรกของผมก็ว่าได้ ผมโตมาในบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงเพลง พ่อของผมเป็นผู้ให้แรงบันดาลใจในเรื่องดนตรี เขาเล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่าง ดนตรีเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นได้ตลอดเวลา การได้ยินเพลงใหม่ๆ หรือได้ยินอะไรใหม่ๆ เป็นอะไรที่ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกเบื่อเลย ในเรื่องนี้นอกจากได้แสดงแล้วผมยังได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วย ทั้งเพลง “Find Me in the River” และ “I Still Believe” ซึ่งเราเอาเพลงที่เจเรมีแต่งมาเพิ่มกลิ่นอายใหม่ๆลงไป อย่างดนตรีคือชีวิตของเจเรมีมันช่วยให้เขาผ่านช่วงเวลายากลำบากมาได้ ผมต้องการให้เกียรติบทเพลงของเขาและสื่อสารมันออกมาผ่านบทเพลงให้ดีที่สุด
การทำงานกับ “แกรี ซีนีส”
ความฝันของผมคือการได้ร่วมงานกับ “แกรี ซีนีส” (Forrest Gump, Apollo 13, ซีรีส์ Criminal Minds: Beyond Borders) ผมรู้สึกโชคดีมากๆ ที่ได้แกรีและ “ชาไนอา ทเวน” มารับบทเป็นพ่อและแม่ของผมในเรื่อง เป็นอะไรที่เหนือความจริงมาก เพราะตอนเด็กๆ ผมเคยดูแกรีอยู่ในทีวี เป็นช่วงแรกๆ ของวัยเด็กที่ผมได้ดูทีวี และแกรีเล่น “CSI” อยู่ในจอทีวี มันเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ในวัยเด็กที่ผมจำได้ การเจอกับแกรีครั้งแรกมันสุดยอดไปเลย เขาเป็นผู้ชายที่สุภาพและถ่อมตนมาก
การร่วมงานกับ “บริตต์ โรเบิร์ตสัน”
อย่างสัตย์จริงเลยนะ ผมไม่สามารถจินตนาการภาพที่ผมแสดงเรื่องนี้กับคนอื่นที่ไม่ใช่บริตต์ได้เลย ถึงมองย้อนกลับไปก็ไม่มีใครสามารถมาเล่นบทนี้แทนที่บริตต์ได้เลย เธอเป็นคนที่ไม่เหมือนใคร การที่ได้แสดงกับคนที่ไม่มีอีโก้ ไม่ได้เคร่งเครียดกับตัวเองตลอดเวลา และหลงใหลในเรื่องราวนี้จริงๆ เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก เราทั้งคู่ต่างหลงรักเรื่องราวนี้มันเลยทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้พิเศษ
ผม บริตต์ และผู้กำกับของพวกเราได้สร้างสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการถ่ายทำ มันจึงทำให้พวกเราสามารถพูดคุยกัน ถกเถียงกัน ร่วมกันหาคำตอบ ด้วยความที่ผู้กำกับทั้งคู่เขาร่วมมือกันได้อย่างยอดเยี่ยม และผมกับบริตต์ก็สามารถร่วมงานกันได้อย่างสุดยอดจึงเป็นการสร้างบรรยากาศน่าอัศจรรย์ในการทำงานสำหรับทุกคนได้เป็นอย่างดี ทำให้ทุกคนคิดว่า ว้าว ทุกคนเปิดกว้างกับไอเดีย และมันน่าทึ่งมากๆ และผมคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำงาน สำหรับผมการที่ได้ทำงานกับคนที่มีอีโก้สูงเป็นการทำลายไอเดียไปอย่างรวดเร็ว แต่กับบริตต์เธอเป็นคนที่มหัศจรรย์มาก เป็นนักแสดงสาวยอดเยี่ยมและผมรู้สึกโคตรมีความสุขเลยที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับเธออีกครั้งหลังจากที่เคยร่วมงานกันมาแล้วใน “A Dog’s Purpose” (2017)
พูดถึงแรงบันดาลใจที่ได้รับ
การได้เป็นส่วนหนึงของภาพยนตร์เรื่อง “I Still Believe” สร้างแรงบันดาลใจให้ผมอย่างมากในหลายๆ ด้าน หนึ่งในนั้นคือผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าความเชื่อหน้าตาเป็นยังไงจนกระทั่งผมได้มาแสดงเรื่องนี้ ได้เจอกับเจเรมีและรู้เรื่องราวของเขา ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะมีคนที่เชื่อในพระเจ้าได้มากขนาดนั้น และนั่นเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผมอย่างหนักหน่วง และเรื่องดนตรีก็ได้ใจผมไปเช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่ผมได้ยินเสียงดนตรีนั้นมันทำให้ผมรู้สึกขนลุก และนี่จะเป็นประสบการณ์ที่ผมจะจำไปตลอดชีวิต
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นโปรเจกต์สำคัญที่สุดที่ผมเคยมีส่วนร่วมมา และแน่นอนว่าเป็นโปรเจกต์ที่ผมอยากให้ทุกคนได้รับชม มันเป็นอะไรที่ผมภูมิใจมากๆ ผมไม่เคยภูมิใจกับอะไรที่ผมทำในชีวิตมากเท่านี้มาก่อน มันจึงสำคัญสำหรับผมมากๆ จริงๆ
คนดูจะได้รับอะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้
ผมคิดว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใครแต่ถ้าหากคุณได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุกคนจะสามารถเข้าถึงและเข้า ใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เพราะมันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความสูญเสีย ความหวัง และผมคิดว่าในฐานะของมนุษย์คนหนึ่งมันคือเรื่องที่ทุกคนจะต้องพบเจอในทุกวัน พวกเราทุกคนต่างเจ็บปวด ต่างเคยสูญเสียอะไรบางอย่าง ต่างเคยรักใครสักคนและเคยมีความหวัง และภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รวมทุกไอเดียเข้าด้วยกัน แต่ในท้ายที่สุดภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับเรื่องราวของคนสองคน “เจเรมี” และ “เมลิสซา” ความรักระหว่างพวกเขา การต่อสู้ที่พวกเขาต้องผ่านมา ผลกระทบที่มันเกิดขึ้นต่อคนรอบข้าง และการที่พวกเขาเชื่อมั่นในความเชื่อนั้น
ปิดท้ายฝากภาพยนตร์
ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนคลับของผมหรือไม่ ผมหวังว่าจะมีคนที่สามารถได้เรียนรู้ และได้อะไรบางอย่างไปจากภาพยนตร์เรื่องนี้ จากเรื่องราวความพยายามของเจเรมี เรื่องราวของเมลิสซา ผมว่ามันมีหลายมุมมากที่คุณจะอินและเข้าใจได้ดี มันยากมากเลยที่คุณจะเดินออกไปจากโรงภาพยนตร์โดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลย และผมคิดว่านี่เป็นอะไรที่พวกเราทำมันขึ้นมาได้เป็นอย่างดีโดยที่ไม่ได้พยายามอะไรเลย เพราะตัวเรื่องราวทำงานด้วยตัวของมันเอง
“I Still Believe” เป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ความเชื่อ ความหวัง ความรัก การสูญเสีย การไถ่บาป และพระเจ้า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรัก
#IStillBelieve 18 มิ.ย.นี้ ในโรงภาพยนตร์
https://www.youtube.com/watch?v=XRpq4kXX0x0&list=PLhAW9ysy1oTlbX_6f_xTP0FXGZ98gIzui&index=1