บันทึก “ทอม-อิสรา นาดี” ผู้กำกับ “ไทยแลนด์โอนลี่ #เมืองไทยอะไรก็ได้”
สำหรับตัวผมเอง ตั้งแต่ทำภาพยนตร์เรื่องแรกกล้าพูดเลยครับว่า มันเริ่มต้นจาก “ความเชื่อ”
ความเชื่อของผมก็คือ ภาพยนตร์ที่ดีซักเรื่องหนึ่ง มันจะต้องเริ่มต้นจากการที่มีบทภาพยนตร์ที่ดี
ถ้าให้ผมเปรียบว่าตัวภาพยนตร์มันคือร่างกายของมนุษย์ บทภาพยนตร์มันก็น่าจะเทียบได้กับโครงกระดูก
ลองนึกดูกันเล่นๆ ก็ได้ หากคุณมีกระดูกที่ไม่แข็งแรงแล้วร่างกายของคุณมันจะแข็งแรง มันจะยืดหยัดอยู่ได้อย่างไร จริงมั้ย
ผมกับทีมงานถึงได้ซีเรียสกับการทำบทมาก โดยเฉพาะกับงานชิ้นแรกอย่าง “ลองของ” ผมและเพื่อนทำบทกันอยู่นานมากเพราะต้องละเอียดและพิถีพิถันเพื่อความสมบูรณ์ของงาน
เมื่อผมบอกกับใครต่อใครว่า “ไทยแลนด์โอนลี่ #เมืองไทยอะไรก็ได้” คือภาพยนตร์ในแนวคอเมดี้เต็มตัวเรื่องแรกในชีวิตการทำหนังของผม หลายคนตกใจคิดว่า “ทอม อิสรา” จะสร้างเสียงหัวเราะได้หรือ?
แต่หากว่าลองนึกดูกันดีๆ ผลงานที่ผ่านมา แม้ว่าภาพหลักมันจะดูเป็นภาพยนตร์ในแนวสยองขวัญ แต่มันก็จะมีมุมคอเมดี้เล็กๆ ที่คอยเรียกเสียงหัวเราะจากพวกคุณซ้อนอยู่เสมอ เมื่อได้พูดคุยกับทางบริษัทพระนครฟิลม์ และทราบว่าเขามีไอเดียภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับความสนุกสนานกับเรื่องราวของ “ทัวร์จีน-ไกด์ไทย” อยากให้ผมทำ แค่ได้ฟังโครงเรื่องคร่าวๆ บอกตามตรงครับว่า ผมยังขำเลย นึกภาพตามออกเลยครับว่ามันจะเป็นแบบไหน
ปัญหาที่ตามมาหลังจากที่รับปากว่าจะทำงานก็คือ ผมจะทำอย่างไรเพื่อเฉลี่ยบทให้กับตัวละครได้ครบทุกคน เพราะเมื่อเป็นเรื่องของคณะทัวร์ นักแสดงอย่างน้อยก็ต้องไม่ต่ำกว่า 5-10 คน ทีมไกด์อีก ความปวดหัวคือเราจะเล่าเรื่องกันแบบไหนให้คนดูเข้าใจในทุกตัวละครภายในเวลาไม่เกินชั่วโมงครึ่ง
ภาพยนตร์คอเมดี้มันจะมีหลายรูปแบบ แบบของตัวผม…หนังมันอาจจะมีเส้นเรื่องที่ค่อนข้างมีเหตุมีผลต่อกัน ผมต้องการให้ผู้ชมลองให้โอกาสกับงานในแนวสนุกสนานอย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกของผม ถ้าหากว่าใครได้เคยดู “โอที” หรือเคยดู “กงเต็ก” (ตีสาม คืนสาม) แล้วชอบ รู้สึกมั้ยครับว่างานสองเรื่องนั้นมันมีแววขำอยู่
พอมาคราวนี้พวกคุณได้ขำกันเต็มๆ แล้วครับ มันเหมือนได้ปลดปล่อย รู้สึกสนุกและมีความสุขในการได้ทำเรื่องอะไรที่รู้สึกได้เป็นตัวเอง…