“เมกุโระ เร็น” นักร้องยอดนิยมจากวง “Snow Man” วงบอยแบนด์ไอดอลญี่ปุ่นจากค่าย “Johnny & Associates” ซึ่งตอนนี้เขาได้มีโอกาสแสดงความสามารถอันโดดเด่นด้านการแสดงหลายเรื่อง อาทิ ซีรีส์ “My Love Mix-Up! ยางลบสื่อรัก” (2021), “Maiagare!” (2022) และ “Silent” (2022) ส่วนการแสดงภาพยนตร์เรื่อง “Phases of the Moon เกิดกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ” นี้นับเป็นเรื่องแรกที่เขาได้รับบทนำของเรื่องในบท “มิซุมิ อากิฮิโกะ” นักศึกษาหนุ่มในยุค 80 ที่ตกหลุมรัก “รุริ” สาวสวยที่อายุมากกว่า เขาต้องเก็บงำซ่อนเร้นเอาไว้เหมือนพระจันทร์ในเงามืดรอวันที่จะได้เผยความรู้สึก บทนี้ทำให้เขาได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ว่าแสดงได้อย่างน่าสนใจจนได้ชิงรางวัล “Best New Actor” (Sponichi Grand Prix Male Newcomer) จากเวที “Mainichi Film Awards ครั้งที่ 77” (2022)
คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับเลือกให้แสดงเรื่องนี้
ผมมีความสุขมากครับ ผมได้อ่านบทก่อนแล้วจึงไปหาอ่านฉบับนวนิยายซึ่งทำให้ผมร้องไห้เลย ผมรู้สึกอย่างจริงใจที่ได้มีส่วนร่วมในงานนี้ครับ มันมีหลายส่วนในเรื่องที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่ผมคิดอยู่แล้ว บางอย่างมันตรงกับสิ่งที่ผมมักให้ความสนใจอย่างเช่นเรื่องในชีวิตประจำวัน เราทุกคนมักพูดว่า “เจอกัน” เวลาเอ่ยคำลา แต่สำหรับผมมักจะคิดว่าการได้พูด “เจอกัน” ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ และงานนี้ก็เล่าเรื่องราวแบบนั้น ดังนั้นจึงมีหลายส่วนในเรื่องที่เข้าถึงจิตใจผมได้
คุณรู้สึกอย่างไรกับบท “มิซุมิ อากิฮิโกะ”
ตอนที่ผมอ่านบทเป็นครั้งแรก ผมคิดว่าตัวเองก็น่าจะเล่นได้นะถ้านึกถึงตัวเองตอนอายุ 20 ปีได้ “มิซุมิ” ไม่ใช่คนเท่ซึ่งผมก็คิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น พอผมได้เจอ “รุริซัง” (อาริมุระ คาซุมิ) ผมคิดว่ามันเป็นการเจอกันด้วยโชคชะตากำหนด ตัวผมกำลังมองชีวิตไปข้างหน้า แต่เธอรู้สึกเหมือนได้มองย้อนอดีตชีวิตตัวเอง ยังมีหลายสิ่งที่มิซุมิไม่รู้ เขาอยู่ในช่วงระหว่างถูกสอนเรื่องอารมณ์ต่างๆ จากผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เขารู้สึกถึงความสั่นไหวของหัวใจในตอนนั้น
ตัวละครนี้ดูน่าเห็นใจมาก น่าสงสารที่สุดในบรรดาบทที่คุณแสดงมา
ผมเองก็คิดว่า “มิซุมิ” เป็นตัวละครที่น่าจะรับความเห็นใจจากคนดู ผมเองยังสงสารเขาเลยครับ ผมหวังว่าคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วคงอยากจะปฏิบัติต่อสมาชิกในครอบครัวและคนอื่นๆ ด้วยความห่วงใยมากขึ้นเพื่อที่จะไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง ผมคิดว่าบทนี้จะทำให้คนเปลี่ยนวิธีที่โต้ตอบกับผู้คน ผมอยากให้คนดูรู้สึกแบบนั้น
มีฉากไหนที่คุณคิดว่านี่คือปมปัญหาของ “มิซุมิ”
หลังจากสูญเสีย “รุริ” ไป “มิซุมิ” จะไปเที่ยวสถานที่ที่อยู่ในความทรงจำของเขา เช่น บริเวณที่ได้ดื่มเบียร์กับรุริ หรือไปที่ “Waseda Shochiku” โรงภาพยนตร์ที่เขาดูหนัง (โรงภาพยนตร์นี้เป็นโรงที่เก่าแก่ในโตเกียว) ในการอำลาอย่างกะทันหันถ้าคนที่สำคัญของผมจากไป ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าโลกของผมมันจะทลายไปขนาดไหน ผมคงรู้สึกเคว้งคว้างอยู่ผิดที่ผิดทาง มันเป็นความรู้สึกที่เหนื่อยมาก ความรู้สึกนี้ตามกลับไปบ้านเลย ผมรู้สึกว่าได้ใช้หัวใจและสมองไปมากจนอยากจะถอนหายใจ ผมรู้สึกว่าเวลาเล่นซีนร้องให้ต้องใช้พลังงานเยอะเป็นพิเศษครับ
มีวิธีจัดการความรู้สึกตกค้างจากตัวละครไหม
ผมคิดว่าสิ่งที่ควรจะทำคือการพยายามใช้ชีวิตให้ร่าเริงไว้จนกว่าจะกลับมาแสดงครับ และค่่อยสวิตช์ความรู้สึกกลับมาก่อนเข้าฉาก แต่ผมก็ไม่ได้เป็นคนที่สลัดความรู้สึกได้เก่งนัก ผมทำได้ทีละอย่าง ดังนั้นคืนก่อนที่จะแสดงผมจะบอกกับตัวเองว่าจะกำลังจะเล่นฉากนี้เพื่อให้ฟื้นความรู้สึกจากที่แสดงไปคราวก่อน ดึงความรู้สึกกลับมา และเมื่อได้อารมณ์แล้วก็เข้านอน ตื่นมาตอนเช้าความรู้สึกมันก็จะยังคงติดในหัว แม้กระทั่งมาถึงกองถ่ายแล้วเริ่มแต่งหน้า ความรู้สึกก็ยังอยู่ เวลาอยู่คนเดียวก็จะรู้สึกเหงา มันเลยทำให้ผมรู้สึกตอนกลับบ้านไป และรู้สึกว่าใช้ใจในการแสดงไปเยอะ
รู้สึกอย่างไรเมื่อได้เห็นงานที่เสร็จแล้ว
ผมทนดูบางฉากไม่ได้เลยครับ เพราะร้องไห้ตลอด ฉากที่ต้องมีการจากลากะทันหันนี่ไม่ได้เลย ร้องไห้ไม่หยุด
สมาชิกวง “Snow Man” เคยได้ชมเรื่องนี้หรือยัง
ผมไปดูรอบพรีวิวกับ “ราอูล” ครับ ผมร้องไห้เพราะว่าราอูลร้องไห้ ผมถึงขั้นบอกสตาฟฟ์ให้เอากระดาษทิชชูมาให้ผมหน่อย (หัวเราะ) ผมร้องไห้หนักมากจนแทบจะลุกจากเก้าอี้ไม่ไหวเลย ตอนที่ผมดูหนังอยู่ผมได้ยินเสียงร้องไห้มาจากราอูลที่นั่งถัดออกไป ผมรู้สึกมีความสุขมากที่เขาได้เห็นงานที่ผมทุ่มเทอย่างหนักออกมาได้ผลแบบนี้
ปกติแล้วคุณคอยเช็กผลงานเพื่อนๆ ในวงบ้างไหม
ผมพยายามดูงานที่เพื่อนๆ แสดงตลอดครับ และบอกพวกเขาว่าผมคิดอย่างไร การได้เห็นคนอื่นทุ่มเทอย่างหนักมันสร้างแรงบันดาลใจให้กับผม ผมคิดว่ามันจะทำให้ผมก็ต้องพยายามเหมือนกัน
รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้แสดงเป็นตัวละครวัยรุ่นยุค 1980
เราถ่ายกันในฉากที่เซตขึ้นมาให้เป็นสถานีรถไฟทากาดาโนบาบะในยุคนั้นเลยครับ มีรถจากยุคนั้นด้วยมันเป็นประสบการณ์ล้ำค่ามากสำหรับผมที่ได้มีโอกาสเห็นในสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันสนุกมากที่ได้แสดงในฉากเหล่านี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ดี ได้ใส่เสื้อผ้า ใส่เสื้อวงร็อกที่กำลังฮิตในตอนนั้น ซึ่งทีมงานก็จะบอกว่าสมัยก่อนเขาแต่งตัวกันแบบนี้ล่ะ ผมว่ามันสนุกมากครับ
คุณเคยทำงานพาร์ตไทม์ในร้านขายแผ่นเสียง คุณคุ้นเคยกับมันไหม
มันมีช่วงหนึ่งครับที่แผ่นเสียงกลับมาฮิตอีกครั้ง แต่ส่วนตัวผมเองนี่ไม่เคยฟังจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงด้วยซ้ำ ผมเองยังไม่ค่อยจะได้ฟังเพลงจากเครื่อง MD (Sony MiniDisc เครื่องฟังเพลงรูปแบบหนึ่งที่ฮิตมากๆ ในประเทศญี่ปุ่นยุค 90 ลักษณะเป็นเครื่องฟังเพลงแบบพกพาโดยเล่นจากแผ่นซีดีขนาดเล็ก แต่เสียงมีคุณภาพดี) เลยด้วยซ้ำ ผมมักจะไปร้านเช่าแผ่น MD แล้วไปหยิบเพลงธีมจากภาพยนตร์มาฟังใน MD ของตัวเอง (แต่ไม่เช่ากลับไป) ครับ (หัวเราะ)
ในหนังเรื่องนี้มีฉากที่ได้ดูภาพยนตร์ในโรง ปกติเข้าโรงหนังบ่อยไหม
นานแล้วที่ไม่ได้ไปโรงหนังตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาดครับ ผมไม่ได้ไปดูกับคนกลุ่มใหญ่ๆ แต่ก็เคยไปบ้าง ผมชอบหนังแอ็กชัน และหนังที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์จริงๆ ของมนุษย์ในด้านการจัดการความสมดุลระหว่างความรักและงานในชีวิตประจำวัน
คุณเชื่อเรื่อง “การกลับชาติมาเกิด” ไหม
ตอนนี้ผมยังมีชีวิตอยู่ผมเลยไม่สามารถบอกได้ครับว่ามันมีจริงไหม และเมื่อถึงปลายทางจริงๆ ก็ไม่มีใครรู้จริงๆ อีก แต่ผมคิดว่ามันเป็นไปได้นะ เวลาคิดถึงเรื่องการกลับชาติมาเกิด ผมรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นได้จริง การที่จะต้องจากลาจากใครสักคนมันเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่เมื่อคิดว่าเดี๋ยวก็จะได้กลับมาเกิดอีกครั้งมันทำให้รู้สึกว่ามีความหวังเล็กๆ ผมยังไม่ได้คิดว่าถ้าเกิดใหม่ได้จริงจะทำอะไร แต่ถ้ามีโอกาสผมก็คงอยากจะได้เจอกับผู้คนที่ผมรักในชาตินี้
อะไรที่ทำให้คุณมีความสุขในช่วงนี้
ทุกวันนี้งานยุ่งมากครับแต่ผมก็มีความสุข ก่อนที่ผมจะเดบิวต์ผมอยากทำในสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้นี่แหละ แต่ตอนนั้นทำไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
“Phases of the Moon เกิดกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ” 2 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์