จากจินตนาการของ “อารี แอสเตอร์” ผู้กำกับสายหลอนที่มาแรงที่สุดแห่งทศวรรษ สู่ภาพยนตร์ระดับเอลิสต์เรื่องล่าสุดจากสตูดิโอ “A24” ที่คอหนังทั่วโลกจับตามองกับ “Beau Is Afraid โบอย่าไปกลัว” ภาพยนตร์เขย่าขวัญสั่นประสาทกระแสแรงที่ได้ “วาคีน ฟีนิกซ์” นักแสดงมากฝีมือผู้ชนะรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก “Joker” (2019) มาร่วมถ่ายทอดทุกมิติความกลัวของ “โบ” ที่จะทำให้คุณ “คาดไม่ถึง”
นอกจากนี้ยังได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง “แพตตี้ ลูโพน” (Evita, Les Misérables) มารับบทเป็น “แม่” ของโบ, “นาธาน เลน” (The Birdcage, Mousehunt), “เอมี ไรอัน” (Gone Baby Gone, Birdman), “สตีเฟน แม็กคินลีย์ เฮนเดอร์สัน” (Dune) และ “อาร์เมน นาฮาเพเชียน” นักแสดงเด็กหน้าใหม่น่าจับตามองผู้รับบท “โบ” ในช่วงวัยเด็ก มาร่วมถ่ายทอด “ความกลัว” ภายใต้อารมณ์ขันสุดดาร์กในแบบฉบับของ “อารี แอสเตอร์” หากใครยังคิดถึงความสยองแบบ “Hereditary” (2018) และ “Midsommar” (2019) อย่าพลาดที่จะไปท้าพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตาคุณเอง
ที่มาของโปรเจกต์ “Beau is Afraid”
ที่มาของหนังเรื่องนี้คือผมอยากเขียนอะไรที่ทำให้ผมหัวเราะได้ เมื่อสิบปีก่อนผมอยู่ที่แอลเอ สัญญาเช่าห้องของผมกำลังจะสิ้นสุด ผมต้องหาที่อยู่ใหม่ ผมนึกภาพของชายคนหนึ่งอาศัยอยู่ในห้องพักของตัวเอง ทุกข์ทรมานจากโรคเครียด กลัวทุกสิ่งทุกอย่าง เขาเตรียมตัวไปเยี่ยมแม่แต่มันอาจจะเป็นไปไม่ได้
ผมใช้เวลาหลายปีปั้นมันขึ้นมา ผมอยากทำหนังเรื่องนี้ก่อน “Hereditary” เสียอีก พอเริ่มเขียนไอเดียก็ค่อยๆ พรั่งพรู ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้ผมอินกับหนังเรื่องนี้ ผมสร้างสิ่งทีมีความเป็นการ์ตูน ใส่ความเป็นตัวเองลงไป ซึ่งเป็นอะไรที่ต้องใช้การปะติดปะต่อ แถมยังฮามากๆ อีกด้วย อย่างน้อยก็ในความคิดผมนะ ผมอยากให้มันเป็นหนังเรื่องแรกของผม แม้ว่าดราฟต์แรกมันจะมีความเป็นการ์ตูนมากกว่าและไม่ค่อยลึกซึ้งเท่าไหร่นัก แต่มันค่อยๆ พัฒนาจนกลายเป็นอย่างที่เห็น มันมีความเป็นหนังผจญภัย คือการฝ่านรกแห่งฝันร้ายที่คุณจะคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
การทำงานกับ “วาคีน ฟีนิกซ์” เป็นยังไงบ้าง
ผมแปลกใจเพราะฟีนิกซ์ต้องการบทนี้ถึงขนาดเล่าแผนเตรียมตัวเพื่อรับบทเป็น “โบ วาสเซอร์แมนน์” ให้ผมฟังด้วย ก่อนที่เราได้ร่วมงานกันผมรู้สึกว่าวาคีนเป็นนักแสดงที่เก่งที่สุดในโลก แต่ผมคิดว่าเขาคงยุ่ง เขาเพิ่งได้ออสการ์แถมยังต้องเตรียมรับบทเป็น “นโปเลียน” อีก ผมไม่เคยทำงานกับนักแสดงคนไหนที่สนุกขนาดนี้ วาคีนถามทุกคำถามเท่าที่นักแสดงคนหนึ่งจะนึกออก เขาใส่ใจทุกรายละเอียดในบท เขาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ขั้นเตรียมงานจนถึงปิดกล้อง
เรียกได้ว่าถ้าไม่มี “วาคีน” ก็ไม่มี “โบ”
ใช่ ความทุ่มเทของวาคีนคือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่น เขาจัดเต็มให้ทุกซีน ฟีนิกซ์ทุ่มเทถวายจิตวิญญาณให้กับการเป็น “โบ” เขาแปลงโฉมตัวเอง เล่นฉากสตันต์ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระโดดทะลุกระจก, หล่นจากห้องใต้หลังคา, กลิ้งในอ่างน้ำทั้งวัน ในฐานะนักแสดงเขาต้องการซึมซับอารมณ์ตัวละครให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ วาคีนไม่วางฟอร์มดาราใหญ่ เขาทุ่มเทเกินร้อย
“โบ” คือใคร และเขากลัวอะไร ทำไมคุณถึงบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดผ่านตัวละครนี้
ผมว่า “โบ” คือตัวอย่างชั้นเยี่ยมในการแสดงให้เห็นว่าพ่อแม่มีส่วนทำให้ลูกมีอาการวิตกจริตได้อย่างไร ความกลัวและความคาดหวังที่ “โมนา” (แม่) ยัดใส่หัวโบตั้งแต่ลืมตาดูโลก มันเกินจะจินตนาการ มันชัดเจนว่าสิ่งที่โบกลัวที่สุดคือการทำให้แม่ของเขาผิดหวัง เขาคิดอยู่เสมอถ้าสิ่งที่เขาเลือกมันผิดล่ะ?
จิตใจของโบหยุดการพัฒนาไปนานแล้ว มันมีหลายอย่างในตัวเขาที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ ปมในใจของเขาไม่เคยได้รับการคลี่คลาย เขาโดนความเครียดตัดขา และติดกับดักในหัวของเขาเอง เขาเหมือนวัยรุ่นที่ติดอยู่ในร่างชายวัยกลางคน
เราพาผู้ชมไปอยู่ในหัวของเขา อยู่ในความคิดและความรู้สึกของเขา ผมอยากให้ผู้ชมเหมือนเป็นเซลล์หนึ่งในตัวเขา เหมือนคุณเดินตามรอยเขา เดินทางไปกับเขา แต่มันไม่ได้เน้นไปที่การติดตามว่าเขากำลังไปไหน แต่เน้นไปที่ประสบการณ์และความทรงจำของเขา จินตนาการและความกลัว หนังเรื่องนี้คือประสบการณ์ชีวิตของโบ
ผลงานทุกเรื่องมันเหมือนถอดมาจากเศษเสี้ยวของชีวิตคุณ
ผมว่ามันมีตัวตนของเราอยู่ในผลงานที่คุณสร้างเสมอนั่นแหละ ไม่ว่าคุณจะจงใจหรือไม่ก็ตาม สำหรับผมหนังเรื่องนี้มีความเป็นตัวผมมากกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา มันมีอารมณ์ขันสไตล์ของผมในทุกอณูของหนัง ใช่ผมตั้งใจให้มันตลกเหมือนผมตั้งใจทำ “Midsommar” เป็นหนังตลก ผมจำได้ว่าผมอ่านบทวิจารณ์ คนเขียนบอกว่าไม่รู้จะขำดีไหมตรงฉากเซ็กซ์ซีน ผมรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง ให้ตายสิตรงนั้นนี่ผมกะให้ขำกรามค้างเลยนะ
ได้ยินมาว่าคุณได้แรงบันดาลใจในการสร้างหนังเรื่องนี้มาจากวรรณกรรม
ดราฟต์แรกมาจากการลองเขียนไปเรื่อย ไม่นานผมพบว่าสิ่งที่เขียนได้อิทธิพลจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นตำนานกรีก, งานของบอร์เฆส, เวอร์จิล, คาฟกา, สเติร์น, เซอร์บันเตส และเทนเนสซี วิลเลียมส์ ผมไม่อยากใช้โครงสร้างเล่าเรื่องแบบหนังทั่วไป ผมอยากให้มันเหมือนงานเขียนไม่ปะติดปะต่อ หรือเป็นอะไรที่ผู้ชมสามารถจับต้นชนปลายได้ง่ายเกินไป
คุณสนุกกับขั้นตอนไหนใน “Beau Is Afraid” ที่สุด
งานออกแบบนี่ทำผมเสียสมาธิมาก เพราะผมเอาแต่นั่งออกแบบรายละเอียดต่างๆ ในโลกของ “โบ” จนลืมเตรียมงานด้านอื่นไปเลย มันไม่มีคำว่าจบ จนทีมออกแบบเกือบเป็นบ้า ทุกครั้งที่พวกเขาคิดว่าคงไม่มีปรับอะไรแล้ว ผมเอาของมาเติมตลอด ไม่ว่าจะเป็นโปสเตอร์, หนังสือ, ป้าย, ใบปลิว ผมสนุกกับการเนรมิตโลกนี้มาก ทุกสิ่งที่คุณเห็นในทุกเฟรมของเรื่องผ่านการออกแบบมาหมด
นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่คุณได้ร่วมงานกับค่ายหนังที่มาแรงที่สุดแห่งยุคอย่าง “A24”
โชคดีที่ผมและ “ลาร์ส คนุดเซน” โปรดิวเซอร์มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับ “A24” พวกเขาสนับสนุนโปรเจกต์นี้ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ผมเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหนังเรื่องนี้เสร็จออกมาได้ เราแซวกันเสมอว่าใครกันที่บ้าให้ไฟเขียวโปรเจกต์นี้
เตรียมพบกับภาพยนตร์ที่คอหนังตัวจริงห้ามพลาด “Beau Is Afraid โบอย่าไปกลัว” ผลงานกำกับเรื่องล่าสุดจากผู้กำกับ “Midsommar” 25 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์