เรื่องราวสุดอาถรรพ์จาก “5 Amulet” ต้องคำสาปทั่วโลก #Amulet #ชีปีศาจ

เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องราวสุดแปลก ลึกลับ น่ากลัวจากพิธีกรรมและคาถาต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก รวมไปถึงความเชื่อที่มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์รองรับ แต่ก็ยังมีอีกหลายความเชื่อที่ยังต้องค้นหาคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นการทำมนตร์ดำของชนเผ่าวูดู, คำสาปจากสุสานฟาโรห์ หรือแม้แต่เรื่องราวที่เกี่ยวกับความเชื่อเรื่อการทรงเจ้าในบ้านเรา หลายคนก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง บ้างก็เล่าต่อกันมาว่าเป็นเรื่องราวคำสาป บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของเทพหรือภูติผีปีศาจ แต่นั่นก็ยังเป็นสิ่งที่ยังต้องค้นหาคำตอบกันต่อไป แต่เรื่องราวสุดพิศวงเกี่ยวกับความลึกลับสุดอาถรรพ์จาก 5 เครื่องรางต้องคำสาปทั่วโลกนี้ มันเคยเกิดขึ้นจริงมาแล้ว!

 

Amulet-Statue02

1) กล่อง Dybbuk

“ตู้เก็บไวน์สุดหลอน” มีต้นกำเนิดมาจากชาวยิวตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมันไม่ได้มีไว้สำหรับเก็บไวน์

แต่มันมีไว้เพื่อขังวิญญาณชั่วร้ายจากการสงครามล้างเผ่าพันธุ์ “กล่อง Dybbuk” กลับมาได้รับความสนใจเป็นอย่างมากอีกครั้ง

เมื่อมีคนนำมาประมูลบน eBay เมื่อปี 2544 โดยชายที่คร่ำหวอดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผู้รอดชีวิตมาจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

เขาพบกับเรื่องราวแปลกๆ เมื่ออยู่ใกล้กับกล่องใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝันร้ายไปจนถึงโรคประหลาดที่ไม่พบการรักษาในการแพทย์

ซึ่งนอกจากความอาถรรพ์แล้วสิ่งของชิ้นนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ภาพยนตร์สยองขวัญปี 2012 เรื่อง “The Possession” อีกด้วย

 

 

Amulet-Statue03

2) The Women of Lemb

“คำสาปเทพธิดาแห่งความตาย” หรือที่รู้จักกันในชื่อ The Goddess of Death” รูปปั้นแกะสลักจากหินปูน

ถูกค้นพบในยุโรปตะวันออกเมื่อราว 3,500 ปีก่อนคริสตกาล ในเมือง Lemb ประเทศไซปรัส

มีลักษณะคล้ายกับเทวรูปด้านการเจริญพันธุ์ของเทพธิดาในสมัยโบราณ แต่แทนที่จะสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อบุคคล

มันกลับถูกเรียกว่า “รูปปั้นมรณะ” เจ้าของรูปปั้นคนแรกคือ “ลอร์ดเอลฟอนต์” และครอบครัว ทั้งหมดเสียชีวิตทั้งหมด 7 คน ภายใน 6 ปี

หลังจากที่เขาครอบครองรูปปั้นนี้ และยังส่งผลร้ายไปมากถึง 4 ครอบครัว

ก่อนที่มันจะถูกจัดตั้งที่พิพิธภัณฑ์ในสกอตแลนด์ และมีภัณฑารักษ์เสียชีวิตอย่างปริศนา 1 ปีหลังจากที่มันถูกย้ายมา

ปัจจุบันนี้รูปปั้นมรณะดังกล่าวยังอยู่ใน “พิพิธภัณฑ์ Royal Scottish Museum” ในเมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์

โดยมันถูกป้องกันโดยกระจก หรือจริงๆ แล้วจะพูดให้ถูกว่าพวกเราเองต่างหากที่ถูกปกป้องจากอาถรรพ์ของมัน

 

 

Amulet-Statue04

3) Maori Warrior Masks

“หน้ากากนักรบต้องคำสาปของชนเผ่าเมารี” ถูกติดตั้งอยู่ในบริเวณ “พิพิธภัณฑ์ชาวเมารี” ในเมืองเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์

ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวเมารี ถ้าหากนักรบเกิดเสียชีวิตในระหว่างการต่อสู้ วิญญาณที่ล่องลอยจะกลับมาสิงอยู่ในหน้ากากนักรบของตัวเอง

ทำให้หน้ากากนักรบแห่งเมารีกลายมาเป็นวัตถุต้องคำสาปที่ใกล้ชิดกับความตายและเลือดเป็นอย่างมาก

ในปัจจุบันมีคำสั่งห้ามไม่ให้สตรีมีครรภ์และมีประจำเดือนเข้าใกล้ เพราะมันสามารถเรียกคำสาป

ซึ่งประเพณีของชาวเมารีบอกว่าผู้หญิงเหล่านี้เป็น “ทาปู” (หรือต้องห้าม) หมายความว่าหากเข้าใกล้มากเกินไป

คำสาปก็อาจถูกสาปแช่งได้ ปัจจุบันมันเป็นหนึ่งในวัตถุต้องคำสาปที่ทำการเก็บรักษาเอาไว้หลังตู้กระจกที่ถูกล็อกปิดตาย

 

 

Amulet-Statue05

4) The Aztec Death Whistle

“เสียงนกหวีดแห่งความตาย” ถูกค้นพบเมื่อ 20 ปีก่อนในช่วงปี 2542 ซึ่งตอนแรกนักโบราณคดีคิดว่าชิ้นส่วนเหล่านี้เป็นของเล่นหรือเครื่องประดับ

ก่อนที่จะค้นพบว่ามันคือเครื่องสร้างเสียงสุดสะพรึง โดยในสมัยก่อนชาวแอซเท็กเป็นเผ่าพันธุ์ที่นิยมสร้างเครื่องสร้างเสียง

และเครื่องดนตรีนับไม่ถ้วนจากดินเหนียว พวกเขาสามารถสร้างเสียงที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในชีวิตมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นการรักษา บำบัดโรคต่างๆ รวมไปถึงการล่าสัตว์ แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือการสร้างเสียงนกหวีดแห่งความตายของชาวแอซเท็ก

โดยว่ากันว่านกหวีดแห่งความตายนี้ใช้กันในพิธีบูชายัญหรือการเฉลิมฉลองความตาย

เพื่อเป็นการให้ดวงวิญญาณผู้ล่วงลับเดินทางสู่ยมโลกอย่างปลอดภัย

โดยเสียงที่ผ่านนกหวีดจะเหมือนกับการร้องเฉลิมฉลองของผี-ปีศาจที่น่าขนลุก

 

 

Amulet-Statue06

5) Magda and Santa Muerte

ในประเทศเม็กซิโก ชาวพื้นเมืองจะมีความเชื่อในการบูชา “ซานตา มูเอร์เต” หรือ “นักบุญมรณะ”

ซึ่งชาวเม็กซิกันให้ความเคารพนับถือในฐานะนักบุญผู้ช่วยให้รอดจากความตาย

โดยนักบุญองค์นี้จะให้พรแก่ผู้ที่ใช้ชีวิตเสี่ยงความตายหรือถูกทอดทิ้งจากสังคม

โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ, อาชญากร และพ่อค้ายาเสพติด รวมไปถึงทหารผ่านศึกสงคราม

แต่ทว่านักบุญองค์นี้มิได้รับการยอมรับจากคริสตจักรแต่อย่างใด ซึ่งซานตามูเอร์เตมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อว่า “แม็กดา”

ตามตำนานเธอเป็นเพียงบุคคลธรรมดาไม่มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่ถูกยกย่องให้เป็นหญิงที่มีสัญลักษณ์ของการกำเนิดและเฉลิมฉลอง

ซึ่งในเวอร์ชันภาพยนตร์ “Amulet ชีปีศาจ” ได้มีการนำสัญลักษณ์ของ “Magda and Santa Muerte”

มาถ่ายทอดผ่านรูปแบบศิลปะของประติมากรรมชวนสยองของชาวฝรั่งเศส “Olivier de Sagazan”

ที่เพิ่มความน่ากลัวจนกลายเป็นฝันร้ายบนโลกภาพยนตร์ชนิดที่ผู้ชมคาดไม่ถึง

 

 

Amulet-Statue01

 

“Amulet ชีปีศาจ” เล่าเรื่องราวของอดีตทหารผ่านศึก “โทมาส” ต้องกลายเป็นบุคคลไร้บ้านหลังจากถูกทอดทิ้งจากสงคราม เขาได้รับการช่วยเหลือจาก “ซิสเตอร์แคลร์” นักบุญปริศนาที่อาสาเป็นธุระหาบ้านอุปการะให้กับเขา โทมาสจึงต้องไปอาศัยอยู่กับ “แม็กดา” หญิงสาวที่อาศัยอยู่กับแม่ที่ป่วยเพียงลำพังในบ้านที่บรรยากาศชวนขนลุก แต่เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งผิดปกติในบ้านก็เริ่มเกิดขึ้น มีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล เสียงปริศนาจากห้องชั้นบนซึ่งเป็นห้องพักของหญิงแก่ที่ป่วยใกล้ตาย โทมาสได้แต่สวดภาวนากับเครื่องรางลึกลับที่พึ่งเดียวที่เขานำติดตัวมาด้วย เพื่อให้แต่ละวันผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัย แต่กว่าที่เขาจะรู้ตัวว่าตัวเองและบ้านหลังนี้ได้ตกเป็นส่วนหนึ่งของคำสาปอาถรรพ์จากปีศาจร้าย ทุกอย่างก็สายเกินกว่าที่จะช่วยให้เขาเอาชีวิตรอดกลับมา

 

ได้เวลาพิสูจน์ความหลอนไปกับเครื่องรางมรณะและความลึลับของนักบวชที่จะมาสร้างความท้าทาย ลบหลู่แรงศรัทธา เพราะการเผชิญหน้ากับปีศาจครั้งนี้แม้สวดมนต์ก็ไม่ช่วยอะไร “Amulet ชีปีศาจ” 13 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

ตัวอย่างซับไทย: https://youtu.be/ipdOBzjUgSQ 

สกู๊ปอาถรรพ์ชีปีศาจ: https://youtu.be/vywoQhi1MQA

Amulet ชีปีศาจ

Amulet ชีปีศาจ

“Amulet ชีปีศาจ” หนังสยองขวัญเรื่องล่าสุดที่สร้างปรากฏการณ์มาแล้วทั่วยุโรป หนังได้รับการคัดเลือกให้ฉายในเทศกาลหนัง “Sundance Film Festival” พร้อมกับได้รับกระแสคำชื่นชมและการตอบรับเป็นอย่างดีกับเรื่องราวของปมหลอนสุดระทึกและเครื่องรางสุดสยอง รวมถึงพล็อตที่ยากเกินคาดเดาจนทำให้ขึ้นแท่นหนังสยองขวัญที่จะมาเปิดทุกบททดสอบของความเชื่อและสั่นคลอนทุกแรงศรัทธา   เรื่องราวของ “โทมาส” ทหารผ่านศึกผู้กลายมาเป็นคนไร้บ้านซึ่งได้รับการช่วยเหลือจาก “แม่ชีลึกลับ” ให้เข้าไปซุกหัวนอนในบ้านชวนขนลุกของ “แม็กดา” หญิงสาวที่อาศัยอยู่กับแม่ที่กำลังป่วยใกล้ตายตามลำพัง แม้ว่าแม็กดาจะลังเลแต่เธอต้องการคนมาช่วยดูแลแม่ และโทมาสก็คิดว่าที่นี่จะเป็นทางรอดสำหรับเขา...

รายละเอียดภาพยนตร์

Featured News