“เดฟ พาเทล” ถือเป็นนักแสดงหนุ่มเจ้าบทบาทจากภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมมากมายไม่ว่าจะเป็น “Slumdog Millionaire” (2008), “The Man Who Knew Infinity (2015), “Lion” (2016) ฯลฯ รวมถึงเรื่องล่าสุดอย่าง “The Green Knight” (2021) ภาพยนตร์แฟนตาซีมหากาพย์สุดดิบ ที่เดฟร่วมถ่ายทอดตำนานอัศวินโต๊ะกลมในเวอร์ชันที่ถูกนำมาตีความใหม่โดยผู้กำกับมากฝีมืออย่าง “เดวิด ลาวรี” ที่เคยฝากผลงานไลฟ์แอ็กชันของดิสนีย์อย่าง “Pete’s Dragon” (2016) และงานสะเทือนอารมณ์สำรวจประเด็นการรับมือกับความสูญเสียอย่าง “A Ghost Story” (2017)
เดฟแสดงร่วมกับนักแสดงคุณภาพ “อลิเซีย วิแคนเดอร์” (The Danish Girl, Tomb Raider), “โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน” (The King, The Great Gatsby), “สาริตา โชตรี” (Modern Love), “ฌอน แฮร์ริส” (Mission: Impossible-Fallout), “ราล์ฟ อิเนอสัน” (The Witch) และ “แบร์รี โคแกน” (Dunkirk) บอกเล่าเรื่องราวของ “เซอร์กาเวน” (เดฟ พาเทล) ผู้บ้าบิ่นและเอาแต่ใจหลานชายของคิงอาเธอร์ เขาได้ออกไปทำภารกิจ เผชิญหน้ากับอัศวินมรกตซึ่งเป็นบททดสอบสำคัญของเหล่าอัศวิน กาเวนเดินทางฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ โดยที่เขาต้องรับมือกับวิญญาณอาฆาต, ยักษ์ และโจร เพื่อค้นหาตัวตนและพิสูจน์คุณค่าของเขาต่อครอบครัวและอาณาจักร การเดิมพันเพื่อก้าวข้ามศึกสำคัญครั้งนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในอันตราย ไม่เว้นแม้แต่ชีวิตเขาเอง
คุณมารับบทนี้ได้อย่างไร
ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมกำลังถ่ายทำเรื่อง “The Personal History of David Copperfield” (2019) ที่ลอนดอน ตอนที่เดวิด (ผู้กำกับ) โทรมาพูดบทกวีเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมบอกเขาว่าผมประทับใจที่มันว่าด้วยถึงการเดินทางของชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาต้องเอาชนะอีโกตัวเอง กรุยเส้นทางของตัวเอง หาความหมายของคำว่าเกียรติ, ศักดิ์ศรี และคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่ผมตัดสินใจรับบท “กาเวน” เพราะบทของเดวิดเหมือนกับตัวบทกวี มันมีมนตร์สะกดบางอย่าง มันไม่เหมือนบทภาพยนตร์ทั่วไปที่ผมเคยอ่านมาเลย
“เซอร์กาเวน” คือใคร
ตามตำนานดั้งเดิม “เซอร์กาเวน” เป็นหนึ่งในอัศวินที่เก่งที่สุดของคาเมลอต แต่ใน “The Green Knight” กาเวนคืออัศวินหนุ่มที่ใช้ชีวิตสุขสบายในฐานะหลานชายของกษัตริย์อาเธอร์ ผู้ปกครองคาเมลอต เขาไม่เคยต้องปากกัดตีนถีบหรือพยายามเพื่อให้ได้มาอยู่ในตำแหน่งที่เขาอยู่เลยแม้แต่น้อย เขาได้เป็นหนึ่งในอัศวินโต๊ะกลมระดับตำนาน แต่เขายังไม่มีตำนานกล่าวขนานของตัวเอง สำหรับผมมันเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ออกท่องโลก เพื่อหาคำตอบว่าเขาเกิดมาทำไม เขาต้องการพิสูจน์ตัวเองเลยอาสาเล่นเกมของ “อัศวินมรกต” โดยไม่สนถึงผลที่จะตามมา
คุณเองก็ชอบที่จะท้าทายตัวเองอยู่เสมอไม่ต่างจาก “เซอร์กาเวน” บทของคุณ
ผมรู้สึกว่าในหนังที่ทุกเรื่องที่ผมแสดง ถ้าคุณแทนคำว่า “การถ่ายทำ” ด้วยคำว่า “ภารกิจ” ผมรู้สึกว่าผมต้องทำภารกิจที่ผมไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จได้ยังไง ในฐานะนักแสดง คุณควรจะมีพัฒนาฝีมือในทุกๆ ผลงาน ในบางมุมผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมั่นใจและปรับตัวเข้ากับชีวิตนักแสดงได้ดีขึ้น ผมไม่กังวลเมื่อต้องนั่งแต่งหน้านานๆ หรือเวลามีคนเอาไมค์มาจ่อหน้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่การเป็นนักแสดงทำให้คุณเจออะไรใหม่ๆ แบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเหมือนกัน เช่นตอนที่ผมคุยกับเดวิดครั้งแรก ผมรู้ว่าผมต้องขี่ม้า ผมตอบเขาไปว่าผมทำได้ แม้ว่าผมจะไม่เคยขี่ม้ามาก่อนเลยก็ตาม แต่อาจเผชิญกับเรื่องท้าทายนี่แหละที่ทำให้ชีวิตเรามีสีสัน
แล้วพอถึงวันที่ต้องถ่ายทำกับม้าจริงๆ มันเป็นยังไงบ้าง
ผมทำความรู้จักกับมันอยู่นานเลยนะ วันแรกที่เราเจอกันมันไม่ยอมให้ผมสวมอานม้าด้วยซ้ำ ครูฝึกจับคู่ผมกับม้าพันธุ์เชตแลนด์ชื่อว่า “สปาร์เคิล” พอทำความรู้จักกันเราก็เข้ากันได้ดี แต่ผมตัวสูงเกินไป ทีมงานเลยต้องเปลี่ยนม้าเวลาถ่ายทำจริง ม้าตัวที่สองชื่อ “อัลบานี” แต่นิสัยมันผยอง คนขี่ต้องเอามันอยู่ ผมเอาชนะใจอัลบานีด้วยการป้อนแอปเปิลให้มันทุกครั้งก่อนเดินกล้อง พอเมื่อใกล้ปิดกองที่ไอร์แลนด์ทั้งผมกับอัลบานีกลายเป็นเพื่อนซี้กันเลยทีเดียว อีกหนึ่งสิ่งที่ผมต้องฝึกคือการฟันดาบ มันสนุกมาก ใครจะไปคิดว่าหนุ่มอินเดียอย่างผมจะมีโอกาสได้สวมเกราะ ขี่ม้า และฟันดาบในเรื่องเดียว
คุณโตขึ้นเยอะมากจากผลงานสร้างชื่ออย่าง “Slumdog Millionaire” ทุกวันนี้คุณมีเกณฑ์ในการเลือกบทเล่นยังไง
ผมดีใจนะที่ทุกวันนี้ผมได้มีส่วนร่วมกับหนังคุณภาพ ได้ทำงานกับแนวหน้าของวงการ มันเป็นอะไรที่ผมไม่เคยฝันถึงเลยเมื่อเริ่มต้นอาชีพนี้ ย้อนกลับไปตอนนั้น หลังจากที่ผมแจ้งเกิดจาก “Slumdog Millionaire” (2008) มีบทเสนอผมเข้ามาเยอะมากแต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นบทคล้ายๆ กัน เป็นตัวฮา คู่หู เนิร์ดอะไรทำนองนั้น นานๆ จะมีบทที่จะมอบโอกาสให้ผมพัฒนาฝีมือ จนผมได้เล่น “Lion” (2016) หรือรับบทเป็น “ชาร์ลส ดิกเกนส์” (The Personal History of David Copperfield) ผมคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกที่ยอมทิ้งบทพวกนั้นไป ไม่งั้นมันคงเป็นเรื่องยากที่จะฉีกภาพจำของตัวเอง และอาจไม่มีผมทุกวันนี้ก็ได้
การแสดงช่วยให้คุณค้นหาตัวเองได้อย่างไร
ผมโตมาในลอนดอน ตอนเด็กๆ ผมต้องเก็บความเป็นอินเดียไว้เพราะไม่อยากโดนแกล้ง พยายามทำตัวกลมกลืน เอาง่ายๆ ว่าผมพยายามเป็นแรปเปอร์มากกว่าแสดงความเป็นอินเดียแบบที่บ้านออกมาให้คนอื่นได้เห็น จนกระทั่งผมมีโอกาสเข้าวงการซึ่งมันนำพาให้ผมกลับไปยังอินเดีย ได้เห็นรากเหง้าและวัฒนธรรมของตัวเอง ผมชอบที่ได้ทำความรู้จักตัวเองผ่านงานแสดง
คอหนังชาวไทยเตรียมพิสูจน์ปฐมบทตำนานของอัศวินนักรบ เมื่อหนึ่งเรื่องเล่าขานจะกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานภาพยนตร์ นับถอยหลังสู่บทพิสูจน์ความกล้าหาญและการผจญภัยสุดแฟนตาซี ครั้งแรกกับผลงานภาพยนตร์ฟอร์มเยี่ยมเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดจาก A24 “เดอะ กรีนไนท์ ศึกโค่นอัศวินอมตะ” 11 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
คลิปพิเศษ เดฟ พาเทล: https://bit.ly/3k35jOT
ตัวอย่างซับไทย https://youtu.be/tIRH3gSliQc
คลิปต่างๆ: https://bit.ly/2ZMJITy