รู้สึกยังไงเมื่อได้รับการทาบทามให้เล่นบทนี้
ผมอยากแสดงให้กับนิยายของคุณฮิโระอยู่ก่อนแล้ว เลยมั่นใจว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องออกมาดี พอได้อ่านผลงานต้นฉบับก็เข้าใจครับว่าทำไมคุณอาริคาวะถึงพูดว่า “เรื่องราวที่เขียนได้แค่เล่มเดียวในชีวิต” ประทับใจมากจริงๆ แต่ผมก็กังวลมากเหมือนกันว่าถ้านำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วจะถ่ายกันยังไง เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับแมวอยู่ด้วย ผมเคยเลี้ยงสุนัขแต่แทบไม่มีโอกาสได้คลุกคลีกับแมว เลยไม่รู้ว่าจะต้องดูแลเขายังไง เริ่มต้นมาก็ประหม่า ๆ แบบนี้ครับ
เจอ “นานะ” ครั้งแรกรู้สึกยังไง
คิดว่าเขาน่ารักมาก แล้วก็ขนนุ่มสุดๆ อยากเข้าไปกอดด้วยมากๆ แต่นานะไม่ชอบให้ใครอุ้มก็เลยหนีไป แต่ผมก็ชอบนานะทันทีเลยนะครับ เพียงแต่วิธีการแสดงความรักกับเขาจะจะต่างกับของสุนัข แรกๆ ก็ลำบากมากครับ
ไม่ได้ใจตรงกันทันทีหรอกเหรอ
ตอนแรกผมนึกว่าถ้าเอาหน้าไปแนบแบบที่ทำกับสุนัข เขาก็จะเลียแผล็บๆ อะไรแบบนี้ แต่พอลองแล้วเขาไม่ชอบ แถมตบผมด้วย (หัวเราะ) เล็บไม่ยาวนะครับ แต่อุ้งเท้าน่ะเต็มๆ พอเริ่มถ่ายไปได้สัก 2 อาทิตย์ เขาก็เริ่มจำหน้าผมได้แล้วครับ ซึ่งคราวนี้ก็จะมีฉากที่ต้องนั่งรถออกเดินทางกันบ่อยๆ แล้วในรถก็จะมีแค่ผมกับเขา แถมช่วงที่ถ่ายทำก็ต้องเจอกันทุกวัน เหมือนว่าเขาจะค่อยๆ ชินกับผม ที่เหลือก็แค่สังเกตและเรียนรู้จากครูฝึกสัตว์เลี้ยงว่าควรปฏิบัติกับเขายังไง เพราะเขาจะไม่เหมือนสุนัข แมวเราจับแถวๆ คอของเขาได้ เวลาดึงแก้มเขาก็น่ารักดีครับ ปกติแมวมักจะเอาแต่ใจด้วย แต่ฉากไหนที่มีฝักบัวเขาจะกลัวๆ น้ำ แล้วเข้ามาอ้อนเรา อันนี้ก็น่ารักครับ
บรรยากาศที่กองถ่ายเป็นยังไงบ้าง
เป็นกองที่ทำทุกอย่างเพื่อ “นานะ” ครับ เหมือนว่าทุกคนสามัคคีกันเพื่อดึงเอาสีหน้าของนานะออกมาให้ได้ บรรยากาศที่กองเลยเป็นไปอย่างนุ่มนวล อย่างฉากที่นานะต้องมานั่งบนตักผม บางวันเขาก็ไม่อยากจะนั่ง ผมก็แนะนำว่าเปลี่ยนเป็นยืนอุ้มให้นานะอยู่สบายๆ แทน จากนั้นทีมงานก็สั่งคัตแล้วขอให้เปลี่ยนมุมกล้องทันที ต่างจากเรื่องอื่นสุดๆ เลยครับ เพราะปรับเปลี่ยนบ่อยๆ ตามอารมณ์ของนานะ เวลาแสดงผมก็มักจะกดดัน แต่คราวนี้มีนานะอยู่ด้วย เลยกลายเป็นว่ากลับกัน เพราะรู้สึกผ่อนคลายมากๆ ส่วนตัวผมคิดว่าตัวเองเหมาะเป็นฝ่ายสนับสนุนมากกว่าเป็นตัวหลักด้วยล่ะครับ (หัวเราะ) เลยรู้สึกว่าเล่นเรื่องนี้แล้วอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ตั้งใจเล่นเป็นตัวละคร “ซาโตรุ” แบบไหน
เขาเป็นหนุ่มใจดีแบบที่ผมไม่ค่อยถนัด ถ้าเปรียบกับรูปร่างก็เป็นวงกลมที่ไม่มีเหลี่ยมเลย พักหลังมานี้ผมได้เล่นหนังแอคชั่นเยอะด้วย เลยยากที่สุดที่ต้องมาเล่นเป็นเขา แต่ยากที่ว่าไม่ได้หมายถึงอุปนิสัยของตัวละครนะครับ ผมแค่คิดมากว่าจะถ่ายทอดเสน่ห์ของ “ซาโตรุ” ออกมายังไงให้ครอบคลุมจินตนาการของผู้ชม วันที่เจอผู้กำกับ “มิกิ โคอิจิโร” ครั้งแรก ผมก็ได้เจอ “นานะ” ด้วย ผู้กำกับมองผมอยู่กับนานะแล้วบอกว่า “ดีนะ ฟุคุชิคุงมีพื้นฐานดีมากๆ เลย” เป็นคำพูดที่ช่วยผมได้มากจริงๆ ผมเลยคิดว่าจะไม่พยายามสวมบทเป็นตัวละคร แต่จะเล่นโดยมองว่าตัวเองมีจุดไหนที่คล้ายซาโตรุบ้าง แล้วดึงจุดนั้นออกมาให้ได้มากที่สุดครับ
รู้สึกว่าตัวเองกับ “ซาโตรุ” มีอะไรที่คล้ายกันไหม
ผมคงไม่ใช่คนที่ใจดีอะไรขนาดนั้นนะครับ (หัวเราะ) แต่ที่เขาใจดีได้ขนาดนี้คงเพราะได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี ชื่อของเขาก็มีความหมายที่ดีสมกับที่ชื่อ “ซาโตรุ” เลย เพราะงั้นผมเลยเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของคนกับแมวแทนที่จะสวมบทบาทเป็นเขา งานนี้ก็ต้องคิดล่ะว่าแต่ละตัวละครไม่ว่าจะเป็น นานะ, ฮาจิ, คุณอา รวมไปถึงเพื่อนนักเรียน มีความสัมพันธ์ยังไงกับซาโตรุบ้างครับ
“นานะ” มีความสำคัญยังไงกับ “ซาโตรุ”
พูดได้คำเดียวว่าคือครอบครัวครับ เดิมที “นานะ” เป็นแมวจรที่ไม่มีครอบครัว แต่ตอนนี้นานะคือครอบครัวของเขา ผมเลยคิดว่า “ซาโตรุ” คงไม่อยากอยู่เดียว แต่อยากให้นานะมาเป็นครอบครัวของเขาครับ
ความประทับใจต่อเพื่อนนักแสดงในกอง
ผมได้แสดงกับคุณ “ยูโกะ” เป็นครั้งแรก รู้สึกว่าเธอเป็นคนที่มีความเป็นธรรมชาติมาก แล้วก็เป็นคนที่ช่วยทำให้บรรยากาศราบรื่น คราวนี้ผมกับได้เธอเล่นเป็นอากับหลาน เธอช่วยดึงอารมณ์ในตัวผมให้ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติซึ่งก็ช่วยผมได้มาก กับเพื่อนมัธยมปลายเราถ่ายทำตอนชีวิตมัธยมปลายกันเยอะที่สุด ยังประทับใจฉากที่ได้เล่นกับ “อลิซ” และคุณ “ทาคุโร” อยู่เลย คือพวกเราก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้วไงครับ (หัวเราะ) พอได้ใส่ยูนิฟอร์มแสดงเยอะๆ มันก็สนุกมากจริงๆ แล้วไม่ใช่เฉพาะทั้งสามคนนี้ นักแสดงคนอื่นก็รักสัตว์กันทุกคน อยู่ที่กองคุยกันถูกคอมากครับ
การทำงานร่วมกับผู้กำกับ “มิกิ”
คุณผู้กำกับเป็นมิตรมากตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลยครับ ไม่ถือตัว เหมือนเพื่อนคนหนึ่งเลย เวลาถ่ายทำเขาก็ไม่เคยทำให้เราเครียด เพราะผู้กำกับเขาจะคอยพูดติดตลกให้บรรยากาศในกองดูผ่อนคลาย จะว่าเป็นนักสร้างบรรยากาศก็คงได้ แต่ “นานะ” เขาจะไม่ค่อยอินด้วยเท่าไหร่ พอจะแหย่เข้าหน่อยก็หนีเลยครับ (หัวเราะ)
คิดยังไงเมื่อได้รับชมหนังฉบับสมบูรณ์ที่ให้เสียงโดย “ทากาฮาตะ มิตสึกิ”
เธอเสียงดีมาก แล้วก็พูดเก่งด้วย ทั้งหมดออกมาดูคล้าย “นานะ” จนผมเองก็ตกใจ พูดออกมาคำแรกผมถึงกับตะลึงนึกว่าแมวพูดได้จริงๆ พอมาคำที่สองดูยังไงก็นานะชัดๆ เลยครับ แล้วนานะเป็นเด็กผู้ชาย แต่ให้นักพากย์หญิงมาพากย์เป็นเด็กผู้ชาย ต่อให้พากย์เป็นเด็กผู้ชาย ก็ยังรู้สึกว่ามีความเป็นผู้หญิงอยู่ (หัวเราะ) นานะเลยดูน่ารักเกินไปนิด แต่นานะเองก็แสดงได้ดีมาก รู้เลยว่ากว่าจะถ่ายออกมาได้ต้องลำบากแค่ไหน ประทับใจในผลของความเหนื่อยยากที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยครับ แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่ผมดูภาพยนตร์ที่ตัวเองเล่นแล้วร้องไห้ ฉากนานะกับ “ฮาจิ” นี่แน่นอนอยู่แล้ว แต่ฉากสมัยวัยรุ่นของ “ซาโตรุ” ตอนอยู่ที่กองผมยังไม่เคยเห็น ไม่คิดว่าจะร้องไห้แต่ก็ร้องครับ
อยากบอกอะไรผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้
แน่นอนล่ะว่าเรื่องนี้แมวน่ารัก แต่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนกับแมว หรือความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนก็บรรยายไว้ได้ดี เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจมากๆ และคงดีมากถ้านี่จะเป็นโอกาสที่ทำให้เราได้ทบทวนความสัมพันธ์ของเรากับคนที่เรารักครับ
“The Travelling Cat Chronicle ผม แมว และการเดินทางของเรา” เล่าเรื่องราวของ “ซาโตรุ” (โซตะ ฟุคุชิ) เป็นชายหนุ่มอบอุ่น ใจดี และรักสัตว์ เขามีแมวอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า “นานะ” ซึ่งเขาเก็บมาเลี้ยงหลังจากมันประสบอุบัติเหตุ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาไม่สามารถเลี้ยงมันได้อีกต่อไป เขาจึงพานานะออกเดินทางเพื่อตามหาบ้านใหม่ให้นานะ หาคนที่เชื่อว่าจะสามารถเลี้ยงดูแมวตัวโปรดของเขาได้อย่างดีแทนเขา ระหว่างเดินทางซาโตรุได้เจอผู้คนมากมาย รวมถึงเพื่อนในสมัยเด็กและรักแรกของเขา ไม่เพียงแค่นั้นความลับที่เขาซ่อนมานานก็เผยออกมาซึ่งอาจทำให้หลายๆ คนหัวใจสลายรวมทั้งเจ้านานะด้วย
29 พฤศจิกายน ออกเดินทางไปกับพวกเขาพร้อมกันในโรงภาพยนตร์