ช่วยเล่าถึงการทำงานของคุณกับ “บียอร์น บอร์ก” (ผู้กำกับ) และ “เจน แอนเดอร์สัน” (คนเขียนบท) หน่อยได้ไหมครับว่าเป็นยังไงกันบ้าง
พวกเราเข้มงวดกันมากค่ะในการคิด พูดคุย เขียนบทใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่เราจะถ่ายทำกันจริง แม้บางฉากเราจะเตรียมการอย่างแน่นอนแล้ว แต่ถึงเวลาจริง ในบางจุดเราก็ยังหาทางเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตามที่เห็นว่าสมควร
“โจนาธาน ไพรซ์” (นักแสดงนำชาย) บอกว่าตอนเข้าฉาก เขาแทบไม่สังเกตเห็นกล้องที่อยู่รอบตัวเลย เพราะมัวแต่มีอารมณ์กับการแสดงในฉากนั้นๆ
ใช่ค่ะ เป็นความคิดของบียอร์นซึ่งเรียนทำหนังมาจากสำนักของ “อิงมาร์ เบิร์กแมน” เขาเป็นผู้กำกับที่เก่งมาก รู้ว่าจะจัดวางกล้องไว้ตรงไหนเพื่อจับภาพของนักแสดง และไม่เพียงแค่วางกล้อง แต่ยังรู้ด้วยว่าเมื่อไหร่ควรจะใช้ภาพโคลสอัพ รู้ว่าจะจัดแสงยังไงให้สามารถมองเห็นเข้าไปในดวงตานักแสดงได้ ทั้งหมดนี้คือเรื่องพื้นฐานที่ช่วยให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับหนัง เขารู้หมดทุกอย่าง เราเลยเชื่อใจเขาตั้งแต่ต้นว่าสิ่งที่เขาทำจะออกมาดีแน่นอน
เรื่องราวในหนังเกิดขึ้นกันคนละยุคสมัย คือในยุค 50s และ 90s แต่มันก็เกี่ยวพันกับยุคปัจจุบันด้วย คุณคิดว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวพันกับปัจจุบันมากแค่ไหน
ฉันคิดว่ามันเกี่ยวมากๆ เลย มันคือเรื่องของผู้หญิงว่าสามารถเติมเต็มตัวเองได้หรือไม่ในชีวิตคู่ ผู้หญิงเราต้องเสียสละแค่ไหน อำนาจของแต่ละฝ่ายลงตัวกันอย่างไร มันเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว #MeToo ด้วย การหนังที่ชื่อ “The Wife” ซึ่งเขียนบทโดยผู้หญิง ดัดแปลงจากนิยายที่ผู้หญิงเป็นคนเขียนต้องใช้เวลานานถึง 14 ปีกว่าจะสร้างเป็นหนังได้สำเร็จ มันพูดถึงเรื่องเหล่านี้เลย ฉันคิดว่าในเมื่อมีผู้หญิงอยู่ไม่น้อยเลยในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เรายังพูดถึงความคาดหวังด้วยว่าในภายหน้านั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรอีกบ้าง
คุณอยากให้คนดูได้อะไรจากหนังเรื่องนี้
ฉันอยากให้คนดูได้พูดคุย ทบทวนกับตัวเองอย่างจริงจังหลังดูหนังจบ เพื่อประเมินว่าตัวเองได้รับการเติมเต็มมากน้อยแค่ไหน และต้องยอมประนีประนอมแค่ไหนเพื่อเดินหน้าต่อไปได้ ฉันคิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดีเลยล่ะ
“The Wife” พูดถึงการเสียสละ เป็นผู้หญิงที่ต้องเสียสละบางสิ่งเพื่อผู้ชาย เพื่อครอบครัว แต่ไม่ใช่ผู้ชายเสียสละเพื่อผู้หญิง คุณคิดถึงความไม่เท่าเทียมกันในด้านนี้ยังไงบ้าง
ฉันคิดว่าสำหรับผู้ชายแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จมาเป็นภรรยาคอยอยู่เคียงข้างเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นคนในสายงานเดียวกัน แต่พูดตรงๆ เลยว่าต่อให้ไม่เป็นอย่างนั้น และผู้ชายหาเงินได้มากกว่า มันก็อาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดได้อยู่ดี ฉันคิดว่าเราสามารถหาทางที่ลงตัวกับทั้ง 2 ฝ่ายได้ มันเป็นปัญหามายาวนานแล้วว่าผู้หญิงมักถูกกีดกันเรื่องการงาน แต่ทุกวันนี้ดูทางฝั่งยุโรปสิ อย่าง “มาร์กาเร็ต แธตเชอร์” เราไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับสามีของเธอเลย แต่พวกเขาก็น่าจะเข้าใจซึ่งกันและกันอยู่บ้าง หรือดู “ฮิลลารี” กับ “บิล คลินตัน” ก็ได้
คุณเคยต้องเสียสละอะไรบ้าง เพื่อให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
เยอะมากค่ะ ทุกวันเลยก็ว่าได้ ต้องเสียสละเวลาเพื่อลูก เพื่อชีวิตคู่ แม้กระทั่งในเวลาว่างในวันหยุด อาจฟังดูตลกแต่มันคือเรื่องจริง แล้วการเป็นนักแสดงก็มีข้อเรียกร้องที่เยอะมาก มีเรื่องเจ็บปวดมากเช่นกัน แต่มันคืองานที่ดีที่สุดในโลกนี้ และฉันจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงมันเพื่อแลกกับอะไรทั้งนั้น
“The Wife เมียโลกไม่จำ” เข้าฉาย 20 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์