คุยกับ “ลีโอนี บีนิช” คุณครูประจำชั้นเรียนสุดเดือดใน “The Teachers’ Lounge ห้องเรียนเดือด” วันนี้ ในโรงภาพยนตร์

ตอนคุณอายุ 30 ต้นๆ การแสดงภาพผู้มีอำนาจอย่างคุณครูอาจไม่ชัดเจนมากนัก ตอนที่ได้ยินเรื่องโปรเจกต์นี้เนี่ยความคิดแรกเลยคืออะไร คุณเห็นตัวเองอยู่ในนั้นอย่างไรบ้าง คุณรู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโปรเจกต์นี้ไหม

ฉันได้รับบทพร้อมกับคำขอให้ทำเทปฉากนึง ตอนที่อ่านเนี่ยฉันสังเกตได้ทันทีเลยว่า “อิลเคอร์” (ผู้กำกับ) ใช้ภาษาได้ดีขนาดไหน แถมยังสังเกตได้ดีอีกต่างหาก การที่ฉันยังเด็กเกินไปสำหรับบทนี้หรือการคิดว่าคนมีอายุเท่านั้นที่ควรจะเล่นบทครูเท่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับฉันเลย ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับบทที่ถูกเขียนอย่างชาญฉลาด ของแบบนี้ไม่ได้เห็นกันได้บ่อยๆ นะ ในทางกลับกันแล้วเนี่ย มีครูรุ่นเยาว์จำนวนมากในวัย 20 ปลายๆ หรือ 30 ต้นๆ ที่กำลังสำเร็จการศึกษาหรือเพิ่งเริ่มต้นอาชีพของตน ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับ “คาร์ลา โนวัค” (ตัวละครของเธอในเรื่องนี้) ที่เริ่มต้นอาชีพด้วยอุดมคติและไม่เหน็ดเหนื่อยด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ให้ต่างจากเดิม

 

คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับ “คาร์ลา โนวัก” ตัวละครที่รับบทบ้างไหม

ฉันซีเรียสกับการแคสต์ออนไลน์และการอัดเทปมาก ถ้าฉันสนใจบทไหน ฉันก็อยากทำมันออกมาให้ดีที่สุด แต่โดยปกติแล้วฉันเริ่มอัดและส่งไปแล้วก็ลืมอีกครั้ง ข้อเสนอเรื่อง “The Teachers’ Lounge” ถูกส่งมาที่ฉันระหว่างการถ่ายทำใหญ่สองเรื่องในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 ฉันเพิ่งกลับมาจากกองถ่ายเรื่อง “Around the World in 80 Days” (2021)  ที่แอฟริกาใต้ และมีเวลาอีกหนึ่งเดือนครึ่งในเบอร์ลินก่อนจะเดินหน้าถ่ายเรื่อง “The Swarm” (2023) ที่อิตาลี พอได้เห็นบทแล้วก็พบว่าเนื้อเรื่องน่าสนใจมากเลย แต่ก็ไม่ได้เห็นว่า “คาร์ลา โนวัก” นั้นอยู่ในตัวฉันหรือตัวละครนั้นพูดกับฉันแต่อย่างใด ความคิดของฉันอยู่ระหว่างถ้าได้ร่วมงานกันก็คงจะดี และโปรเจกต์นี้ถูกสร้างมาด้วยความชาญฉลาดและอยากจะรู้ให้ได้ว่าในใจเขามีอะไรอยู่กันแน่

 

คุณไม่รู้เกี่ยวกับภูมิหลังและชีวิตส่วนตัวของ “คาร์ลา โนวัก” มากนัก แต่คุณสงสัยจากคำบอกใบ้ต่างๆ มากมายว่าตัวละครตัวนี้มีชีวิตที่มากกว่าที่คุณได้เห็นเธอบนหน้าจอเสียอีก มันสำคัญสำหรับคุณมั้ยในการที่ต้องเรียนรู้เรื่องเธอมากกว่านี้

ฉันรู้จักเธอมากพอๆ กับคนอื่นๆ ที่รู้บทเรื่องนี้ จากบทแล้วเนี่ยเรารู้ได้ว่า “คาร์ลา โนวัก” อยู่ในวัย 20 ปลายๆ หรือ 30 ต้นๆ และเริ่มทำงานที่โรงเรียนแห่งนี้ในฐานะครูเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และต้นตระกูลของเธอมาจากโปแลนด์ นอกเหนือจากนั้นก็ไม่รู้อะไรแล้ว ฉันไม่ได้ถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนั้นเช่นกัน สำหรับฉันนะ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันต้องการสำหรับบทบาทนี้อยู่ในบทแล้ว ฉันเป็นคนที่สนับสนุนงานข้อความและเนื้อหาเป็นอย่างมาก ฉันมักจะไม่เข้าถึงบทบาทต่าง ๆ โดยการเรียนรู้ถึงภูมิหลัง โดยต้องรู้ว่าคนคนนั้นกินอะไรเป็นอาหารเช้า หรือเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาในวัยเด็ก สำหรับฉันแล้วเนี่ย มันไม่ได้ต่างอะไรมากนะว่าคาร์ลาชอบหมาหรือแมว ชอบกินซีเรียลกับขนมปังในตอนเช้ามั้ย บางทีแล้วนั่นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละโปรเจกต์ ใน “The Teachers’ Lounge” นั้น มันมีเคสที่มีการกำหนดงานที่ชัดเจนอยู่แล้วในทุกฉาก มีตัวละคร มีอุปสรรค และเราก็จะได้รู้ว่าตัวละครต้องการอะไร นั่นมันบอกชัดอยู่แล้วในแต่ละซีน ฉันไม่ต้องสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่เพื่อที่จะอธิบายตัวเองว่าทำไมฉันถึงอยู่ในนี้หรือในสถานการณ์นี้ ซึ่งมันก็ทำให้บทออกมาดีมากๆ เช่นกัน

 

 

คุณชอบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับคุณแล้วเนี่ยมันเกี่ยวกับอะไร

คำถามยากนะเนี่ย ฉันคิดว่า “The Teachers’ Lounge” คือการวิพากษ์วัฒนธรรมการดีเบตของพวกเรา เราเห็นไปพร้อมกับ “คาร์ลา โนวัก” ผู้ซึ่งต้องการทำทุกอย่างที่ถูกต้อง แต่ก็ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยเหตุผลนานาประการ มันเกิดจากทั้งความตั้งใจและไม่ตั้งใจที่โดนเข้าใจผิด “อิลเคอร์” จับภาพบางอย่างที่สำคัญในยุคปัจจุบันของพวกเรามาไว้ในภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆ

 

มันมีความเชื่อโบราณว่าในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ คุณควรเลี่ยงการทำงานกับเด็กๆ และสุนัข คุณต้องเล่นจัดการกับชั้นเรียนทั้งชั้น ประสบการณ์นั่นเป็นยังไงบ้าง คุณเข้าหาเด็กๆ ยังไง

เพื่อนๆ ฉันขำจะตายเลยตอนฉันบอกว่าจะได้เล่นบทเป็นครูคณิตและครูพละที่ต้องอยู่กับเด็ก 6 สัปดาห์ ฉันต้องให้เครดิตกับ “อิลเคอร์” เหมือนกันนะ เขารวบรวมห้องเรียนให้เป็นหนึ่งและเลือกได้ดีมากเลย พวกเด็กๆ น่าสนใจแถมยังเป็นเด็กดีอีกด้วย แน่นอนละว่าพวกเขาก็เสียงดังและก็ไม่ง่ายที่จะพูดด้วยเสมอไป แต่ “จูดิท คอฟมันน์” ผู้กำกับภาพของพวกเรา อิลเคอร์ และฉันได้ยืนยันอีกครั้งตอนไปกินข้าวเย็นกันว่าไม่อยากทำงานด้วยวิธีอื่น สิ่งที่อิลเคอร์ลงทุนตรงนี้เพื่อเวลาและวิธีการทำงานที่พิเศษเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน ทุกวันก่อนจะเริ่มถ่ายทำ พวกเราจะมารวมกันที่ฉากห้องเรียน พวกเด็กๆ อิลเคอร์และฉันมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความแตกต่างในแต่ละวัน มันช่างกินใจ สวยงาม และน่าหงุดหงิดบางครั้ง อิลเคอร์สร้างบรรยากาศแห่งการรับฟังและความสามัคคีขึ้นมา มันจริงที่หลังจากถ่ายทำไปห้าชั่วโมงกับเด็กๆ แล้วคุณจะล้าเพราะมันเหนื่อยและเสียงดัง แต่นั่นมันโอเคเพราะอิลเคอร์ใส่ความรักและเวลาลงไปมากมายและมักจะสร้างบรรยากาศที่ดีเสมอ ในทางกลับกันแล้วจูดิทมักจะถ่ายทำแนวสารคดีด้วยกล้องมือถือของเธอระหว่างการพูดคุยในช่วงเช้า เธอจับภาพรีแอ็กชันอันเป็นธรรมชาติมากมายจากพวกเด็กๆ ไว้ได้ บางอันก็เอามาใช้ในภาพยนตร์ด้วยนะ ฉันคิดว่านั่นมันสวยงามมากเลย

 

อะไรคือสิ่งที่ทำให้ “อิลเคอร์ ชาทัก” แตกต่างในฐานะผู้กำกับ

อิลเคอร์เป็นคนฉลาด เขาตั้งใจรับฟัง และในขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร เขาเปิดรับคำแนะนำนะ แต่ถ้าไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เขาคิดหรือไม่เป็นไปในทิศทางที่เขาต้องการ เขาก็ดื้อรั้นด้วยเช่นกัน มันเป็นการผสมผสานที่ลงตัวอย่างเหลือเชื่อเลย อีกทั้งเขายังยอมอ่อนให้นักแสดงของเขาด้วย มันเป็นการพบกันคนละครึ่งทางเสมอ

 

 

ในฐานะคนกลางแล้วเนี่ย “คาร์ลา โนวัก” มักจะลังเล ยากที่จะตัดสินใจเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตลอด มันเป็นงานที่ต้องใช้แรงใจหรือเปล่า อะไรที่ยากที่สุดสำหรับคุณในระหว่างการถ่ายทำ

ปกติแล้วฉันจะไม่เอาของจากกองถ่ายกลับบ้าน เพื่อนร่วมงานมีความแตกต่างกันมากในแง่นั้น ฉันพบว่าการทำงานใน “The Teachers’ Lounge” เนี่ยมีอิสระอย่างไม่น่าเชื่อเลย เพราะฉันสามารถเรียนรู้ได้เยอะเลย อีกทั้งยังได้นำสิ่งที่ถูกสอนมาจากโรงเรียนละครไปใช้อีกด้วย มันเกี่ยวกับการทำงานในขณะนั้น ตอนอยู่ที่บ้านฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่ากำจัดความเครียดออกไปไม่ได้ จิตใจฉันปกติดี แต่แค่เหนื่อยนิดหน่อยจากการถ่ายทำก่อนหน้านี้เรื่อง “Around the World in 80 Days” และ “The Swarm” นั่นคือสิ่งที่ท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลย

 

“The Teachers’ Lounge” เป็นภาพยนตร์ที่ยิงคำถามเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันในสังคมยุคใหม่ แต่ปฏิเสธที่จะให้คำตอบง่ายๆ ในฉากสุดท้ายของหนังเรื่องนี้นับว่าเป็นลักษณะเฉพาะของแนวทางนี้เลย คุณตีความมันว่ายังไง

มันเป็นตอนจบที่ฉลาดมาก ฉันพูดได้แค่นี้แหละ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเลขาโรงเรียนเป็นขโมยหรือเปล่า ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายถูก สุดท้ายแล้วมันสำคัญจริงๆ มั้ย ฉันสงสัยว่าในการอภิปรายว่าใครถูก เราไม่ละสายตาจากสิ่งที่เรากำลังทำกับการอภิปรายเลย

 

คุณภูมิใจกับงานนี้ไหม มันมีความสำคัญอะไรกับการทำงานของคุณจนถึงปัจจุบันบ้าง

ฉันภูมิใจและมีความสุขมากจริงๆ กับผลงานชิ้นนี้ ถ้าทำได้นะฉันจะถ่ายกับอิลเกอร์ จูดิธ แล้วก็อินโกอีกรอบเลย ตามหลักการแล้วเนี่ย ฉันจะถ่ายภาพยนตร์อาร์ตเฮาส์เล็กๆ ปีละหนึ่งเรื่อง และโปรเจกต์ที่ใหญ่กว่าอีกหนึ่งเรื่องเพื่อหาเงินและรักษาจุดยืนของตัวเองเอาไว้ เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานะ สองเรื่องที่ดีที่สุดก็คือ “Around the World in 80 Days” และ “The Teachers’ Lounge” ทั้งสองเรื่องนี้เอามาเทียบกันไม่ได้เลย แต่ก็เป็นสองโปรเจกต์ที่ฉันอยากทำให้สำเร็จมาโดยตลอด มันเกี่ยวกับการร่วมมือกัน ทัศนคติของผู้คน วิธีการเล่าเรื่องร่วมกัน ยิ่งฉันทำสิ่งนี้นานมากเท่าไหร่ ประเด็นเหล่านั้นก็ยิ่งสำคัญมากขึ้นเท่านั้น มันเกี่ยวกับว่าคุณจะควบคุมเวลาถ่ายทำด้วยกันยังไง “The Teachers’ Lounge” เป็นหนึ่งในประสบการณ์การถ่ายทำที่สวยงามที่สุดเท่าที่ฉันเคยสัมผัสมาเลย

 

“The Teachers’ Lounge ห้องเรียนเดือด” วันนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

The Teachers’ Lounge ห้องเรียนเดือด

The Teachers’ Lounge ห้องเรียนเดือด

“คาร์ลา โนวัก” (ลีโอนี บีนิช) เพิ่งได้งานเป็นครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเยอรมนี เธอทำงานนี้ด้วยความตั้งใจและทุ่มเท แต่ความสัมพันธ์อันราบรื่นระหว่างเธอกับลูกศิษย์ชั้นเกรด 7 ค่อยๆ สั่นคลอน...

รายละเอียดภาพยนตร์