“Roma” เดินหน้าคว้า 2 รางวัลใหญ่จากเวทีระดับโลก หนังเพื่อ “ความทรงจำวัยเยาว์” และ “ผู้หญิง” ของ “อัลฟอนโซ คัวรอน”

ROMA

 

ยังคงเดินหน้ากวาดความยอดเยี่ยมแบบไม่หยุดสำหรับภาพยนตร์ “Roma” ของผู้กำกับ “อัลฟอนโซ คัวรอน” ที่ล่าสุดคว้ามาอีก 2 รางวัลใหญ่คือ

  • “AFI Special Award” จากสถาบันภาพยนตร์อเมริกา “American Film Institute”
  • “Best International Film” (รางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม) จากเวที “British Independent Film Awards 2018” (งานประกาศรางวัลภาพยนตร์สายอินดี้ที่ใหญ่ที่สุดของฝั่งอังกฤษ)

 

“ฮอร์เก ลุยส์ บอร์เกส นักเขียนชาวอาร์เจนตินาบอกว่า ความทรงจำนั้นขุ่นมัวและกระจัดกระจายเหมือนกระจกร้าวที่มองอะไรไม่ขัดเจน” ผู้กำกับ “อัลฟอนโซ คัวรอน” กล่าว “แต่สำหรับผมแล้ว ความทรงจำเหมือนรอยร้าวบนผนัง ต่อให้คุณจะเอาปูนมาโบก เอาสีมาทาทับ แต่รอยร้าวก็จะยังคงอยู่อย่างนั้น ไม่ต่างอะไรกับความเจ็บปวดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตคนเรา ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เราจะยังจดจำมันได้และมันไม่เคยเลือนหายไป”

 

นั่นคือไอเดียแรกสุดของการตัดสินใจเขียนบทและสร้างหนังขาวดำเรื่องยิ่งใหญ่ “Roma” ซึ่งคัวรอนต้องการให้เป็นการย้อนกลับไปทบทวนอดีตของตนเอง อดีตที่มีทั้งความเจ็บปวด ความอบอุ่น และช่วงเวลาอันแสนบริสุทธิ์ที่ไม่มีวันหวนกลับคืนมาอีก

 

เมื่อสิบกว่าปีก่อน คัวรอนเคยทำหนังที่เหมือนจะเป็นกึ่งๆ ประวัติชีวิตวัยรุ่นของตนเองเรื่อง “Y Tu Mamá También” (2001) แต่กับ “Roma” เขาจะย้อนกลับไปในวัยเด็ก

 

“ผมเกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง และสิ่งนั้นกลายมาเป็นความรู้สึกผิดที่ฝังรากลึกอยู่ในใจ” คัวรอนเล่า “ผมรู้สึกผิดที่ตนเองอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าทางสังคม เชื้อชาติ และชนชั้น ผมเด็กเกินกว่าจะเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม ณ เวลานั้น”

 

“Roma” เล่าเรื่องความเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเม็กซิโกยุค 70 (ฉากหลังคือ “ย่านโรมา” ในเมืองเม็กซิโกซิตี้) โดยศูนย์กลางอยู่ที่ครอบครัวชนชั้นกลางแห่งหนึ่ง และสาวใช้ชาวพื้นเมืองที่ต้องมาร่วมทุกร่วมสุข รวมถึงตกระกำลำบากไปพร้อมๆ กับครอบครัวของนายจ้าง พร้อมๆ กับที่คนหนุ่มสาวประกาศสงครามกับรัฐเพื่อต้องการทำลายช่องว่างระหว่างชนชั้น

 

Libo and Idrector Alfonso Cuarón credit: Netflix

 

ตัวละครสาวใช้ในหนัง “Roma” นั้น คัวรอนเขียนขึ้นมาจากคนที่มีชีวิตอยู่จริงซึ่งก็คือ “พี่เลี้ยงของเขาเอง” เธอมีชื่อว่า “ลิบอเรีย โรดริเกซ” หรือ “ลิโบ” หญิงสาวเชื้อสายมิกซ์เทคที่เข้ามาทำงานเป็นพี่เลี้ยงในบ้านของคัวรอนตั้งแต่เขายังเป็นทารกอายุ 9 เดือน และเธอก็อายุ 17 ปี

 

“ลิโบเป็นคนที่มีอิทธิกับชีวิตของผมมาก เป็นเหมือนพี่สาว เป็นเหมือนแม่ เธออยู่กับผมตลอดเวลาตั้งแต่ผมจำความได้ เธอมักจะเล่าชีวิตอันแสนโลดโผนของเธอให้ผมฟัง ซึ่งในเวลานั้นผมมองว่ามันน่าตื่นเต้นเหมือนได้ฟังเรื่องผจญภัย” คัวรอนย้อนความหลัง “แต่ผมก็ยังเด็กเกินไป และไม่เคยจะถามลิโบจริงๆ จังๆ ว่าชีวิตเธอต้อง   เจอกับอะไรบ้าง”

 

เมื่อตอนที่คัวรอนตัดสินใจลงมือเขียนบท “Roma” มันก็เหมือนกับการเข้าไปทำความรู้จักชีวิตของลิโบทีละน้อยๆ “ผมได้เห็นในตอนนั้นเองว่า เวลาเรารักหรือผูกพันกับใครสักคนมากๆ เราจะมองเขาด้านเดียว เราไม่เคยรู้ว่าเขามีด้านที่ผิดพลาดและขื่นขมในชีวิตด้วยเหมือนกัน ตอนนั้นแหละที่ผมได้เห็นชีวิตด้านอื่นๆ ของลิโบ และทำให้ผมยิ่งรักเธอมากขึ้น”

 

บทสาวใช้ในหนังเรื่อง “Roma” นั้นชื่อว่า “คลีโอ” รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่ “ยาลิตซา อปาริโช” ซึ่งแทบจะถอดแบบ “ลิโบ” ในความทรงจำของคัวรอนออกมา

 

“Roma” งานที่สำคัญที่สุดในชีวิตสุดยอดผู้กำกับ “อัลฟอนโซ คัวรอน” จะออกฉายให้คอหนังชาวไทยได้ชมกันตั้งแต่ 14 ธันวานี้เป็นต้นไปในโรงภาพยนตร์ House RCA, สกาลา, MVP บุรีรัมย์, MVP ศรีสะเกษ พร้อมๆ กับทาง Netflix

 

Roma-Poster


Featured News