โดยส่วนตัวผู้พันเบิร์ดรู้จักท่าน “ขุนพันธ์” ในแง่มุมไหนบ้าง
ผมรู้จัก “ขุนพันธ์” ในด้านประวัติศาสตร์ของภาคใต้ และก็รู้ว่าท่านเป็นตำรวจที่มีคุณธรรม ตามล่าโจรอะไรอย่างนี้ครับ รวมถึงมีเครื่องรางของขลังดังมาอยู่ช่วงหนึ่ง อันนั้นคือเป็นสิ่งที่ผมรู้จักแต่ว่าประวัติศาสตร์จริงๆ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้จัก แต่พอหลังจากที่ดังขึ้นมาแล้วผมก็ไปอ่านประวัติ
ส่วนตัวรู้สึกอย่างไรกับคำว่า “คาถาอาคม”
สำหรับผมเองผมให้คำจำกัดความคำว่า “คาถาอาคม” เหมือนกับเป็นคุณธรรมประจำใจ เป็นสิ่งที่เป็นเกราะคุ้มกันคือเราต้องทำความดี เราถึงจะพ้นความอันตรายต่างๆ ได้ คาถาเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ จะเป็นการท่องหรือแม้การสักยันเหล่านี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วที่มันหลุดรอดผ่านพ้นตรงนั้นมาได้เพราะว่าคุณงามความดีที่ทำ รวมถึงการฝึกฝนและก็การฝึกซ้อมที่มาก มันทำให้เกิดพุทธานุภาพ ฤทธานุภาพ ขึ้นมาได้นะครับ
บทบาทคาแรคเตอร์ของ “เสือฝ้าย” ที่ต้องสวมจิตวิญญาณถ่ายทอดออกมาเป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับ “เสือฝ้าย” ก็เป็นเสือที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์จริง ในเรื่องนี้เป็นเสือที่มีบารมีสูง มีอำนาจด้วย ก็จะถ่ายทอดทางภาพยนตร์ เช่น มาจากคำพูดของคนอื่นๆ ที่บอกว่าเสือฝ้ายเป็นจอมพลฝ้าย เป็นพ่อฝ้าย ครูฝ้าย เป็นพี่ฝ้าย สิ่งเหล่านี้มันบอกคาแรคเตอร์ในภาพยนตร์เป็นอย่างดี ก็แสดงให้เห็นว่าเสือฝ้ายเป็นทุกอย่างของคนในชุมชนนั้น เสือฝ้ายต้องเป็นคนที่เด็ดขาด คือหมายถึงว่าเวลาออกปล้นฆ่าก็คือฆ่า ไว้ชีวิตก็คือการไว้ชีวิต มีความเป็นลูกผู้ชาย แต่ในเรื่องนี้จะมีจุดพลิกผันในตัวละครของเสือฝ้ายพอสมควรที่มันมีเหตุผลของตัวละครตัวนี้ที่ซับซ้อนพอสมควร และก็ทำให้ผมต้องละเอียดมากขึ้นกับการที่จะศึกษาตัวเสือฝ้ายให้ดี
ความยิ่งใหญ่ของเสือฝ้าย
เป็นซุ้มโจรที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์เลยนะ เสือฝ้ายนั้นมีกำลังเป็นร้อยสองร้อย แสดงว่าเสืออยู่กันมากขนาดนี้ทางการต้องการตัวแน่นอน แต่ต้องอยู่รอดปลอดภัย สามารถที่จะพ้นอุปสรรคต่างๆ มาได้ จับตัวไม่ได้ ก็จะเป็นเหตุผลที่ให้ขุนพันธ์เนี่ยแหละที่จะต้องมาพบกับเสือฝ้ายในภาค 2 นี้ครับ
ในขณะที่ขุนพันธ์มีอาคมของขลัง หนังเหนียว กำพรางตัว แล้วเสือฝ้ายมีอาคมอะไร
เสือฝ้ายมี 2 อย่างเลย อย่างแรกคือ รอยสักทางด้านหน้าที่เป็นช้างเอราวัณ ก็จะมีพลัง เหมือนกับมีพลังช้างสาร แต่ในทางด้านหลังเรามีท้าวเวสสุวรรณซึ่งมันเป็นพุทธานุภาพที่ทำให้แคล้วคลาดจากพวกคุณไสย มนตร์ดำอะไรพวกนี้ครับ ป้องกันตัวเองจากสิ่งไม่ดีทั้งปวงที่จะถูกเข้ามาใส่ตัว มีทั้ง 2 อย่างนี้ก็น่าจะอยู่ยงคงกระพันแล้วแหละ
เรื่องราวใน “ขุนพันธ์ 2”
สำหรับขุนพันธ์ก็จะเป็นตำรวจที่ยืดมั่นในความดีความถูกต้อง แต่ว่าจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาคือ เขาเจอสิ่งต่างๆ มากมาย ชีวิตตำรวจของเขาเองก็กลับไปเจอโจรในคราบตำรวจ เขาเห็นในสิ่งที่มันไม่ถูกต้องที่ตำรวจทำกับชาวบ้าน และก็มีจุดเปลี่ยนที่มันทำให้เขาต้องรู้สึกสับสนในตัวเองตรงที่ว่าวันหนึ่งเขามาเจอเสือฝ้าย กับเสือใบ อะไรมันคือสิ่งที่ถูกกันแน่ หรือว่าสิ่งที่ถูกมันคือความสุขของคน เขาก็ผันตัวเขาเองมาเป็นโจรด้วย แต่ด้วยความที่เขาเป็นตำรวจที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ เขาก็เลยต้องกลับไปถามตัวเองว่าตกลงแล้วอุดมการณ์ของตำรวจคืออะไร วันนี้มาเป็นโจรก็เพราะว่ามิตรภาพของความเป็นเพื่อน เขาต้องถามตัวเองว่าจริงๆ แล้วตำรวจที่ดียังมีอยู่มั้ย เพราะจริงๆ แล้วเขาคือตำรวจนะ ไม่ใช่โจร
ใน “ขุนพันธ์ 2” เราจะได้เรื่องราวใหม่ๆ ตัวละครใหม่ ๆ ได้เห็นความแตกต่างจากภาคแรก เราได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง ขุนพันธ์กับสองเสือคู่ปรับ “เสือฝ้าย-เสือใบ” และการเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในเสือของขุนพันธ์
อยากจะพูดถึงขุนพันธ์ก่อน คาแรคเตอร์น่าสนใจตรงที่ว่าเขาต้องเข้ามาอยู่ในชุมชนโจรของเสือฝ้าย มันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงคาแรคเตอร์บางอย่าง แต่ขุนพันธ์ก็ซับซ้อนไปกว่านั้น เพราะเขาเป็นตำรวจเขาต้องมาจับโจรสิ แต่กลับกลายมาเป็นโจรซะเอง อะไรมันเป็นจุดพลิกผันของตัวเขา ในขณะที่เขาเข้ามาอยู่กับเสือฝ้าย มันก่อเกิดความเป็นมิตรภาพ รักกันเหมือนพี่น้องร่วมสาบาน จุดเปลี่ยนของภาพยนตร์นี้จะมีอะไรบ้าง นี่คือความยากของขุนพันธ์ ส่วนเสือใบเขามีความสนุกสนานในคาแรคเตอร์ของเขา คนจะรู้สึกผ่อนคลายสนุกครบรส เสือใบเป็นคนที่เสือฝ้ายไว้ใจมากที่สุด ใครจะเข้ามาอยู่ที่นี่ก็ต้องได้รับความเห็นชอบของเสือใบก่อน เหล่านี้ผมว่ามันเป็นการไว้ใจซึ่งกันและกัน มันรักและไว้ใจกันได้แบบนี้ มันตายแทนกันได้ ใน “ขุนพันธ์ 2″ เรามีขุนพันธ์ที่เป็นเสือบุตร์สามเสือมาอยู่ด้วยกัน ผมว่าทางการเอาไม่อยู่ แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้นอกเหนือจากสามเสือ แล้วมันดันมีตำรวจที่ใช้คราบของตำรวจแต่จริงๆ แล้วมันเป็นโจร อันนี้น่ากลัวกว่า
ด้วยความเป็นภาพยนตร์แนวแอคชั่น-พีเรียด-แฟนตาซีมีอาคมต่างๆ รวมไปถึงการขี่ม้า ยิงปืน หนักใจอะไรมั้ย
สำหรับฉากแอคชั่น ฉากขี่ม้าของผมไม่มีปัญหาเลย เป็นสิ่งที่ชอบเลย เหมือนได้กลับไปได้รับเอาความรู้สึกเก่าๆ ในการขี่ม้า วันที่ผมไปถ่ายครั้งแรกผมก็จำได้ว่าผมขี่ม้าตัวที่ผมเคยขี่และก็ซ่อมมัน เพื่อให้มันจำได้ว่าจำได้มั้ยน้ำหนักแบบนี้ หมายความว่าผมรู้ว่าครั้งต่อไปผมต้องขี่ตัวนี้อีกในอนาคตของการถ่ายทำเรื่องนี้ครับ ผมจะขี่และให้มันจำผมได้ว่าจำไว้นะผมเนี่ยที่ชื่อเสือฝ้าย ต่อไปนี้เจอน้ำหนักแบบนี้ ใช้ขาแบบนี้คุณต้องเชื่อผมนะ ม้าที่ผมขี่ชื่อโตเลนเต้ ทุกครั้งที่ขี่เนี่ยม้ามันจะมีความฉลาด การจำน้ำหนัก การจำกลิ่น เราก็ปลอบโยนให้อาหาร เราก็ขี่แบบทะนุถนอมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องปืนไม่เป็นปัญหาครับ อาจจะเป็นปืนยาวที่เราไม่คุ้นเคย ปืนลูกซองบ้างอะไรอย่างนี้ เพราะว่าคุ้นชินอยู่ในเรื่องของอาวุธ เรื่องของการแอคชั่น การออกกำลังกาย สำหรับ “ขุนพันธ์ 2″ ด้วยคาแรคเตอร์ของผมสักมาขนาดนี้มันก็เลยมีการนำเสอนทั้งในแง่ฤทธานุภาพ พุทธานุภาพหลายอย่างมาก ดังนั้นมันจะนำเสนอในเรื่องของการดวลกันด้วยเวทย์ สยบด้วยคาถา แล้วล่าหัวกันด้วยอาคม
ดีกรีความเข้มข้นของฉากแอคชั่นในภาพยนตร์เห็นว่าถึงไหนถึงกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่วันแรกฉากแรกที่เปิดตัวเสือฝ้าย ผู้กำกับโขมก็จัดเต็มเลย
สำหรับในฉากแรกที่ผมเข้าเลย มันเป็นการที่ไม่ต้องทำอะไรเยอะแต่รู้ได้ว่าเสือฝ้ายโหด วันแรกมานี่ให้ผมยิงบาซูกาใส่พวกญี่ปุ่นที่ทำร้ายคนไทย ทรมานคนไทย นั่งรถคลาสสิคมาแบบชิลๆ แสดงว่าคาแรคเตอร์ของเขาคงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะใช้อาวุธหนักขนาดนั้น เขาเด็ดขาดและก็เลือดเย็น ในขณะเดียวกันมันมีฉากหนึ่งที่เราประชุมพวกเสือด้วยกัน เพื่อที่จะไปออกปล้นเหมือนจะไปล้างแค้น ก็มีความเหี้ยมอยู่ในสายตาและคำพูด ได้เห็นถึงการชิงความเป็นใหญ่ในละแวกภาคกลาง มันต้องเหี้ยมคิดการใหญ่ใจต้องเด็ด เสือมันมีคุณสมบัติออย่างหนึ่งคือเวลาที่มันเจ็บมันไม่ให้ใครรู้หรอก แต่มันจะกลับไปเลียแผลของมันในถ้ำ แต่เมื่อไหร่ที่เสือออกมาจากถ้ำแล้วจะรู้ว่าเสือโหดและดุ
ร่วมงานกับพี่โขม ผู้กำกับเป็นอย่างไรบ้าง
พี่โขมเป็นคนทำงานเร็ว และก็เป็นคนที่แม่นช็อตซีนต่างๆ บางทีรู้เลยว่าตัดแค่นี้ผ่านแล้ว อยากบอกกับพี่โขมว่า ถ้ามีโอกาสอยากร่วมงานกับพี่โขมอีก เป็นคนที่ชัดเจนมาก ทำให้เราทำงานแม่นและง่าย นักแสดงก็ไม่เหนื่อยนะ รู้ว่าสิ่งสำคัญของช็อตซีนต่างๆ มันคืออะไร ถ้าต้องเอาเขาก็ไม่ยอมนะ ถ้าสิ่งต่างๆ ที่เขาต้องการเขาก็ไม่ยอม แต่บางอย่างมันไม่ใช่สิ่งสาระสำคัญ เขาก็ยอมได้
มีซีนไหนที่ชอบหรือประทับใจเป็นพิเศษ
เป็นซีนเล็กๆ ซีนหนึ่งที่สาบานเป็นเพื่อนกัน เรารู้สึกได้ว่าเรารักอนันดานะ รักเป้ คือมันเหมือนเป็นเพื่อนกันจริงๆ รู้สึกได้ มันเป็นซีนที่เรานั่งล้อมวงกันสาบานต่อหน้าองค์พระพุทธรูปใหญ่ในโบสถ์วัด เราจะเป็นเพื่อนกัน เราจะไม่หักหลังกัน มีสุขก็ร่วมสุข มีทุกข์ก็ร่วมทุกข์ ดื่มน้ำร่วมสาบานกรีดเลือดลงไป คนดูจะรู้สึกว่าไม่อยากให้มันเกิดอะไรขึ้นกับสามคนนี้เลย ผมเองผมยังรู้สึกแบบนั้นเลย แต่ผมก็ไม่บอกว่าปลายเรื่องมันจะเป็นยังไง และก็ซีนเล็กๆ อีกซีนหนึ่งคือผมเล่นอยู่คนเดียว
3 เสือจะมีอาคมเป็นอาวุธ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความพิเศษแตกต่างกัน ของใครเป็นอย่างไรบ้าง
ความพิเศษของ “เสือใบ” เขามีคาถากระสุนคตและก็มีตะกรุดแคล้วคลาด เสือใบจะยิงกระสุนคตโดยที่ไม่เห็นตัวตนก็ได้ แต่รู้ว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหน ยิงไปเดี๋ยวกระสุนโดน แล้วก็ “ขุนพันธ์” เขาจะมีความอยู่ยงคงกระพัน แต่ในขณะเดียวกันขุนพันธ์จะมีอีกคาถาหนึ่งคือหายตัวได้ บางทีอยู่ดีๆ คนก็ไม่เห็นตัวเขาซึ่งก็น่าจะเป็นคุณสมบัติของสองเสือที่ทำให้เขามีดีกรีความเป็นเสือขึ้นมาได้และก็ต่อกรกับ “เสือฝ้าย”
เป็นภาพยนตร์แอคชั่นอาคมเหนือจินตนาการ มีความพีเรียดมาเป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยเฉพาะความสมจริงที่พูดได้ว่าเป็นที่น่าจับตามากๆ
ผมว่าในส่วนของงานสร้างคือองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสมจริงเข้ามามาก ตัวละครเข้ามามีส่วนสำคัญในรายละเอียดทางของอารมณ์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นชุมชนของเสือ ฉากแอคชั่นที่จะมาปล้นในเมืองในหมู่บ้าน มันก็เป็นฉากแอคชั่นที่น่าดูน่าสนุกน่าตื่นเต้น น่าติดตาม ช็อตขี่ม้าคู่มากับมอเตอร์ไซต์ มันเป็นหนังที่เท่ ขุนพันธ์เนี่ยคือฮีโร่ ในขณะเดียวกันเสือฝ้าย-เสือใบก็เป็นฮีโร่ด้วยเหมือนกัน ในขณะเดียวกันมันมีความสมจริงมากขึ้น อาวุธต่างๆ อย่างเสือฝ้ายเองนี่ใช้บาซูกา ปืนยาวและปืนสั้น และก็ตัวผมเองต้องสูบไปป์ด้วย สำลักแล้วสำลักอีก เพราะในชีวิตจริงไม่ได้สูบบุหรี่หมายความว่าเป็นการสร้างคาเรคเตอร์ให้กับเสือฝ้ายที่ฉลาดแยบยล
ถ้าในชีวิตจริงเลือกใช้คาถาอาคมได้ ผู้พันเบิร์ดอยากมีคาถาอาคมอะไร
พลังช้างสารนี่แหละ คือผมคิดว่าคนเราเวลาที่มันอยู่ในชีวิตจริงๆ อยู่ยงคงกระพันไปบางครั้งอาจจะไม่มีความสุข โดยเฉพาะถ้าเป็นเสือจริงๆ มันฆ่าคนมามาก เขาก็คงไม่อยากอยู่ยงคงกระพันหรอก ถ้าเลือกได้จริงอยากจะเลือกพลังช้างสารของเราใช้ในสิ่งที่มีประโยชน์เยอะๆ ช่วยเหลือคน พลังมันจะทำให้เราคิดจะทำอะไรได้อีกหลายๆ อย่าง
เตรียมพบกับความมันส์ของภาพยนตร์ไทยแอคชั่นเหนือจินตนาการที่เกิดจากไอเดียความเข้มข้นของตำนานเสือไทยปะทะกับวีรบุรุษหนังเหนียวของ “ขุนพันธ์ 2” 23 สิงหาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์