บทสัมภาษณ์ “เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ” เป็น “เสือใบ” คู่ปรับขุนพันธ์ ดั่งนกไร้ขา เจ้าชู้แพรวพราว แม่นไวราวจับวาง กระสุนคตคู่กาย ตะกรุดแคล้วคลาดปัดป้องคุ้มภัย

KhunPan2-st17

 

จริงมั้ยว่าบทบาท “เสือใบ” คือตัวละครที่เป้เตรียมตัวมาไม่ต่ำกว่า 3 ปีแล้ว

ก็ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว “พี่โขม” (ผู้กำกับ) ชวนไปเล่นตอนจบของ “ขุนพันธ์” ภาคแรกซึ่งเราก็ตื่นเต้นมาก ยิ่งพอเป็นพี่โขมโทรมาก็รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว เจอ “พี่จ่อย” (อนันดา) ครั้งแรกก็ตื่นเต้นมาก และก็พัฒนาคาแรคเตอร์ตั้งแต่ตอนนั้น แต่ว่าความจริงแล้วโปรเจกต์มันจะเกิดขึ้นต่อจากภาคแรกเลย แต่กลายเป็นว่าภาคแรก 3 ปีกว่าจะได้ฉาย พอเรารู้ว่าเราจะได้เล่นบทนั้นก็เลยเริ่มคิดถึงมันละ เริ่มไปซื้อปืนมาฝึกควง แล้วพี่โขมก็หายไปเลยจนภาคแรกฉาย เราก็ลุ้นอยู่ว่าจะมีเราโผล่ตอนหลังไหม แล้วก็ได้เล่นภาค 2 ต่อครับ

 

ก่อนจะรับบท “เสือใบ” ใน “ขุนพันธ์” ได้มีการเตรียมตัวหรือศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวของเสือใบ หรือส่วนตัวเองได้รู้จักเรื่องราวเกี่ยวกับตัวท่านขุนพันธ์อยู่แล้วหรือเปล่า

รู้จักครับ ส่วนตัวก็มีการอ่าน และก็ดูวิดีโอแหละ ศึกษาตัวท่านเพิ่มขึ้นนิดหนึ่งครับ รู้ว่าท่านเป็นมือปราบที่ความจริงแล้วตัวเล็กนะ ได้มีฉายามือปราบพริกขี้หนูด้วยซ้ำ มีอาวุธอะไรบ้าง และก็ศึกษาตัวเสือใบ อ่านหนังสือ แต่เสือใบมีประวัติหลายแบบมาก หรือว่าเสือใบจริงๆ เป็นยังไงเราก็ไม่แน่ใจ เราก็เลือกทางหนึ่งที่เรารู้ค่อนข้างชัวร์ เพราะว่าเทียบเคียงกับหลายๆ ฝ่ายครับ

 

คาแรคเตอร์ของ “เสือใบ” ในมุมมองของ “เป้ อารักษ์” นี่เป็นอย่างไร

“เสือใบ” เจ้าชู้กะล่อน แพรวพราว ไว เร็ว กวน เป็นคาสโนวาคนหนึ่ง คือเจ้าชู้มาก ไม่มีใครจับตัวอยู่ จะมีหลายฉากที่เราโชว์ว่าความจริงแล้วที่เสือใบกะล่อนและก็ไม่มีใครเอาเขาอยู่ ในขณะเดียวกันก็มีอดีตที่ขมขื่น เป็นลูกน้องคนสนิทของ “เสือฝ้าย” ทุกอย่างเพื่อกลบเรื่องราวในอดีตที่ขมขื่นสำหรับเขา ซึ่งในประวัติศาสตร์เราจะรู้ว่าเสือฝ้ายมีชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี คือเป็นโจรที่ได้รับการนับหน้าถือตาเป็นนักการเมืองคนหนึ่งเลยแหละ คอยดูแลชาวบ้าน และก็มีความภักดีที่ทำให้ชุมชนนี้แข็งเกร่ง พวกเขาทำตัวเหมือนโรบินฮูด มีคนมากมายแหละที่อยากเข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่มโจรเชิ้ตดำ ส่วน “เสือบุตร์” เป็นตำรวจแท้ๆ เลย ไม่มีใครรู้หรอกว่า “ขุนพันธ์” ที่ปราบ “อัลฮาวียะลู” หน้าตาเป็นไง ตอนเด็กเสือใบก็เป็นเด็กซนๆ คนหนึ่งซึ่งมาวิ่งเล่นอยู่ในชุมโจรเสือฝ้าย ฝึกวิชายิงปืนจากที่นี่ แต่วันหนึ่งโดนทวงหนี้ พวกฝ่ายทวงหนี้ก็จะเป็นคนในเครื่องแบบมาจับเมียเขาไป เขาเลยไปยิงพวกนั้นตายทั้งหมด หลังจากนั้นเสือใบก็หนีมาตลอด เขารู้สึกว่าเขาไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว ที่เขาเจ้าชู้มากๆ เพราะเขาลืมเมียเขาไม่ได้ จากนั้นไม่มีที่ไปก็มาขอพึ่งบารมีพี่ฝ้ายอีกครั้งและก็ไปฝึกวิชาเพิ่มเติมกลายเป็นคนที่ยิงปืนได้ไวที่สุดคนหนึ่ง

 

ว่ากันว่าไม่เพียง “ขุนพันธ์” ที่มีอาคมเป็นอาวุธ “เสือใบ” เองก็มีของขลังมีวิชาเหมือนกัน

เสือใบสักเกือบทั้งตัวครับ เน้นทางด้านเมตตาซะส่วนใหญ่ ก็จะเป็นไก่ฟ้า จิ้งจก อักขระทั้งหมด และก็สาริกาคู่ พวกเก้ายอด สิงห์ และของขลังอีกอย่างก็จะเป็นตะกรุดที่สามารถวิ่งได้รอบตัวเขาครับ เรื่องฤทธานุภาพของตะกรุดนี่ เวลาคนยิงข้างหน้าจะสะท้อนออกไปครับ จะไม่มีใครยิงเสือใบได้ กระสุนคตคือเสือใบเขาฝั่งกระสุนพิเศษอันหนึ่งไว้ในแขน อยากใช้เมื่อไหร่ก็เรียกออกมา ก็เป็นกระสุนปืนที่เอาไปใส่ในปืนพิเศษที่จะเหน็บเอาไว้ข้างหลัง ใส่ลูกระสุนเข้าไปแล้วยิง เหมือนยิงลูกซองนัดเดียว แต่มันไม่ได้ออกไปตรงๆ ครับ มันจะโค้งไปเข้าศีรษะของเป้าหมายที่เขาเล็งไว้ ถ้าเรามองเห็นถึงเรื่องราวของคาถาอาคมมันจะมีข้อจำกัดของมัน

 

KhunPan2-st07

KhunPan2-st25

 

ในเรื่อง “ขุนพันธ์” นอกจากในเรื่องของแอคชั่นอาคมแล้วยังพูดถึงการวางความสัมพันธ์ของตัวละครสองฟากของกฎหมายที่เกี่ยวโยงกัน ซึ่งในภาค 2 นี้จะเห็นชัดขึ้นเมื่อตัวละครขุนพันธ์ข้ามฝั่งจากตำรวจมาเป็นโจร

ความจริงแล้ว “เสือบุตร์” (ขุนพันธ์) เข้ามาอยู่กับ “เสือใบ” โดยการปลอมตัวเข้ามา เสือใบชอบเสือบุตร์เพราะว่าเขามีคาถาอาคมคงกระพัน แล้วเป็นคนใจถึงพร้อมลุย ซึ่งผมว่าในชุมชนก็ต้องการคนมีฝีมือคอยช่วยเหลือกันในหลายๆ สถานการณ์ เสือบุตร์มีคาถาอาคมคงกระพัน เสือใบมีคาถาแคล้วคลาด ในขณะเดียวกันพอเสือบุตร์เข้ามาอยู่ในชุมโจรของ “เสือฝ้าย” เขาก็เห็นว่าโจรพวกนี้เป็นโจรธรรมดาที่ถูกกฎหมายทำร้ายถูกคนเอาเปรียบ เขาเลยใช้ตัวเองช่วยเหลือคนรอบด้านชุมโจรก็มีลูกเล็ก พ่อแม่ คนแก่อยู่ที่นี่เพราะอยู่ข้างนอกไม่ได้ เสือบุตร์ก็เลยตั้งคำถามว่าในขณะคนที่ใส่ชุดตำรวจกลับทำตัวคอร์รัปชั่น แล้วที่จริงยังมีตำรวจดีอยู่ไหม ส่วนชุมโจรเสือฝ้ายเวลาจะปล้นทีก็จะมีบัญชีรายชื่อ มีเชิ้ตดำเป็นสัญลักษณ์ ยิ่งใหญ่มาก คุมภาคกลางทั้งหมดเสือฝ้ายก็พยายามจะรวมให้หมดนะ เสือย่อม เสือมเหศวรเอาเข้ามาอยู่ด้วยกัน

 

ความน่าสนใจอย่างหนึ่งของ “ขุนพันธ์ 2” ก็คือเหล่านักแสดงที่มาร่วมงานกัน การทำงานเป็นย่างไรบ้าง

สำหรับ “พี่อนันดา” ตอนแรกผมเป็นแฟนพี่อนันดามาตั้งแต่ยุคที่เขาเล่นหนังหลังจาก “ชัตเตอร์” (2547) มา เป็นคนมีคุณภาพมากได้รางวัลมาแล้วทุกสถาบัน เขาเป็นคนอารมณ์ดีมากแต่พอเข้าฉากก็จะเปลี่ยนไปคาแรคเตอร์ได้เลย และก็ทำได้ดีเสมอถึงแม้จะเป็นในบทบู๊เขาก็สามารถทำออกมาได้แบบดี และก็แข็งแรงมาก เพราะเขาเล่นมาเยอะจริงๆ ประสบการณ์เยอะมาก

“ผู้พันเบิร์ด” เราจะมองว่าเขาเป็นพระนเรศ และก็เป็นผู้พันเป็นโฆษกของทหาร ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นเป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งก็ตรงกับบทเสือฝ้ายมากครับ ตอนถ่ายก็ด้วยประสบการณ์ที่แกอยู่ป่ามา ขี่ม้านี่คือเรื่องง่ายมากสำหรับผู้พันเบิร์ด เรื่องปืนความแข็งแรงในการต่อสู้อย่างนี้ครับ ดูน่าเกรงขามมาก

“แม็กกี้” ผมเคยทำงานกับน้องมา เขาทำงานเยอะประสบการณ์อาจจะเยอะกว่าผมด้วยซ้ำ  ในเรื่องของการแสดง เป็นผู้หญิงของเสือใบก็จะต้องปวดหัวหน่อย เหนื่อยหน่อย วันดีคืนดีก็ให้เป็นนกต่อให้ไปอยู่ใกล้ๆ ลูกปืน แต่ในขณะเดียวกันเสือใบเคยช่วยตัว “ทับทิม” เอาไว้ก็เเลยฝากตัวทับทิมไว้ที่สุวรรณบุปผาเป็นโรงแรมประจำสุพรรณบุรีที่มี “ก้อย รัชวิน” เป็นผู้ดูแล ทับทิมนี่ถือได้ว่าเป็นผู้หญิงของเสือใบ ทับทิมจะขึ้นห้องกับใครไม่ได้

 

การเป็นผู้หญิงของเสือใบไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเผชิญกับชะตากรรมอย่างไรบ้าง

เสือใบเองก็เป็นโจรมีอันตรายตลอดเวลา เวลาที่เสือใบกลับมาจากภารกิจต่างๆ ที่นี่เป็นที่เดียวที่เขาจะหลับได้เต็มตาในห้องของสุวรรณบุปผา เพราะเป็นที่ที่ไม่มีใครอยากจะมา ที่ที่หาความสุขกันไม่ว่าจะเป็นตำรวจ โจร พ่อค้าอาวุธเถื่อน ทุกคนจะมาสังสรรค์และก็จะไม่ค่อยมีใครก่อเรื่องที่นี่ เสือใบก็จะเป็นขาประจำ ในขณะเดียวกันทับทิมก็ได้รับรู้กิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของเสือใบ และด้วยความที่เป็นสาวงามของสุวรรณบุปผา เสือใบก็ใช้ไปเป็นนกต่อไปล่อลูกปืนไปอยู่ใกล้กับเหยื่อที่เขาจะฆ่า

 

KhunPan2-st19

KhunPan2-st21

 

การเตรียมตัวที่จะเป็นเสือใบของเป้ อารักษ์ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

ก่อนหน้านี้ 3 ปีก็จะเป็นการฝึกซ้อมควงปืน ดูหนังคาวบอย เราก็ไปเรียนขี่ม้า และก็พยายามหาคาแรคเตอร์ไม่เหมือนกับสิ่งที่ผมเคยทำมา ผมจะพูดเสียงประมาณนี้ เปลี่ยนโทนเลย ผมว่ามันเป็นการแปลงคาเรคเตอร์ได้อย่างแนบเนียนดี เรื่องของความแข็งแรงของร่างกายก็คิดว่าหลังจาก “จอห์น วิก” ออกมา การต่อยเตะธรรมดามันน่าเบื่อละ ผมก็ไม่สามารถกระโดดตีลีงกาได้อย่างสตันต์หรอก ผมก็เลยไปเรียนสายทุ่มสายล็อกยูโดมาครับ รวมไปถึงกราวเกมส์คือลงไปล็อกข้างล่างแต่สุดท้ายก็บาดเจ็บซะก่อน บาดเจ็บจากการเรียน  ส่วนการควงปืนมันมีหลักการของมันหลักๆ เลยคือนิ้วต้องแข็งแรงควงปืนยาวควงไรก็ได้ แล้วในหนังเราก็เซตปืนจริงครับ

 

ทุกครั้งที่เข้าฉากมีการเปลี่ยนลุกส์  

การดีไซน์ลุกส์ของแต่ละคนมันจะสนุกมากผมเองก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้แต่งลุกส์นี้หรอก ติดหนวด และก็รอยสักทั้งหลาย สีผิวก็ด้วยครับ ด้วยความที่เราขี่ม้าอยู่กลางแดดผิวต้องเข้ม เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่มาถึงกองหกโมงครึ่ง กินข้าวก่อน ถอดเสื้อทำรอยสัก ทำรอยสักเสร็จแล้วเริ่มลงสีแต่งหน้าทำผมไปพร้อมกัน แล้วก็พ่นสเปรย์เคลือบรอยสัก ติดหนวดอาจจะทีหลัง เพราะเดี๋ยวจะทำอะไรลำบาก ในระหว่างวันที่ทำงานก็จะมีการเติมได้ตลอดเวลาครับผม ต้องไปทาบก็จะเติมตลอดเวลา

 

นักแสดงแต่ละคนที่ร่วมงานกันไม่ว่าจะเป็นอนันดาหรือผู้พันเบิร์ด ทุกคนล้วนต่างผ่านการทำการบ้านมากันอย่างเต็มที่

ตอนที่ผมเตรียมตัวมาประมาณหนึ่งนะ แต่พอดูรอบข้างแล้วทุกคนก็เตรียมตัวมาหมด พี่จ่อยเฮฮาตลอด แต่พอเข้าฉากแบบโห…แข็งแรงขนาดนี้เลย น่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอ เวลาคว้าคนเข้ามาแล้วเอามีดปักเข้าไปที่ตัว ส่วนพี่เบิร์ดเป็นเสือฝ้ายคือด้วยความที่เขาเป็นทหารหัวหน้านายพันอยู่แล้ว คือเดินออกมาแล้วหันหน้าอย่างงี้ถือมีดน่ากลัวมาก พูดเสียงก็ต้องมีพลัง เป็นหัวหน้าโจรจะด่าใครมันต้องมีพลัง หรือแม้แต่ซีนกินเหล้ากัน คนพวกนี้ที่มันดูน่ากลัวแต่มันพูดแบบยิ้มๆ ซึ่งมันก็ไม่รู้จะเปิดสวิตซ์เมื่อไหร่

 

โดยส่วนตัวเป็นคนที่เชื่อในเรื่องคาถาอาคมมั้ย

ตอนเด็กๆ ไม่เชื่อครับ เพราะเราไม่เคยเห็นผีแต่พอเราโตขึ้นมาเราผ่านงานของครอบครู เพราะฉะนั้นเรื่องราวพวกนี้ผมเชื่อแล้วแหละว่ามันมีอยู่จริง ปัจจุบันน่าจะน้อยลงไปมากแต่ในสมัยก่อนน่าจะมีผลมาก เพราะว่าสุดท้ายแล้วไม่มีใครพิสูจน์ได้

 

พอต้องมาเล่นเป็นคาแรคเตอร์ที่ต้องมีคาถาอาคมรู้สึกอย่างไร

ก็นับเป็นคาแรคเตอร์ดีกว่าครับ ทำตัวปกติครับไม่มานั่งท่องคาถาตลอดเวลา มีโอกาสได้ลองครับว่าสักเยอะขนาดนี้แล้วว่าเหนียวมั้ย ดึงปืนออกมาด้วยความรวดเร็ว ปืนบาดตะกรุดตัวเอง เลือดไหลเลยครับ ไม่เหนียวครับ (หัวเราะ)

 

KhunPan2-st22

 

การทำงานในเรื่อง “ขุนพันธ์ 2” นี้มีฉากไหนที่ชื่นชอบหรือประทับใจ

ซีนที่ผมได้ขี่ม้าทั้งวัน ครั้งแรกที่ผมได้ขี่ม้าผมเรียนมามั่นใจว่าผมขี่ม้าเก่ง วันนั้นไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับม้าเลย แต่ว่าก็ต้องวิ่งเข้าหาระเบิด ซึ่งเขาก็ซ้อมกันวิ่งเข้าไปช่วยทับทิมระเบิดจะอยู่ตรงนี้นะ วันนั้นเราเจ็บเข่าแต่ตั้งใจวิ่งให้ตรงมาร์กไว้ สุดท้ายพอมาดูประทับใจสุดๆ แต่ว่าตอนที่เขาถ่ายคัตกว้างพี่อนันดาก็ต้องไปวิ่งอีกครั้งหนึ่ง ทีนี้มันจะมีระเบิดฝุ่นกับระเบิดไฟ ผมถ่ายสร็จผมก็ออกมานั่งดูพี่อนันดา เขาบอกตรงนั้นเป็นฝุ่นนะ  เพราถ้าระเบิดไฟมันอันตรายมันติดเสื้อได้ พี่อนันดาก็วิ่งระเบิดที่ควรจะเป็นฝุ่นดันเป็นไฟขึ้นใกล้มาก พี่อนันดาไม่รู้เรื่องว่าอะไรมันร้อนๆ

อีกซีนหนึ่งที่ขี่ม้า คือไดเรคชันของพี่โขมมันโหดมากตรงที่แก๊งอื่นก็จะมารุมพวกแก๊งเชิ๊ตดำเหมือนกัน เป็นที่โคลนริมน้ำมีขุดบ่อไว้ประมาณ 5-6 บ่อ และก็เอาคนเข้าไปอยู่ในนั้น พอพวกเราขี่ม้าเข้ามาเขาก็จะลุกขึ้นมายิงพวกเรา แล้วม้ามาประมาณสิบตัว หลุมมันเยอะไงม้ามันก็ตกได้ ตอนแรกก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะว่ามันเป็นม้าที่ได้รับการฝึกมา พอเริ่มยิงปืนจริงเท่านั้นแหละม้าเตลิด ตัวของผมก็ไม่ได้เตลิดมาก มันมีจังหวะหนึ่งที่ยิงแล้วมันถอยแล้วมันตกหลุมใจผมลงไปอยู่ตาตุ่ม เราก็กระชากมันขึ้นมาสุดท้ายก็ไม่ล้ม ทรหดมากฝนตกตลอดเวลาแต่ผมไม่กล้าบ่นเลยว่ามันหนาว เพราะคนที่อยู่ในบ่อหนาวกว่าผมเยอะ แล้วผมก็ได้แผล ไม่ได้ทำแผลก็ต้องแปะพาสเตอร์ไว้ แล้วก็ลุยต่อ หน่วยกู้ภัยก็ต้องเดินลุยลงโคลนออกไป

 

เห็นว่ามีทั้งขี่ม้ามือเดียวแล้วต้องยิงปืนด้วย

ความจริงแล้วขี่ม้าถ้าเบสิคจะเป็นสองมือเพราะเราควบคุมซ้ายขวาได้ดี แต่ถ้ามีปืนก็จะต้องถือมือเดียว และก็ควบคุมซ้ายขวาอีกแบบหนึ่ง  เวลาเรายิงเราจะยิงไปที่หูม้าไม่ได้เพราะมันจะตกใจ มันรู้ว่าถ้ากลับมาตรงนี้มันเสียงดังมันตกใจมันก็ไม่ยอมเดินกลับมา แต่ว่าถ้าเป็นคนที่ขี่โปรๆ อย่างผู้พันเบิร์ด เขาก็ทำให้มันง่ายมากสำหรับการขี่ม้า ผมก็ตั้งใจทำเต็มที่

 

บทนี้มีฉากแอคชั่นเยอะมาก ประมาณว่าถ่ายทำวันแรกก็เจอคิวแอคชั่นเลย

ฉากแรกของผมเป็นฉากแอคชั่นเลยนะก็ถ่ายอยู่สองวัน ฉากแรกของ “ขุนพันธ์ 2” ต้องมีคนโดนไฟไหม้เลย คือในเรื่องโดนทหารญี่ปุ่นจับไป พวกทหารญี่ปุ่นก็เผาแก๊งของเรา เสือบุตร์เข้ามาช่วยเสือใบก็จะโชว์การใช้อาคมกระสุนคต การสะเดาะกุญแจ ขุนพันธ์หายตัว เสือฝ้ายซัดบาซูกา เรื่องราวของ “ขุนพันธ์ 2″ การบู๊เป็นในเรื่องของอาคมไม่ใช่เป็นในเรื่องของมาร์เชียลอาร์ตเยอะ ภาคนี้คนเรามีปืนมันคงไม่มาต่อยกันหรอก บางฉากที่เสือฝ้ายต้องการใช้มีดบ้างเพราะว่าแถวนั้นคนเยอะ ไปบุกฆ่าหลวงธรรมรงค์ที่งานหาเสียง

 

เห็นว่ามีหลายๆ อย่างที่เชื่อว่าคนดูจะเซอร์ไพรส์ ซึ่งนักแสดงหลายๆ คนต่างชื่นชมในวิธีคิดและนำเสนอที่จะเกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ ในมุมมองของนักแสดงเป็นอย่างไรบ้าง 

มีอยู่ฉากหนึ่งต้องชม “พี่โขม” (ก้องเกียรติ โขมศิริ) ผู้กำกับและ “พี่จิ๊บ” (ทิวา เมยไธสง) ผู้กำกับภาพ ฉากการขายอาวุธของเสือใบอาชีพจริงๆ มันคือการปล้นของญี่ปุ่นแล้วมาขายเอาเงิน แล้วขุนพันธ์มาเห็นก็จะมาขอเข้าพวก ในขณะที่คุยกันอยู่ก็จะมีการเอาปืนจ่อกันโดยทั้งคู่ก็จะอยู่ในเรือแจวคนละลำ เรือแจวก็ต้องล็อกไว้ไม่ให้มันขยับข้างหลังเขาก็ตีกัน มีระเบิดข้างหลัง พี่โขมอยากได้เซตเป็นตลาดมืดในสุพรรณในคุ้งน้ำเอาเรือมาเทียบท่าขายของ คุ้งน้ำมีแต่คนเมา มีแต่โจร ค้ามนุษย์ ค้าอาวุธ ผู้เล่นสมทบเยอะมาก มีพวกขายบริการบนสะพาน ด้วยเงื่อนไขในการถ่ายทำในฉากนี้ ทุกคนต้องเล่นแบบสมบูรณ์ในคัตเดียว ผมเล่นกับพี่จ่อยสองคน ข้างหลังนักแสดงสมทบร่วมร้อยเขาตีกันแล้วก็มีคิวระเบิด เราแค่ต้องอย่าพูดผิด ต้องชักปืนจ่อพี่จ่อยด้านซ้าย พอผมพูดเสร็จมันต้องเก็บปืน (ท่าประจำ) ปรากฏว่าทำได้ครับ

 

KhunPan2-st24

KhunPan2-st04

KhunPan2-st05

 

ผู้กำกับบอกว่าหนังแบบนี้ไม่มีใครอยากจะทำ เพราะใช้พลังงานเยอะ แต่เราทำถึงแม้ว่าทำแล้วเลือดตาแทบกระเด็น

เอาจริงๆ ผมไม่เหนื่อยครับ ผมชอบมากในการที่ได้มาอยู่กองขุนพันธ์ ผมคิดว่าเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ได้เล่นอะไรแบบนี้มันมีความยิ่งใหญ่ในหลายแง่มุม แต่คนที่เหนื่อยแน่นอนคือพี่โขมเครียดทุกด้าน เรื่องเงิน เรื่องเวลา ความต่อเนื่อง ทีมงานทุกคนเหนื่อย ผมเป็นนักแสดงผมไม่ได้เหนื่อยอะไรขนาดนั้นครับ ไม่รู้พี่อนันดาพูดหรือเปล่าว่า การทำงานในหนังเรื่องขุนพันธ์มันเหมือนกับเด็กผู้ชายพอได้ขี่ม้ายิงปืนมันก็สนุก ได้มีรอยสัก ได้เฮฮา มีแก๊งมีเพื่อน มันยังไม่มีวันไหนที่ผมไม่สนุกเลย

 

เป็นการกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ “ก้องเกียรติ โขมศิริ” อีกครั้ง

เรื่องที่แล้วมันเป็นประสบการณ์ของชีวิตผมเลยเรื่อง “เฉือน” (2552) เป็นคาแรคเตอร์ที่ผมไม่เคยเล่น เป็นการทำงานที่ผมไม่เคยเจอ เขาแก้ปัญหาหลายๆ อย่างได้ดีมาก ทีมงานที่แข็งแรงทำได้ดีมาก เรื่องนี้ “ขุนพันธ์ 2” (2561) มันใหญ่กว่าเรื่องที่แล้วเยอะมาก เรียกว่าเป็นบทที่ผมไม่เคยเล่นเหมือนกัน เราก็ทำการบ้านและก็ทำให้มันดีที่สุด ปรึกษากับพี่โขมก็มีไดเรคชันไอเดียที่มันค่อนข้างเฟี้ยวเข้ากับคาเรคเตอร์ มันทำให้เราส่งความเป็นตัวละครออกมาให้ดีขึ้น ในแอคชั่นนี่มันยิ่งแบบค่อนข้างยิ่งใหญ่และน่าสนใจมากๆ เสือใบปลอมตัวเป็นมือระนาดและก็ควักปืนออกมาจากระนาดยิงคน มีความเป็นไทย มีความดีความชั่วอยู่ในเรื่องค่อนข้างชัดเจน พี่โขมแกก็เลยอยากจะเชิดชูความดี ขุนพันธ์ในสมัยก่อนถือว่าเป็นคนดี ถึงแม้ว่าบางทีจะใช้วิธีค่อนข้างโหดร้าย แต่ว่าก็เป็นคนดีและเชื่อว่าก็เป็นแรงบันดาลใจให้กันคนยุคนี้ได้

 

เราจะได้สัมผัสในกลิ่นอายของการคารวะหนังบู๊ไทยของตัวผู้กำกับ “ขุนพันธ์ 2” เป็นหนังแอคชั่นที่มีคาแรคเตอร์จัดจ้านและเท่มากๆ

พี่โขมก็โชว์ความเป็นไทย เปิดฉากมาเปิดตัวของเรื่องราวของเสือฝ้ายกับเสือใบ คือการเปิดฉากทอดกฐินใส่หัวโต เสือใบรำออกมา เสือฝ้ายก็เดินถือกฐินออกมา และก็ฉากหาเสียงก็เป็นวงปี่พาทย์นั่งเล่น เป็นความไทยแลนด์แดนสยาม กินข้าวกันอยู่ในวง นั่งพื้นในเรือนบ้าน กินเหล้าในชาม คนสมัยก่อนมีขันน้ำมีอะไรอย่างนี้ ไทยแลนด์แก๊งสเตอร์คือแบบไหน แต่วิชวลทางด้านภาพหรือทางกล้องมันอินเตอร์มากๆ แต่ว่าลักษณะหรือแอคชั่นของมันมีความเป็นไทยค่อนข้างเยอะ

 

นอกจากเล่นเป็นเสือใบแล้ว เห็นว่าเรื่องนี้มีแต่งเพลงด้วย

ใช่ครับ แต่งมาจากเรื่องราวความเป็นเสือ ความเป็นทีมโจร มองในแง่ความเป็นเสือ ซึ่งพี่โขมเขาก็มองว่าอยากให้ผมลองแต่งดู ปรากฏว่าแกดูแล้วมันใช้ได้ ผมก็เลยจะดึงทีมงานที่ผมไว้ใจมาช่วยผมทำเพลงครับคือเหมือนตัวเสือใบในเรื่องจะมีความเป็นฝรั่งเล่นดนตรีได้หลายแบบ อาชีพรองของเขาคือเล่นดนตรีอยู่ในโรงแรมสุวรรณบุปผา

 

#ขุนพันธ์ พร้อมเข้าฉาย 23 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

ขุนพันธ์ 3 (Khun Pan 3)

ขุนพันธ์ 3 (Khun Pan 3)

ศรัทธาคลั่ง อาคมเดือด สู่วันพิพากษาด้วยอาคม! ในปี พ.ศ. 2493 บ้านเมืองได้รับผลกระทบจากสงคราม ชุมโจรเสือร้ายยังคงชุกชุมไปทั่วทุกหนแห่ง “ขุนพันธ์” (อนันดา...

รายละเอียดภาพยนตร์