บรรดาภาพยนตร์เกี่ยวกับทหารหรือสงครามที่ผ่านมา ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นภาพการปฏิบัติภารกิจในเรือดำน้ำใต้ทะเลลึก แทนที่จะเป็นสมรภูมิบนท้องฟ้าหรือพื้นดิน และเรากำลังจะได้เห็นภารกิจที่แสนเข้มข้นนั้นกันแบบเต็มๆ ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้กับภาพยนตร์เรื่อง “Hunter Killer สงครามอเมริกาผ่ารัสเซีย” ที่จะทำให้รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนพื้นที่แคบๆ ในเรือดำน้ำก็สร้างสงครามที่ยิ่งใหญ่และยังมาพร้อมความสนุกตื่นเต้นไม่แพ้สมรภูมิใดๆ บนโลกนี้เหมือนกัน
และนี่คือ 7 ความยิ่งใหญ่ของ “Hunter Killer” ที่เกิดจากความทะเยอะทะยานของทีมนักแสดงและผู้สร้างภาพยนตร์อันเป็นเหตุผลสำคัญที่จะบอกว่า ทำไมคุณถึงไม่ควรพลาดภาพยนตร์เรื่องนี้
1) ยุทธการโลกตะลึง เรือดำน้ำสหรัฐฯ ฝ่าคาบสมุทรคุ้มกันประธานาธิบดีรัสเซีย
เท่าที่ผ่านมาในหนังสงครามต่างๆ อเมริกาและรัสเซียสองประเทศยักษ์ใหญ่ต่างแย่งชิงความเป็นหนึ่ง แต่ครั้งนี้ถือเป็นความเซอร์ไพรส์ที่อาจจะเล่นเอาทั้งโลกอึ้ง เมื่อหน่วยรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ จะมุ่งหน้าสู่ปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือประธานาธิบดีรัสเซียใน “Hunter Killer” และถือเป็นการตีแผ่ภารกิจ “กอบกู้โลกในเงามืด” ของเหล่าทหารหาญที่พร้อมเสียสละชีวิตวีรกรรมใต้ทะเลลึกที่โลกไม่เคยรับรู้
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเรือดำน้ำเอสเอส อาร์คันซอของกองทัพเรือสหรัฐฯ พบข้อมูลลับว่ากำลังจะเกิดการรัฐประหารขึ้นที่รัสเซียโดยอดีตนายพลที่หักหลังจับประธานาธิบดีเป็นตัวประกัน ซึ่งหากปล่อยให้เหตุการณ์บานปลาย เหตุการณ์นี้อาจขยายวงกว้างกลายเป็น “สงครามโลกครั้งที่ 3” ได้ทุกขณะ ส่งผลให้กองทัพเรือสหรัฐฯ ส่ง “กัปตันโจ กลาส” ที่ต้องรีบพาลูกเรือทั้งหมดออกปฏิบัติภารกิจฝ่ามหาสมุทรแอตแลนติกรุกคืบเข้าไปในเขตน่านน้ำของศัตรู ไปพร้อมกับปฏิบัติการคู่ขนานของหน่วยซีลบนภาคพื้นดิน และการแก้เกมรบทุกวินาทีของฝ่ายบัญชาการในตึกเพนตากอนเพื่อชิงตัวประธานาธิบดีรัสเซียออกมาให้สำเร็จ โดยมี “สันติภาพ” ของคนทั้งโลกเป็นเดิมพัน!
2) จากหนังสือเยี่ยมสู่ภาพยนตร์ระทึกไร้ขีดจำกัด
“Hunter Killer” ดัดแปลงจาก “Firing Point” นิยายเขย่าขวัญที่บรรยายภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในเรือดำน้ำได้อย่างสมจริง เพราะได้ประสบการณ์ตรงของ “จอร์จ วอลเลซ” อดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงของยูเอสเอส ฮิวส์ตันที่เคยใช้ชีวิตในฐานะกัปตันเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์เวอร์จิเนีย คลาสมาอย่างโชกโชน โดยเขาเลือกถ่ายทอดเหตุการณ์ที่บีบคั้นในพื้นที่จำกัดของเรือดำน้ำที่อัดแน่นไปด้วยบรรดาทหารเรือที่ต้องพบกับความกดดันขั้นสุด จนขับให้เบื้องลึกของมนุษย์เปิดเผยออกมาได้อย่างน่าประทับใจ
โดยเขาได้ร่วมมือกับ “ดอน คีธ” นักหนังสือพิมพ์และนักเขียนระดับเบสต์เซลเลอร์จาก “Final Bearing” และ “Dangerous Grounds” ฯลฯ ที่มีความสนใจในเรื่องเรือดำน้ำและกองทัพเรือเป็นพิเศษ ยิ่งรวมกับประสบการณ์ตรงของจอร์จ วอลเลซ ผลที่ได้เลยกลายเป็นนิยายระทึกขวัญเรื่องเยี่ยม ต้นฉบับชั้นดีของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ทุกคนกำลังจะได้รับชมกันแบบเต็มๆ
3) โปรดิวเซอร์แอคชั่นมือฉมังและผู้กำกับไฟแรงทุ่มสุดพลังลงรายละเอียดสุดสมจริง
หนึ่งในหัวเรือสำคัญของโปรเจกต์ “Hunter Killer” คือ “จอห์น ธอมป์สัน” โปรดิวเซอร์รุ่นใหญ่ที่เคยกุมบังเหียนงานสร้างโปรเจกต์ฟอร์มยักษ์อย่าง “The Expendables”, “Fast and Furious”, “Olympus Has Fallen”, “London Has Fallen” และ “The Hitman’s Bodyguard” รวมทั้งเป็นหนึ่งในทีมผู้อำนวยการสร้าง “Hellboy” เวอร์ชั่นใหม่
ส่วนคนที่จอห์น ธอมป์สันเลือกให้มารับหน้าที่กำกับคือ “โดโนแวน มาร์ช” ผู้กำกับไฟแรงที่ฝากผลงานไว้กับ “Dollar$ + White Pipes”, “Spud” และ “Avenged” ซึ่งทีมโปรดิวเซอร์มองเห็นความกล้าคิดกล้าทำของผู้กำกับคนนี้ที่จะมาเป็นผู้รับหน้าที่แปลงวัตถุดิบชั้นยอดให้กลายมาเป็นภาพยนตร์ที่สุดเร้าใจ
ก่อนเปิดกล้องมาร์ชทุ่มทุนเดินทางไปที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์ เพื่อออกทะเลจริงไปกับลูกเรือของเวอร์จิเนีย คลาส เรือดำน้ำที่เป็นต้นแบบของยูเอสเอส อาร์คันซอใน “Hunter Killer” เป็นเวลา 3 วันเต็มๆ ซึ่งประสบการณ์ที่ได้ออกทะเลจริงครั้งนี้ได้เปิดมุมมองของเขาจนกลายเป็นไอเดียสุดระห่ำ ด้วยการสร้างฉากเรือดำน้ำทั้งลำ บนเครื่องไฮดรอลิกส์ขนาดยักษ์เพื่อสร้างการเคลื่อนไหวภายในเรือให้เกิดขึ้นอย่างสมจริงมากที่สุด เพราะเขารู้แล้วว่าการถ่ายทอดสิ่งที่ลูกเรือต้องเผชิญภายใต้ระดับความลึกสุดหยั่งนั้น เทคนิคการถ่ายภาพอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป
4) ภาพยนตร์เรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับความร่วมมือจากกองทัพเรือสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ
“โดโนแวน มาร์ช” และทีมงานรู้ดีว่าหากต้องการให้หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวได้แม่นยำที่สุด ความสมจริงของเรือดำน้ำยูเอสเอส อาร์คันซอ ฉากหลังสำคัญในเรื่องเป็นสิ่งที่พวกเขาจะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด พวกเขาได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากกระทรวงความมั่นคงและกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีทั้งการส่ง “รัสเซล คูนส์” ผู้เชี่ยวชาญแห่งกองทัพมาเป็นที่ปรึกษาให้กับหนัง พร้อมกับเปิดโอกาสให้ทีมงานนักแสดงเข้าฝึกตามหลักสูตรจริงของกองทัพ เพื่อจำลองวิธีการรับมือเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับตัวเรือ
ที่สำคัญที่สุด คือการอนุญาตให้ทีมงานเข้าไปเก็บภาพในเรือดำน้ำเวอร์จิเนีย คลาสของจริง ทั้งยังส่งทีมช่างเทคนิคมาให้คำปรึกษากับฝ่ายออกแบบงานสร้างอย่างใกล้ชิด ทำให้ทีมงานสามารถสร้างโมเดล 3 มิติ จำลองรูปลักษณ์และบรรยากาศออกมาได้อย่างสมจริงมากที่สุด ตั้งแต่มีการสร้างภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับเรือดำน้ำมาบนโลกภาพยนตร์
5) ความสมจริงที่กัปตันเรือดำน้ำตัวจริงยังต้องอ้าปากค้าง
ต้องยกความดีความชอบให้กับ “จอน เฮนสัน” ผู้ออกแบบงานสร้างที่ต้องมารับงานใหญ่ที่แบกรับความกดดันสูงสุดในเรื่องนี้ เขาทำงานอย่างหนักในการเก็บรายละเอียดทุกอย่างภายในเรือ เขาใช้เวลาอยู่หลายอาทิตย์กับทีมนักออกแบบของกองทัพเรือ ถ่ายรูปแทบทุกจุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตั้งแต่ภาพกว้างทั้งหมด ทางเดิน ท่อ เครื่องจักร ปุ่มบังคับบนแผงควบคุมทั้งหมด รวมไปถึงสีของสายไฟที่เขาไม่ยอมปล่อยให้เล็ดลอดสายตาไปได้ “เราต้องการให้มันแม่นยำจนขนาดถ้ามีคนที่เคยขึ้นเรือเวอร์จิเนีย คลาสมาเยี่ยมที่ฉาก เขาจะจำมันได้ทันที” เฮนสันบอกถึงความตั้งใจสูงสุดเมื่อเขามารับหน้าที่ออกแบบงานสร้างในครั้งนี้
ผลที่ได้คือ ทันทีที่ “จอร์จ วอลเลซ” ผู้เขียนนิยายต้นเรื่องที่ใช้ชีวิตอยู่ในเรือเวอร์จิเนีย คลาสมาหลายปีถึงกับอ้าปากค้าง “มันสมจริงจนเหมือนผมอยู่บนเรือเวอร์จิเนียของจริงเลย ถ้านับหนังเรือดำน้ำทั้งหมดที่ผมเคยดูมา ผมว่าฉากเรื่องนี้สมจริงที่สุดแบบทิ้งห่างเรื่องอื่นไปหลายช่วงตัว”
6) อัดความเข้นข้นระทึกใจไว้ทุกภาคพื้น ทั้งใต้น้ำ แผ่นดิน และฐานทัพเพนตากอน
ถึงจะเป็นหนังสงครามเรือดำน้ำ แต่ใช่ว่าจะมีแค่ฉากที่อยู่ใต้น้ำ แต่ “Hunter Killer” ได้เพิ่มความน่าสนใจของเส้นเรื่องด้วยการถ่ายทอดเหตุการณ์ออกมาเป็น 3 ปฏิบัติการใหญ่ๆ นั่นคือปฏิบัติการใต้มหาสมุทรที่จะเป็นการเผชิญหน้าสุดมันส์ระหว่างเรือดำน้ำสหรัฐฯ และรัสเซีย เต็มไปด้วยความเข้มข้น ลุ้นระทึกบีบหัวใจ และภาพการต่อสู้ของเรือดำน้ำอันน่าชวนตะลึง
ในขณะที่ปฏิบัติการช่วยตัวประกันบนภาคพื้นดินของหน่วยซีลก็เข้มข้นไม่แพ้กัน เราจะได้เห็นปฏิบัติการชิงตัวประกันที่แข่งกับเงื่อนเวลาทุกวินาที เช่นเดียวกับการวางแผนแบบนาทีต่อนาทีของหน่วยบัญชาการบนตึกเพนตากอนระหว่างที่หน่วยรบใต้ทะเลและภาคพื้นดินออกปฏิบัติภารกิจภาคสนาม ซึ่งพวกเขาต้องชิงไหวชิงพริบและงัดเอาสงครามจิตวิทยามาเป็นกลยุทธสำคัญเพื่อก้าวนำหน้าฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา
7) นักแสดงระดับแม่เหล็ก กับบทบาทที่เข้มข้นที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
“เจอราร์ด บัตเลอร์” รับบทเป็น “กัปตันโจ กลาส” กัปตันแห่งเรือดำน้ำยูเอสเอส อาร์คันซอที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบใหญ่หลวงในภารกิจสำคัญที่เขาจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด เชื่อว่าเวลาพูดถึงเจอราร์ด บัตเลอร์ ภาพแรกที่จะขึ้นมาก่อนคือภาพของ “ลีโอไนดัส” กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นำนักรบสปาร์ตัน 300 คน ต่อสู้กับกองทัพเปอร์เซียนับแสน แต่ใน “Hunter Killer” เราจะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเขาที่นอกจากความแข็งแกร่งภายนอก เขาต้องใช้สติปัญญาที่แหลมคมและความหนักแน่นของจิตใจเพื่อรับมือกับความกดดันที่ถาโถมจากทุกทิศทาง
ในเรื่องความทุ่มเทเจอราร์ด บัตเลอร์ก็ไม่แพ้ใคร เพราะเขาคือคนที่ติดตามผู้กำกับ “โดโนแวน มาร์ช” เพื่อออกทะเลไปกับเรือเวอร์จิเนีย คลาสเพื่อให้ตนเองเข้าถึงบรรยากาศที่เกิดขึ้นในเรือดำน้ำให้ได้มากที่สุด
“แกรี โอลด์แมน” รับบทเป็น “พลเรือเอก ชาร์ลส ดอนเนแกน” ประธานของคณะกรรมาธิการทหาร ผู้คอยสั่งการทุกๆ ปฏิบัติการทั้งใต้น้ำและบนผืนดินอยู่ในตึกเพนตากอน ผู้แบกรับชะตากรรมของโลกนี้เอาไว้แต่เพียงผู้เดียว เพราะการตัดสินของเขามีโอกาสที่จะทำให้สงครามโลกครั้งที่ 3 มีสิทธิ “เกิด” หรือ “ยุติ” ได้ทันที
แน่นอนว่าบทบาทสำคัญอย่างนี้ ไม่ใช่ว่านักแสดงทุกคนจะทำได้ แล้วแกรี โอลด์แมนเจ้าของรางวัลออสการ์ปีล่าสุดจากเรื่อง “Darkest Hour” ก็ทำหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติ และเป็นส่วนสำคัญในการเติมเต็มความฝันของผู้กำกับโดโนแวน มาร์ชให้เป็นจริงขึ้นมาด้วย “แกรีคือตำนาน มันเหมือนฝันเป็นจริงเลยที่ได้ร่วมงานกับหนึ่งในไอดอลทางภาพยนตร์ของผม เขามอบเสน่ห์ให้กับบทนี้อย่างมาก”
“คอมมอน” (แร็ปเปอร์, นักแต่งเพลงดีกรีออสการ์ และโปรดิวเซอร์มือทองที่ฝากผลงานโด่งดังไว้มากมายอย่าง “Selma”, “Wanted” และ “John Wick: Chapter 2”) รับบทเป็น “พลเรือตรี จอห์น ฟิสก์” ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในห้องปฏิบัติการ ดูแลปฏิบัติการทางทะเลในน่านน้ำสากล ฟิสก์ต้องร่วมมือกับนักวิเคราะห์ข้อมูลอาวุโสจากกระทรวงความมั่นคง “เจน นอร์ควิสต์” (ลินดา คาร์เดลลินี – ซีรีส์ “Mad Men”, “Avengers: Age of Ultron”, “A Simple Favor”) ในการเตรียมข้อเสนอสุดท้ายเพื่อหยุดสงคราม
ด้วยความที่หลงใหลเรือดำน้ำมาเป็นเวลานาน คอมมอนดีใจที่ได้เล่นบทที่เปิดโอกาสให้เขาได้ลองเป็นทหารเรือซักครั้งในชีวิต “กองทัพเรือเป็นแนวหน้าเสมอเมื่อเกิดสงครามหรือมีภัยที่กระทบความมั่นคงของประเทศ ฟิสก์ต้องตัดสินใจสุดซับซ้อนที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งโลก เขารู้ว่าข้อมูลที่เขาส่งต่อให้ผู้บัญชาการสามารถเริ่มหรือหยุดสงครามได้ เขาต้องทำงานของเขาอย่างระมัดระวังมาก”
“ไมเคิล นีควิสต์” (Girl With The Dragon Tattoo, John Wick และ Mission Impossible: Ghost Protocol) รับบทเป็น “กัปตันแอนโดรพอฟ” แห่งเรือดำน้ำรัสเซียที่ต่อกรกับกัปตันกลาสมาโดยตลอด เขาคืออีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่เปรียบเสมือนหัวใจของเรื่อง เพราะการที่เขามาเผชิญหน้ากับกัปตันกลาส คือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้คนอย่างกัปตันกลาสต้องแสดงเบื้องลึกที่อยู่ในใจออกมา
ไม่เพียงแค่ฝีมือการแสดงที่เอาอยู่ แต่สิ่งที่น่าชื่นชมของนักแสดงผู้ล่วงลับคนนี้คือ “ความกล้า” ที่จะเอาชนะความกลัว เพราะจริงๆ แล้วเขาเป็นคนกลัวที่แคบ แต่ก็ตัดสินใจรับบทที่ต้องมาอยู่ในเรือดำน้ำที่แคบที่สุดตลอดเวลา และในที่สุดเขาก็เอาชนะมันได้จริงๆ
“โทบี สตีเฟนส์” (Die Another Day, 13 Hours, Lost In Space) รับบทเป็น “จ่าบิล บีแมน” หัวหน้าของหน่วยพิเศษที่นำทีมปฏิบัติภารกิจชิงตัวประธานาธิบดีรัสเซียที่ถูกจับเป็นตัวประกัน อีกหนึ่งตัวละครที่มีส่วนชี้เป็นชี้ตายชะตากรรมสงครามที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ เขาคือตัวละครที่เต็มไปด้วยมิติที่หลากหลาย ทั้งความเก๋า อารมณ์ขัน ตลกร้าย ดราม่า อัดแน่นอยู่ในคนๆ เดียว
เพื่อให้การแสดงสมบทบาทมากที่สุด เขาคืออีกหนึ่งคนที่ยอมรับการฝึกพิเศษโดยตรงจากหน่วยซีล จนได้รับรู้ว่าการเป็นหน่วยซีลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และมีสิ่งที่ต้องเผชิญมากกว่าคนปกติทั่วไปมากขนาดไหน “ผมหาข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกของหน่วยซีล แต่การหาข้อมูลมันเหมือนคนละโลกกับสิ่งที่ต้องเจอจริงๆ ตอนที่ผมไปฝึก สิ่งที่พวกเขาทำทุกวันมันน่ายกย่องมาก”
เตรียมพร้อมจัดเต็มความมันส์แบบนันสต๊อปที่คอแอคชั่นไม่ควรพลาด! “Hunter Killer สงครามอเมริกาผ่ารัสเซีย” 25 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
#HunterKiller #สงครามอเมริกาผ่ารัสเซีย #เรือดำน้ำเพชฌฆาต