“ผมอยากเล่นกับพ่อบ้าง เหมือนคู่เพื่อนต่างวัย ‘ภารกิจนักรบพ่อแห่งแสง’ นี่คือเหตุผลที่ผมชวนพ่อเข้าสู่โลกไฟนอลแฟนตาซีภาค 14 สถานที่ที่ผมรัก ร่วมผจญภัยสุดตื่นเต้นไปด้วยกัน ขณะเดียวกันก็ปกปิดตัวตนที่แท้จริง นี่คือวิธีแสดงให้พ่อรู้ว่าผมเป็นห่วงเขาครับ”
เมื่อ “อิวาโมโตะ อากิระ” (รับบทโดย “โยชิดะ โคทาโร”) คุณพ่อวัย 60 ปี กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่ของบริษัท อยู่ๆ ก็ลาออกกลับมาอยู่บ้านโดยไม่มีสาเหตุ สร้างความงุนงงให้กับทุกคนในบ้าน รวมถึง “อิวาโมโตะ อากิโอะ” (รับบทโดย “ซาคากุจิ เคนทาโร”) ลูกชายคนโตรู้สึกเป็นห่วงพ่อมาก แต่ก็ไม่กล้าถามถึงสาเหตุในการลาออก เพราะพวกเขาห่างเหินกันมานานจนแทบจะจำไม่ได้ว่าคุยกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
“ถ้าเขาตาย ผมจะร้องไห้ไหมนะ” อากิโอะรู้ตัวว่าเป็นความคิดที่แย่และโหดร้ายกับพ่อ แต่มันเป็นความจริงที่เขาและพ่อแทบจะไม่มีความทรงจำในการใช้ชีวิตร่วมกันมากพอให้เกิดความอาลัย สิ่งเดียวที่เขาพอจะจำได้สมัยวัยเด็กก็คือช่วงเวลาที่เขาและพ่อเคยเล่นเกม “Final Fantasy” ด้วยกันเท่านั้น
อากิโอะปิ๊งไอเดียที่จะสานสัมพันธ์กับพ่ออีกครั้งด้วยการชวนพ่อมาเล่นเกมด้วยกันอีกครั้งในภาค 14 ซึ่งเป็นเกมออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้เขาสามารถตะลุยด่านผจญภัยไปในโลกแฟนตาซีพร้อมๆ กับพ่อของเขาได้ ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ในเกมที่ไม่เคยเห็นหน้าและไม่รู้จักชื่อจริง ทำให้อากิโอะสามารถปิดบังตัวตนที่แท้จริงของเขาไว้ไม่ให้พ่อรู้ เพราะคิดว่าหากไม่รู้จักกันจะทำให้พ่อของเขายอมเปิดใจพูดความจริงมากกว่า เขาตั้งชื่อแผนนี้ว่า “ภารกิจนักรบพ่อแห่งแสง” (Hikari no Otousan) โดยตั้งเป้าหมายที่จะคอยช่วยเหลือพ่อของเขาไปจนปราบ “ทวินทาเนีย” บอสใหญ่ของเกมให้ได้ก่อนถึงจะเฉลยตัวตน และหวังว่าในวันนั้นเขาจะได้รู้จักพ่อของตัวเองมากขึ้น รวมถึงได้รู้ “ความลับ” ของพ่อที่ปิดบังทุกคนในบ้านเอาไว้
เรื่องจริงในโลกแฟนตาซี
พล็อตเรื่องที่ว่าด้วยการฟื้นความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวผ่านเกมออนไลน์ที่ไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริง อาจดูเป็นเหมือนเรื่องแต่งจากจินตนาการของใครบางคน แต่เรื่องราวอันเหลือเชื่อนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของ “Maidy” (twitter/Maidy_Maidy) ผู้เล่นเกม “Final Fantasy XIV” ซึ่งถ่ายทอดประสบการณ์ส่วนตัวหลังจากเขาซื้อเครื่องเล่นเกม PlayStation 4 ให้กับคุณพ่อเป็นของขวัญวันเกิดอายุครบ 60 ปี เมื่อปี 2014 ในบล็อก “Ichigeki Kakusatsu SS Nikki” ( 一撃確殺SS日記)
เขาเริ่มต้นด้วยการสอนพ่อเล่นเกมพื้นฐานและแอบเข้าเกมไปช่วยเหลือพ่อด้วยรูปลักษณ์ตัวละครสาวน้อยสุดน่ารักเพื่อไม่ให้พ่อจับได้ว่าเป็นเขา โดยมีเหตุผลเริ่มต้นเพียงเพราะความสงสัยว่าหากได้ขี่นกโจโคโบะในเกมกับพ่อจะเป็นอย่างไรเท่านั้นเอง
Maidy เผยถึงเรื่องนี้ว่า “สมัยนั้นผมเล่นเกม FFXIV ทุกวัน เริ่มเล่นครั้งแรกเลยก็จากที่เห็นแคมเปญที่บอกว่า ‘ชวนเพื่อนมาเล่น FFXIV แล้วขี่โจโคโบะกันเถอะ’ แต่แทนที่จะชวนเพื่อนเหมือนที่คนอื่นเขาทำกัน ผมก็ไปชวนพ่อที่ไม่ค่อยพูดค่อยจา ด้วยความสงสัยว่าถ้าชวนแล้วจะเป็นยังไงนะ ผมก็ไปชวนพ่อมาเล่น FFXIV แล้วแอบทักพ่อในเกมโดยไม่ให้รู้ว่าเป็นผม จากนั้นก็ฝึกให้พ่อเล่นเป็นนักรบแห่งแสง หลังจากที่โค่นศัตรูตัวฉกาจได้ ผมก็จะได้สารภาพไปว่า ‘นี่ผมเองนะ ลูกชายแท้ๆ ของพ่อ’ ด้วยความที่พ่อผมชอบดูหนัง ผมเลยเขียนลงในบล็อกทำนองว่า ‘ถ้าทำให้พ่อได้สัมผัสประสบการณ์เหมือนเรื่องราวในหนัง ผมก็อาจได้เป็นลูกกตัญญู’ ในหัวของผมตอนนั้นเต็มไปด้วยจินตนาการนั่นนี่เยอะแยะไปหมด และผมก็ชวนพ่อมาเล่นได้ในที่สุด”
Maidy ได้ร่วมผจญภัยกับพ่อมานานถึง 9 เดือน โดยมีพวกพ้องเหล่านักเล่นเกมคอยติดตามเรื่องของพวกเขาผ่านทางบล็อก sumimarudan.blog7.fc2.com อย่างต่อเนื่อง จนบล็อกของเขามียอดวิวมากกว่า 10 ล้านวิว ด้วยเรื่องราวที่สนุกสุดซึ้ง มีทั้งรอยยิ้มคราบน้ำตา รวมไปถึงดราม่าเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ทำให้ทุกคนต่างเอาใจช่วยให้ทั้งคู่บรรลุเป้าหมายซึ่งจบลงอย่างงดงามในปี 2015
แม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเกิดขึ้นในโลกเกมออนไลน์ แต่ Maidy เชื่อว่า “ความรู้สึก” ที่เขาแลกเปลี่ยนกับพ่อและเพื่อนๆ ในเกมนั้นเป็นของแท้แน่นอน พวกเขาได้สร้างความทรงจำดีๆ ไว้มากมายในโลกแห่งนี้โดยมีหลักฐานคือการที่เขาและพ่อได้กลับมานั่งทานข้าวเคียงข้างกันอีกครั้งและหัวเราะไปกับการพูดคุยเรื่องเกม ภารกิจลับครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้จักพ่อในแง่มุมใหม่ พ่อของเขากลายเป็นที่รักของผู้คนในเกม เป็นเหมือนแสงสว่างที่คอยนำทางให้กับทุกคน สมกับฉายา “พ่อแห่งแสง” (Dad of Light) ทำให้เขาภูมิใจมากที่ได้เป็นลูกชายและอยาก “ขอบคุณ” พ่อที่ทำให้เขามีวันนี้
จากตัวอักษรสู่ซีรีส์และภาพยนตร์
“Hikari no Otousan” ถูกพูดถึงอย่างมากในหมู่เกมเมอร์ญี่ปุ่นในฐานะบล็อกที่นำเสนอเรื่องราวของนักเล่นเกมออนไลน์ในแง่บวก เพราะภาพของนักเล่นเกมในสายตาของคนทั่วไป พวกเขาเหมือนเป็นกลุ่มคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตเป็นคนเก็บตัวและหมกมุ่นจนไม่สนใจโลกภายนอก แต่บล็อกของ Maidy ได้เสนอในแง่มุมที่ดีของการเชื่อมสัมพันธ์กับคนในครอบครัวผ่านเกม เหล่าผู้ปกครองต่างส่งข้อความมาขอบคุณ Maidy ที่ทำให้พวกเขาเปิดใจมองเกมออนไลน์ในแง่มุมใหม่ แม้ว่า Maidy จะยอมรับว่าในโลกอินเทอร์เน็ตมีพวกที่ชอบวิจารณ์ในแง่ลบอยู่จำนวนมาก แต่เขาก็ยินดีหากจะถูกยกให้เป็นตัวอย่างของการเล่าในสิ่งที่รักแล้วได้ผลตอบแทน และอยากให้ทุกคนรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาที่เขียนลงในผลงาน โดยเฉพาะเรื่องพลังของสังคมเกมออนไลน์ที่สามารถเปลี่ยนโลกไปในทางที่ดี สอนให้รู้จักคิดทำความเข้าใจ รวมไปถึงแนะแนวทางการใช้ชีวิตได้อีกด้วย
บล็อกของเขาโด่งดังจนได้รับการติดต่อให้นำเรื่องราวมาตีพิมพ์เป็นหนังสือ และทางบริษัท “Square Enix” ผู้พัฒนาเกม “Final Fantasy” ได้นำมาสร้างเป็นมินิซีรีส์จำนวน 8 ตอนเรื่อง “Final Fantasy XIV: Dad of Light” ออกอากาศช่อง MBS/TBS ในปี 2017 ซึ่งนับครั้งแรกที่แฟนๆ จะได้ชมซีรีส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกม Final Fantasy
บท “อากิโอะ” รับบทโดยนักแสดงดาวรุ่ง “จิบะ ยูได” ที่ทุกคนรู้จักกันดีจากบท “โกเซย์เรด” ตัวละครหลักจาก “Tensou sentai Goseiger ขบวนการเทพสวรรค์ โกเซย์เจอร์” ส่วนผู้ที่มารับบท “พ่อนักรบแห่งแสง” ได้แก่ “โอสุกิ เร็น” นักแสดงมากฝีมือผู้มีผลงานในเรื่อง “Shin Godzilla” (2016) และ “Back Street Girls” (2019)
ปัจจุบันซีรีส์มีให้รับชมกับผ่าน Neflix ซึ่งฉายในประเทศต่างๆ กว่า 230 ประเทศทั่วโลก และได้รับเรตติ้งอย่างดีงามพร้อมเสียงชื่นชมถึงเนื้อหาที่ชวนให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
หลังจากซีรีส์ประสบความสำเร็จด้วยดีโปรดิวเซอร์ของเรื่องนี้จึงตัดสินใจที่จะนำเรื่องราวมานำเสนอใหม่อีกครั้งในรูปแบบภาพยนตร์ในชื่อเรื่อง “Brave Father Online: Our Story of Final Fantasy XIV” โดยได้ทีมงาน, ทีมผู้กำกับ และนักเขียนบทชุดเดียวกัน รวมไปถึงยังได้วง “GLAY” ศิลปินชื่อดังที่เคยทำเพลง Opening Theme ให้กับฉบับซีรีส์ (เพลง “The Other End of the Globe”) กลับมารับหน้าที่ทำเพลงประกอบหลักให้กับเวอร์ชันภาพยนตร์อีกครั้งกับเพลง “COLORS” ที่มีเนื้อหาพูดถึงความสัมพันธ์พ่อลูกที่ไม่ลงรอยกัน ซึ่ง “เทรุ” นักร้องนำของวงได้แต่งมาจากความรู้สึกอันซับซ้อนใต้ก้นบึ้งของจิตใจ และความอึดอัด ที่ลูกชายอยากได้รับความรักจากพ่อ
ความแตกต่างระหว่างซีรีส์และภาพยนตร์
ระหว่างเตรียมการสร้างฉบับภาพยนตร์ เกิดข่าวร้าย “โอสุกิ เร็น” ผู้รับบทเป็นคุณพ่อในฉบับซีรีส์เสียชีวิตในวัย 66 ปี ด้วยอาการหัวใจล้มเหลวในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 บรรดาผู้เกี่ยวข้องได้ทำการไว้อาลัยด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ซึ่งต่อมาทีมงานได้ข้อสรุปว่าจะต้องหานักแสดงมารับบทแทน ซึ่งจะต้องเป็นนักแสดงที่มีศักยภาพมากพอมาสานต่อเจตนารมณ์ของฉบับละคร พร้อมทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมบทบางส่วนให้มีความเหมาะสม และมีเนื้อหาเฉพาะฉบับภาพยนตร์อีกด้วย ซึ่งสิ่งที่แตกต่างออกไปมีดังนี้
บทพ่อ “อิวาโมโตะ อากิระ” รับบทโดย “โยชิดะ โคทาโร” นักแสดงชื่อดังที่คร่ำหวอดในวงการบันเทิงญี่ปุ่น ปัจจุบันมีผลงานพากย์ให้กับอนิเมะเรื่อง “Dragon Quest: Your Story” เขาได้รับเลือกมาแสดงบทนี้ เนื่องจากสามารถแสดงบทบาทที่แตกต่างทั้งบทคุณพ่อที่ชีวิตจริงเป็นคนเคร่งขรึม แต่ในเกมเป็นคนร่าเริง และแสดงฉากไคลแมกซ์ได้สะเทือนจิตใจสุดๆ ถึงขนาดที่ว่าทำเอาผู้กำกับไปจนถึงทีมงานต้องเสียน้ำตาไปตามๆ กัน โยชิดะบอกว่าตัวจริงของเขาเป็นเกมเมอร์ตั้งแต่รุ่นแรกสมัยเครื่องแฟมิคอม และปัจจุบันเพิ่งจะหัดเล่นเกมออนไลน์ แต่มันค่อนข้างยากสำหรับคนวัยเขา
บทลูก “อิวาโมโตะ อากิโอะ” รับบทโดย “ซาคากุจิ เคนทาโร” นักแสดงหนุ่มหล่อสุดฮอตขวัญใจสาวๆ ผู้โด่งดังจากการแสดงซีรีส์และภาพยนตร์หลายเรื่องเช่น “The 100th Love with You” (2017) และ “Color Me True” (2018) แม้บทนี้เขาต้องเป็นพนักงานบริษัทธรรมดาๆ แต่ก็เป็นอะไรที่ยาก เพราะต้องมีเอกลักษณ์และมีความเป็นธรรมชาติ ซึ่งเขาได้รับเลือกมารับบทเพราะเล่นได้ดีที่สุดในบรรดานักแสดงหนุ่มที่มาคัดตัว
เคนทาโรบอกว่าการถ่ายทำเรื่องนี้ แม้จะมีแต่ฉากที่ต้องแสดงคนเดียว นั่งจ้องหน้าจอเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็แสดงออกมาได้ยาก เพราะต้องแสดงอารมณ์อันละเอียดอ่อนผ่านแววตาและสีหน้า ซึ่งเหล่าเกมเมอร์จะมองออกว่าใครคือคนที่ปกติเล่นเกมจริงๆ แต่จุดที่เขาต้องปรับปรุงตัวก็คือ ท่าทางในการจับจอยเกมเพราะเขาเล่นเกมอยู่แล้วเลยทำให้ดูชินกับการใช้จอยหรือใส่แรงในการเล่นเกมมากเกินไป จนผู้กำกับบอกให้เลยปรับลดปริมาณให้มันพอดี
บท “ซาโตมิ” เพื่อนร่วมงานของอากิโอะ รับบทโดย “ยูอิ ซาคุมะ” ตัวละครนี้ถูกมาใส่เพื่อเพิ่มสีสันให้กับเรื่องราวในฐานะนางเอก ซึ่งจะมีแค่ในฉบับภาพยนตร์เท่านั้น ในเรื่องนี้เธอจะเข้าสู่โลกของการเล่นเกม Final Fantasy เพื่อที่จะได้หาโอกาสคุยกับอากิโอะที่เธอแอบชอบอยู่
บท “มิกิ” น้องสาวของอากิโอะรับบทโดย “ไมกะ ยามาโมโตะ” เป็นอีกบทบาทที่เพิ่มขึ้นมาเฉพาะฉบับภาพยนตร์ ซึ่งเธอจะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้เห็นแง่มุมของดราม่าครอบครัวและให้เนื้อเรื่องเข้มข้นยิ่งขึ้น
เข้าสู่โลก “Final Fantasy”
นอกจากโลกแห่งความจริงแล้ว โลกแห่งเกมก็มีความสำคัญกับเรื่องราวนี้เช่นกัน โดยทีมงานได้รับความร่วมมือจาก Square Enix ในการสร้างเซิร์ฟเวอร์เพื่อใช้ถ่ายทำโดยเฉพาะ โดยภาพที่ปรากฏบนจอในส่วนของการเข้าสู่โลกเกม Final Fantasy XIV นั้นไม่ได้ทำมาจาก CGI แบบภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ แต่เป็นภาพจริงจากในเกมที่สร้างขึ้นจากโน้ตบุ๊กถึง 32 เครื่อง และใช้ผู้เล่นประมาณ 20 คน ใช้เวลาถ่ายทำ 2 เดือน ซึ่งในบรรดาผู้เล่นที่อยู่เบื้องหลังก็มีคุณ Maidy เจ้าของผลงานตันฉบับ และเพื่อนๆ ในเกมที่อยู่ใน “ปฏิบัติการคุณพ่อแห่งแสง” ในตอนนั้นอยู่ด้วย
ตัวละครจะทำท่าทางต่างๆ จากไอคอนแสดงอารมณ์ที่เรียกว่า “อีโมต” โดยเลือกให้เข้ากับการแสดงในแต่ละฉาก ซึ่งจะมีผู้กำกับส่วนเกมคอยกำกับอยู่ด้วย เนื่องจากต้องดูเรื่องมุมกล้อง และถ่ายหลายเทกเหมือนกับการถ่ายหนังจริงๆ ฉบับหนังจะมีการแสดงสีหน้าของตัวละครที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม จนได้เป็นการเคลื่อนไหวที่ดูละเมียดสุดๆ และคุณภาพของคลิปมีความคมชัดและความละเอียด รวมไปถึงความลื่นไหลที่ดีกว่า โดยใช้อัตราเฟรม FHD 120fps ซึ่งไม่ได้ถูกนำมาใช้ในฉบับละคร
เกร็ดภาพยนตร์
- จับตาดู “ของตกแต่งในห้องของอากิโอะ” เมื่อดูในฉากหลังจะเห็นได้ว่าห้องของเขามีของตกแต่งที่บ่งบอกว่าเขาเป็นแฟนเกม “Final Fantasy” ตัวยงซึ่งของแต่ละชิ้นนั้นสื่อถึง Maidy ผู้เขียนเรื่องนี้และมีความหมายเบื้องหลังด้วย
- “ตุ๊กตา Osuwari Nanamo-sama” ตุ๊กตาตัวนี้ Maidy โพสต์ภาพลงบล็อกบ่อยครั้งในหนังเราจะเห็นตุ๊กตานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ที่อากิโอะใช้ เรียกได้ว่าทีมงานผู้ออกแบบฉากน่าจะรู้จัก Maidy เป็นอย่างดี
- “ตุ๊กตา Alpha และ Omega” หากผู้ที่เป็นแฟนเกมเห็นสองตัวละครจะรู้ว่าทังสองมีความเชื่อมโยงกันในฐานะที่ Omega เป็นผู้สร้าง Alpha นกโจโคโบะตัวเล็กสุดน่ารักขึ้นมา ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นเทียบได้กับอากิโอะและพ่อของเขา ในหนังเราจะเห็นตุ๊กตาทั้งสองตัวนี้วางอยู่ในฉากในตำแหน่งต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งคาดว่าจะสื่อถึงความหมายว่าปกติแล้วพ่อทำหน้าที่ดูแลลูก แต่บางครั้งลูกก็เป็นฝ่ายเฝ้ามองและดูแลพ่อเช่นกัน
- “คริสตัล Aetheryte” ปรากฏอยู่เป็นของตกแต่งในห้องตั้งแต่ฉบับซีรีส์ ซึ่งในฉบับภาพยนตร์ได้มีการปรับแต่งให้มีเป็นงานศิลปะที่ดูงดงามขึ้นกว่าเดิม คริสตัลนี้ปรากฏอยู่ทั่ว “อาณาจักรเอออร์เซีย” (Eorzea) ในเกม “Final Fantasy XIV” เพื่อใช้เป็นจุดเทเลพอร์ตผู้เล่นไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว การที่มี Aetheryte อยู่ในห้องของอากิโอะ เป็นการสื่อว่าเขาใช้คริสตัลนี้เพื่อกลับมาจากสนามรบในการทำงานและมาผ่อนคลายอยู่ในห้องที่เขาจะได้เล่นเกมอย่างมีความสุข
- ในฉบับซีรีส์เราจะไม่ได้เห็นตัวละคร “อากิโอะ” อาบน้ำเลยสักครั้งจนผู้ชมบ่นเสียดาย แต่ในฉบับภาพยนตร์ได้จัดฉาก Fan Service ให้สาวๆ ได้กรี๊ดกันอย่างเต็มที่กับฉากอาบน้ำสุดเซ็กซี่ของ “ซาคากุจิ เคนทาโร”
ข้อมูลเกี่ยวกับเกม “Final Fantasy XIV”
- เป็นเกมชุดภาคที่ 14 ของซี่รีส์นี้ เป็นเกมออนไลน์แบบเล่นตามบทบาท หรือ “Massive Multiplayer Online Role-Playing Game” (MMORPG) ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นหลายคนเข้ามาเล่นในเวลาเดียวกัน และเสมือนอยู่ในโลกเดียวกัน จุดเด่นของเกมนี้คือเป็นเกมข้ามแพลตฟอร์มที่ทำให้ผู้เล่นจากเครื่องเกมต่างๆ ทั้งพีซี, PS3, PS4 เล่นร่วมกันได้ โดยซื้อซอฟต์แวร์และเสียค่าธรรมเนียมรายเดือน
- เกมได้เปิดให้บริการครั้งแรกปี 2010 ในช่วงต้น เกมได้รับคำวิจารณ์ด้านลบในส่วนของคุณภาพตัวเกมอย่างหนักจนทาง “Square Enix” ปรับทีมพัฒนาและตัวเกมใหม่อีกครั้งในชื่อ “Final Fantasy XIV: A Realm Reborn” เป็นเกมเวอร์ชัน 2.0 ออกให้บริการในปี 2013 ส่วนเกมเวอร์ชัน 1 ได้จัดเหตุการณ์ในเกมให้เสมือนคล้ายวันวิปโยคเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องในส่วนของเนื้อเรื่องใหม่ และตัดการเชื่อมต่อผู้เล่นออกจากเกม รวมถึงยุติการเกมเวอร์ชันแรกให้บริการเมื่อถึงวันที่กำหนด
- เกม “Final Fantasy XIV” ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็นนักผจญภัย Adventurer และเดินทางตามหาความท้าทายในอาณาจักรที่ชื่อ “เอออร์เซีย” (Eorzea) ต่อมาได้รับพลังจากคริสตัลจึงถูกเรียกว่า “Warrior of Light” ทำหน้าที่ช่วยโลกจากวิกฤต เมื่อเริ่มเกมผู้เล่นจะได้สร้างตัวละครจากเผ่าพันธุ์จากทั้ง 5 เผ่า ได้แก่ “ฮีวร์” (Hyur), “เอเลเซน” (Elezen), “มิโคเท” (Miqo’te), “โรกาดีน” (Rogadein) และ “ลาลาเฟล” (Lalafel) โดยตัวละครพ่อของอากิโอะเลือกเป็นเผ่า “Hyur” ส่วนอากิโอะเป็นเผ่า “Miqo’te” ซึ่งมีรูปร่างเป็นคนที่มีหูของสัตว์
- ในเกมสามารถเลือกอาชีพได้ 4 หมวดได้แก่ “หมวดนักสู้” (นักรบ นักธนู โจร จอมยุทธ และพลทวน), “หมวดนักเวทย์” (ผู้ใช้ธรรมชาติ พ่อมด), “หมวดนักประดิษฐ์” (ช่างตีดาบ พ่อครัว ช่างไม้ ช่างเกราะ ช่างทอง ช่างฟอกหนัง และช่างทอผ้า) และ “หมวดเกษตรกรรม” (ชาวสวน ชาวประมง นักขุดแร่ และชาวเหมือง) และยังมีกิจกรรมในเกมให้ทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการตกปลา เต้นรำ ถ่ายรูป ไปจนถึงสามารถจัดงานแต่งงานในเกมได้อีกด้วย
“คุณพ่อนักรบแห่งแสง Final Fantasy XIV”
26 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์