อ่านบทแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง
ตอนที่คุยกันครั้งแรก ได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ “Final Fantasy” ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องราวของหนังที่ผสมผสานระหว่างเกมและไลฟ์แอคชั่นที่ตัวละครของผมหลุดเข้าไปในโลกแห่ง Final Fantasy แต่หลังจากที่อ่านบท ส่วนของเกมกับโลกแห่งความเป็นจริงมันแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะออกมาเป็นหนังแบบไหน (หัวเราะ)
ตัวละครที่ผมรับบท “อาคิโอะ” ในเกมมีชื่อว่า “ไมดี้” ส่วน “คุณโยชิดะ โคทาโร” ที่รับบทเป็นพ่อมีตัวละครในเกมชื่อ “อินดี้” ผมตื่นเต้นมาก ต่อให้อ่านบทแล้วผมก็ยังมองไม่ออกว่าสายสัมพันธ์ของสองคนนี้จะออกมาเป็นรูปแบบไหน นอกจากนี้เรื่องราวของพ่อกับลูกยังถูกเขียนขึ้นมาอย่างดี ผมร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วยความคิดที่ว่า “มันจะต้องออกมาเป็นหนังที่ดีมากแน่ๆ”
อาคิโอะที่เป็นไมดี้ พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับพ่อของเขาผ่านทางออนไลน์โดยที่ไม่เปิดเผยตัวตน คุณรู้สึกอย่างไรกับการสื่อสารแบบนี้
คิดว่ามันเป็นวิธีที่ทันสมัยมาก ผมเองก็เล่นเกมออนไลน์เหมือนกัน มันเป็นเครื่องมือที่ดีในการสื่อสารระหว่างพบปะกับผู้คนในเกมและเป็นเรื่องที่วิเศษมากที่อากิโอะและพ่อผู้มีระยะห่างกันอยู่สามารถผจญภัยร่วมกันในเกมได้
เราอาจจะคิดอย่างหนักหรือต้องพยายามเลือกคำ อาจจะรู้สึกสับสนเวลาที่คุยกันต่อหน้าบ้าง แต่ถ้าเป็นการแชตในออนไลน์เราสามารถส่งคำพูดที่ผ่านการจัดการในหัวก่อนได้ เป็นวิธีที่ง่ายและดีมากๆ ในความคิดผมครับ
การคุยกันผ่านทางออนไลน์โดยที่ไม่รู้ทั้งหน้าและชื่อของอีกฝ่าย ทำให้คุยกันง่ายมากกว่าการเห็นหน้าและได้ยินเสียงจริงๆ เหรอ
ก็จริงอยู่ ผมคิดว่าสามารถพูดคุยได้แม้จะไม่เห็นหน้าหรือรู้จักตัวตนของอีกฝ่าย แต่ในขณะเดียวกัน เพราะว่าอาจจะมีคนที่ใช้คำพูดโหดร้ายตอนที่ไม่เปิดเผยตัวตนอยู่ ผมคิดว่าอยากให้พวกเขาระมัดระวังและใช้มันในทางที่ถูกต้องครับ
คุณมีความรู้สึกร่วมกับตัวละครอาคิโอะบ้างหรือไม่
ผมสนิทกับพ่อมาก ก็เลยไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของอาคิโอะที่มีระยะห่างกับพ่อของเขา ผมไปทานข้าวหรือซื้อของกับพ่อค่อนข้างบ่อย พ่อสวมเสื้อผ้าที่ผมซื้อให้ บางครั้งผมก็ยืมเสื้อผ้าที่พ่อซื้อมาเหมือนกัน พวกเราสนิทกันเหมือนเพื่อนเลยครับ ดังนั้นพอนึกถึงตอนที่ตัวเองอยู่ในวัยต่อต้านแล้วประมาณว่า “ตอนนั้นไม่ได้คุยกับพ่อเลยนะ” ก็ลองจินตนาการตามความทรงจำตัวเองตอนนั้นแล้วเล่นบทนี้ครับ (หัวเราะ)
น่าแปลกที่คุณซาคากุจิก็มีวัยต่อต้านเหมือนกัน (หัวเราะ)
มีสิครับ แตกต่างจากอาคิโอะอยู่หน่อย ถึงผมจะมีช่วงที่ทำตัวเป็นปัญหาให้พ่อแม่เหมือนกัน แต่คิดว่าคงไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกครับ คนส่วนใหญ่ก็มีวัยต่อต้านทั้งนั้น แม้แต่เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของผมยังพูดประมาณว่า “ไม่รู้เหมือนกันว่าคุยกับพ่อครั้งสุดท้ายเมื่อไร” ผมคิดว่าคนที่อาศัยอยู่ห่างจากพ่อแม่ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ทะเลาะกันแต่ไม่ได้คุยกันนั้นมีจำนวนไม่น้อยเลย แต่ตอนนี้แม้จะพบหน้ากันโดยตรงไม่ได้ก็มีสมาร์ตโฟนเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
มีอะไรที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษตอนเล่นเป็นอาคิโอะไหม
เพราะว่าเขาเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาครับ ตอนเล่นก็เลยต้องละเอียดอ่อนหน่อย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมรับบทเป็นคนที่มีบทพูดเยอะ ผมก็จะคิดว่า “คนๆ นี้เป็นคาแร็กเตอร์แบบนี้นี่เอง” สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้ง่ายโดยการพูด แต่ทั้งอาคิโอะและพ่อเป็นคนพูดน้อยทั้งคู่ ลองถกหลายๆ อย่างกับคุณโคทาโรดู ตอนที่อากิโอะมองไปที่พ่อของเขา พ่อเขาดูเหมือนจะเขินๆ บ้าง กลับกันอาคิโอะเองก็ตอบสนองต่อรีแอคชั่นของพ่ออย่างละเอียดอ่อน เป็นจุดเล็กมากๆ ที่ผมนึกถึงตลอดตอนเล่นเป็นอาคิโอะ
ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าคุณเล่นเกมด้วย มีประสบการณ์ส่วนไหนของตัวเองที่สะท้อนออกมาเป็นอาคิโอะที่ชอบเล่นเกมไหม
กลับกันผมกลับถูกผู้กำกับบอกว่า “ชินกับการใช้จอยหรือใส่แรงในการเล่นเกมมากเกินไป” ก็เลยปรับลดปริมาณให้มันพอดีขึ้นหน่อยครับ (หัวเราะ) คุณโคทาโรเองก็ดูเหมือนว่าจะเล่นเกมมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เขายังพูดเลยว่าตัวเองต้องเล่นให้ห่วยลงกว่านี้หน่อย
ที่แปลกก็คือ ไม่ว่าใครจะเป็นคนจับจอยก็ตาม วิธีการจับก็จะเหมือนกันหมดครับ แต่ว่าสายตาที่มองมาระหว่างเล่นเกมหรือวิธีการใช้จอย จากสายตาของคนดูจะดูออกได้เลยว่าใครคือคนที่ปกติเล่นเกมจริงๆ ครับ อาคิโอะเป็นเด็กที่ชอบเล่นเกม ถึงผมจะลดแรงที่ว่านั่นไปแต่ก็สามารถส่งความเหมือนจริงออกไปได้ ผมคิดว่าอย่างนั้นครับ
ภาพในหนังส่วนของเกมมีทั้งคาแร็กเตอร์และวิวทิวทัศน์ที่สวยมาก คนไม่เล่นเกมออนไลน์อย่างฉันยังอยากลองเล่นดูเลย
ผมเองก็เพิ่งเริ่มเล่น “Final Fantasy XIV” หลังจากได้รับเลือกให้เล่นบทนี้ครับ รู้สึกประทับใจเนื้อเรื่องและภาพในเกมที่สวยราวกับดูหนังอยู่ ภาพสวยจนคิดว่าคงมีคนที่จมอยู่ในโลกนี้จนไม่อยากกลับมาโลกแห่งความเป็นจริงแน่ๆ ประมาณนั้นเลยครับ
เสน่ห์ของเกมนี้ แน่นอนความสนุกของเนื้อเรื่อง แต่ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการตกปลาแบบไม่ต้องรีบร้อนไปปราบศัตรู หรือการรวมตัวกันของเพลเยอร์นั่งเล่นไพ่นกกระจอกบ้าง สามารถสนุกได้ง่ายสบายๆ ครับ น่าสนใจดีนะครับ ช่วงเวลาที่อยากจะเลิกเล่นเกมมันค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ (หัวเราะ)
ดูเหมือนว่ามีตติ้งนอกเกมเองก็น่าตื่นเต้นดีเหมือนกัน
แน่นอนว่าผมไม่เคยโผล่หน้าไปหรอกนะ (หัวเราะ) แต่คิดว่าถ้าได้ไปก็คงสนุกไม่น้อยครับ ผมอยากจะร่วมต่อสู้ไปกับเพื่อนร่วมเกมออนไลน์ของผม ร่วมมือกันปราบศัตรูที่แข็งแกร่ง ผมจำความรู้สึกตอนทำกิจกรรมกลุ่มพวกนั้นได้ แนะนำให้เล่นนะครับ เกมออนไลน์สนุกมากจริงๆ
เหมือนอย่าง “ซาโตมิ” ตัวละครที่ “คุณซาคุมะ ยุย” เล่น เป็นโอกาสที่ดีที่ใช้เกมเพื่อเปิดโอกาสให้ได้คุยกับคนที่เราสนใจ
ครับ ผมคิดว่าถ้าคนที่เราสนใจชอบเล่นเกมก็เป็นโอกาสที่ดีเลยครับ แล้วผมก็คิดว่าคงเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ถ้าหนังเรื่องนี้สามารถส่งไปถึงคนที่เกิดมามีระยะห่างกับคนอื่นแล้วคิดอยากจะกลับมาคุยกันได้อีกครั้ง
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว คุณมีหนังเกี่ยวกับแฟนตาซีหรือการผจญภัยที่ชอบไหม
หนังแฟนตาซีเหรอครับ… ไม่ใช่หนังผจญภัย เป็นผลงานที่เกี่ยวกับโลกที่เป็นไปไม่ได้พวกนี้ได้ไหมครับ
ถ้าเป็นผลงานเกี่ยวกับโลกแห่งการเพ้อฝันหรือจินตนาการก็เรียกว่าแฟนตาซีได้เหมือนกัน
มันไม่ใช่หนังหรอกครับ แต่ช่วงนี้ผมติดละครต่างประเทศที่ชื่อว่าเรื่อง “Westworld” มาก เกี่ยวกับสวนสนุกที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีขั้นสูง แขกที่จ่ายเงินจำนวนมหาศาลจะได้รับการให้อภัยสำหรับการทำเรื่องโหดร้าย ถึงในเรื่องจะมีความรุนแรงอยู่ แต่เพราะว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้บนโลกนี้ก็เลยรู้สึกว่าสนุกดีครับ
สักวันผมฝันไว้ว่าอยากจะร่วมแสดงในผลงานแฟนตาซีที่เกี่ยวกับวันสุดท้ายของโลกครับ แต่ก่อนอื่นผมอยากพยายามกับการต่อสู้และสร้างสมรรถภาพทางกายในเกมก่อนครับ (หัวเราะ)
Cr. https://screenonline.jp/_ct/17281548
“Brave Father Online: Our Story of Final Fantasy XIV คุณพ่อนักรบแห่งแสง”
26 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์