จุดเริ่มต้นกำเนิดชีวิตมหัศจรรย์ของ “อ๊อกกี้ พูลแมน”
“Wonder” เกิดขึ้นจากปลายปากกาของ “อาร์.เจ. ปาลาซิโอ” ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ตอนที่เธอพาลูกชายไปซื้อไอศกรีม ในขณะนั้นลูกชายก็ได้จ้องมองเด็กคนหนึ่งที่ใบหน้าผิดปกติ เธอตกใจและรีบพาลูกชายออกจากตรงนั้น เพราะกลัวว่าจะทำให้เด็กคนนั้นรู้สึกแย่ กระทั่งเธอมาคิดได้ภายหลังว่าการกระทำของเธอต่างหากที่จะทำให้เด็กผู้นั้นจมอยู่กับความรู้สึกไม่ดี และต่อมาเมื่อเธอได้ฟังเพลง “Wonder” ของ “นาตาลี เมอร์แชนต์” ก็ยิ่งย้ำชัดในใจเธอว่า เหตุการณ์ดังกล่าวกำลังสอนบางอย่าง เธอจึงนำเอาเรื่องราวเล่านี้มาถ่ายทอดสู่สังคม แน่นอนว่าชื่อหนังสือ “Wonder” ได้เกิดขึ้นจากชื่อเพลงที่เธอฟังนั่นเอง
ด้วยความที่ “Wonder” บอกเล่าถึงความมหัศจรรย์ของชีวิตผ่านเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งเชื่อมโยงกับผู้คนรอบๆ ตัว จึงส่งผลให้เนื้อหานั้นลึกซึ้งโดนใจผู้อ่านมากมาย อีกทั้งยังได้รับเสียงชื่นชมในฐานะหนังสือที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนมุมมองชีวิตเสริมพลังบวกมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังพิสูจน์อย่างแจ่มชัดด้วยการเป็นวรรณกรรมเยาวชนติด “อับดับ 1 New York Times Bestseller” ข้ามปียาวนานถึง 89 สัปดาห์ ขายได้กว่า 5 ล้านเล่ม อีกทั้งการันตีด้วยรางวัลหนังสือยอดเยี่ยมจากเวทีสำคัญอย่าง “Maine Student Book Award”, “Junior Young Reader’s Choice Award”, “Fisher Children’s Book Award” รวมไปถึงจากเว็บไซต์หนังสือยอดนิยมอย่าง “School Library Journal” และ “Publishers Weekly” ไม่เพียงแค่นั้น “Wonder” ยังมีอิทธิพลมากกว่าการเป็นแค่นิยาย เพราะได้เกิดกระแส “เลือกทำดี – Choose Kind” เพื่อมอบแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองออกมาอีกด้วย
ประเด็นสะกดหัวใจ เปลี่ยนมุมมองผู้ชมทั่วโลก
“อ๊อกกี้ พูลแมน” หนุ่มน้อยวัย 10 ขวบ ผู้เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติทางใบหน้า ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดมาแล้วกว่า 27 ครั้ง เขาต้องรับมือกับการถูกคนรอบตัวมองว่าแปลกประหลาด แต่เพราะได้กำลังใจที่ดีจากพ่อ แม่ คุณครู และเพื่อนๆ ที่ไม่ได้ตัดสินเขาจากเพียงแค่หน้าตา ก่อให้เกิดมิตรภาพที่ดีจากการเลือกที่จะทำดีต่อกัน (Choose Kind) คนรอบข้างเขาต่างค่อยๆ เปิดหัวใจเข้าไปเรียนรู้ในโลกของอ๊อกกี้ จึงทำให้การเข้าโรงเรียนครั้งแรกของเขานั้น ช่วยให้เราเปิดใจกับคนรอบข้างเช่นเดียวกัน และที่สำคัญยังช่วยเกลาจิตใจของพวกเขาให้ปฏิบัติต่อทุกคนรอบตัวด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เปรียบดั่งประโยคอันทรงพลังที่ว่า “Auggie Pullman will change your world” หรือ “อ๊อกกี้ พูลแมนจะเปลี่ยนโลกของคุณ”
รวมดรีมทีมของภาพยนตร์ฟีลกู๊ด
เนื้อเรื่องสุดประทับใจได้รับการส่งต่อในหมู่นักอ่านอย่างไม่ลดละ จนเตะตาผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์อย่าง “ทอดด์ ลีเบอร์แมน” และ “เดวิด โฮเบอร์แมน” จากหนังฮิต “Beauty and the Beast” ทั้งสองยอมรับอย่างไม่อายเลยว่า “เราโทรหากันก่อนจะรู้ว่าเราน้ำตาไหลพรากด้วยกันทั้งคู่ เราทั้งสองตกหลุมรักเรื่องราวที่เกี่ยวกับมิตรภาพและความเห็นอกเห็นใจเรื่องนี้” และมากไปกว่านั้นพวกเขาชื่นชอบการเล่นประเด็นที่ว่า เราทุกคนอาจจะรู้สึกเป็นคนชายขอบสักครั้งในชีวิต และมันแสดงให้เห็นว่าอะไรสามารถเกิดขึ้นได้บ้าง ถ้าเรายื่นมือไปช่วยเหลือคนนอกสายตาพวกนั้น
ภาพยนตร์กำกับโดย “สตีเฟน โชโบสกี” เจ้าของผลงานคัมมิงออฟเอจเรื่องดัง “The Perks of Being a Wallflower” สตีเฟนคือตัวเลือกหลักที่โปรดิวเซอร์ต้องการ แต่ในตอนแรกเขากลับปฏิเสธ เนื่องจากภรรยาสาวเพิ่งคลอดลูก แต่เมื่อเขาได้ลองอ่านหนังสือเรื่องนี้ สตีเฟนรู้ตัวทันทีว่าเขากำลังจะพลาดอะไรไป และตอบตกลงเดินหน้าลุยสร้างภาพยนตร์อย่างเต็มที่ “ผมมีลูกชาย ธีโอดอร์ ทำให้หนังเรื่องนี้มันโดนกับผมมาก สิ่งที่กระแทกใจผมมากที่สุดในหนังสือคือ คนเขียนใช้การตัดสินใจทุกข้อในชีวิตเพื่อสร้างตัวละคร เพราะคนเราสามารถเลือกเป็นฮีโร่ได้ เลือกที่จะแตกต่าง เลือกที่จะเป็นตัวของตัวเอง” ผู้กำกับโชโบสกีกล่าว
นอกจากนั้นยังได้มือเขียนบทจากหนังฟีลกู๊ด “The Secret Life of Walter Mitty”, “The Pursuit of Happyness” อย่าง “สตีฟ คอนราด” มาร่วมกันดัดแปลงหนังสือให้เป็นบทภาพยนตร์ พร้อมทั้งสมทบความเยี่ยมด้วยผู้กำกับภาพดีกรีเข้าชิงออสการ์ “ดอน เบอร์เจส” จาก “Forrest Gump”, “Allied” และ “อาร์เจ็น ทูอิเต็น” เจ้าของผลงานเมคอัพเหนือชั้นใน “Maleficent” และ “Pan’s Labyrinth” จนทำให้ “Wonder” กลายเป็นภาพยนตร์ที่คอหนังต้องจดเข้าลิสต์หนังห้ามพลาดส่งท้ายปีนี้
นำแสดงโดยดาราคุณภาพรุ่นเล็ก-รุ่นใหญ่ฝีมือล้นจอ
“เจคอบ เทร็มเบลย์” รับบท “อ๊อกกี้ พูลแมน” หนุ่มน้อยมาแรงจาก “Room” ที่บทบาทนั้นเคยส่งให้เขาคว้ารางวัลใหญ่จาก “Broadcast Film Critics Association Awards”, “National Board of Review” และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงจากเวที “Screen Actors Guild Awards” และ “Teen Choice Awards” มาแล้ว
ทีมงานคัดเลือกนักแสดงต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพราะบทอ๊อกกี้ซับซ้อนมาก และต้องการนักแสดงมากทักษะที่จะแสดงบทนี้ออกมาอย่างไม่เคอะเขิน จนกระทั่งวันที่พวกเขาได้เห็นการแสดงของเจคอบ “เมื่อพวกเราได้ดู Room เรารู้เลยว่าเราเจอเด็กที่จะมารับบทอ๊อกกี้แล้ว เจคอบมีพรสวรรค์ตั้งแต่อายุแค่นี้ เมื่อเราได้เจอเขา เราคิดในใจว่าเราคงหาเด็กที่มีความคล้ายกับอ๊อกกี้มากเท่านี้ไม่ได้แล้ว” ผู้อำนวยการสร้างเผย
ทางฝั่งเจคอบก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่าเรื่องของอ๊อกกี้เป็นเรื่องสำคัญที่ควรถูกเผยแพร่ “ส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับผมคือ การได้เล่นเป็นเด็กที่ช่วยให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ผมคิดว่าหนังสือมันดีมาก ดีจนทำให้แม่ผมน้ำตาไหลเลย มันเล่าเรื่องการปรับตัวของอ๊อกกี้ในการเข้าสังคม เขาต้องทำให้คนรอบข้างยอมรับแทนที่จะรู้สึกกลัว”
อีกบทบาทสำคัญในเรื่องนั่นคือ พ่อและแม่ของอ๊อกกี้ พูลแมน ซึ่งงานนี้ได้สองนักแสดงขวัญใจคอหนังอย่าง “จูเลีย โรเบิร์ตส” เจ้าของรางวัลออสการ์จาก “Erin Brockovich” และผลงานรอมคอมสุดฮิต “Notting Hill”, “Pretty Woman” มารับบท “แม่ – อิสซาเบล พูลแมน” ซึ่งเธอได้เปิดใจเกี่ยวกับภาพยนตร์ว่า “ฉันคิดว่าถ้าเราสามารถยึดคอนเซปต์ของหนังสือได้ เราจะมีความสุขกันมากกว่าเดิม สำหรับฉันมันเป็นเครื่องเตือนใจที่ชั้นเยี่ยมให้เป็นคนดีขึ้นในทุกสถานการณ์ระหว่างวัน เลือกที่จะเป็นคนน่ารักมากกว่าเลือกวิธีที่เร็วกว่าหรือแค่สะใจกว่า”
โรเบิร์ตสเสริมว่า เธอเองก็เรียนรู้จากหนุ่มน้อยคนนี้เหมือนกัน เธอถึงกับพูดเล่นๆ ว่า เธอแทบไม่ได้พบกับเทรมเบลย์เลย เพราะตลอดเวลาที่ทำงานร่วมกัน เขากลายเป็นอ๊อกกี้ตลอดเวลาในสายตาเธอ “ฉันจำได้ว่าตอนที่เราปิดกล้องฉันบอกลาเจคอบ แม่ของเจคอบบอกฉันว่า ‘ฉันรู้สึกเหมือนคุณเป็นแม่อ๊อกกี้ส่วนฉันเป็นแม่เจคอบเลย’ ซึ่งมันบรรยายความรู้สึกฉันได้ตรงทีเดียว”
ด้านบท “พ่อ – เนต พูลแมน” ตกเป็นของ “โอเวน วิลสัน” หนุ่มอารมณ์ดีจาก “Wedding Crashers”, “Shanghai Noon” และผลงานสายคุณภาพ “Midnight in Paris” การเป็นคุณพ่อลูกสองของเขาทำให้เขาตัดสินใจรับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย “ผมมองว่าการรับบทนี้เป็นโอกาสที่จะมอบชีวิตให้กับเรื่องราวที่จะมีความหมายกับคนอีกหลายคน โดยส่วนตัวแล้วผมชอบตั้งแต่ตอนได้อ่านหนังสือแล้ว แต่อีกหนึ่งเหตุผลที่ผมรับงานนี้คือ ผมจะได้ทำงานกับสตีเฟน โชโบสกี ก่อนเปิดกล้องเราคุยกันเยอะมาก ผมสัมผัสถึงความมุ่งมั่นของเขา ผมรู้เลยว่าเขาจะทำหนังเรื่องนี้ออกมาโดนใจแน่ๆ”
นอกจากฐานะพ่อแล้ว เขายังรู้สึกว่าบทเนต พูลแมนนั้นเกิดมาเพื่อเขาอย่างแท้จริง “ผมไม่คิดว่าเนตเป็นคนเจ้าระเบียบ อ๊อกกี้และเขาเหมือนเป็นเพื่อนเล่นกัน ทั้งคาราเต้ ฟันดาบไลต์เซเบอร์ ผมคิดว่าทั้งชีวิตของผมเหมือนเตรียมพร้อมเพื่อรับบทนี้ เพราะผมเองก็เก่งเรื่องพวกนั้นมาก” วิลสันกล่าวอย่างอารมณ์ดี
กระแสชื่นชมเทใจ การันตีความ “วันเดอร์” จากฝั่งผู้ชม
เริ่มต้นเดินหน้าเรียกกระแสความซึ้งจากผู้ชมกลุ่มแรกในรอบพิเศษกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งล้วนต่างชื่นชมเป็นเป็นเสียงเดียวกันถึงเนื้อหาภาพยนตร์ที่ทั้งซาบซึ้ง อบอุ่น กินใจ ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ฟีลกู๊ดสุดประทับใจที่จะเปลี่ยนมุมมองใหม่ให้กับผู้ชมอย่างแน่นอน
“คือหนังที่ช่างแสนอบอุ่นและงดงามในทุกๆ แง่มุม”
“ดูได้ทุกเพศ ทุกวัย และทุกคนจะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอนค่ะ”
“ฉันรักมันมากค่ะ Wonder ทำให้ฉันทั้งหัวเราะและซาบซึ้งในเวลาเดียวกัน”
“ยอดเยี่ยมมากค่ะที่ได้เห็นเนื้อหาในหนังสือมาโลดแล่นบนภาพยนตร์ได้อย่างแสนประทับใจ”
เด็กหนุ่มธรรมดาคนนี้กำลังจะมามอบความสุขให้กับผู้ชมทั้งโลก รวมถึงแฟนหนังชาวไทยที่รอคอยอยู่เช่นกัน
“Wonder ชีวิตมหัศจรรย์วันเดอร์” 7 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์