“ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ” (Hirokazu Koreeda) ผู้กำกับมือหนึ่งของญี่ปุ่นวัย 56 ปี เจ้าของรางวัล “ปาล์มทองคำ” รางวัลสูงสุดของ “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ครั้งที่ 71″ จากหนังเรื่องล่าสุดของเขา “Shoplifters”
โคเรเอดะเกิดเมื่อปี 1962 เขาเรียนจบมหาวิทยาลัยวาเซดะในโตเกียว เริ่มต้นทำงานในวงการโทรทัศน์ด้วยการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับของรายการสารคดี
เพราะความชื่นชอบในการเฝ้ามองชีวิตผู้คน เมื่อผันตัวเองมาทำหนัง โคเรเอดะจึงหยิบยืมเอาสไตล์บางอย่างมาใช้ “การมองชีวิต…ด้วยหัวใจ” ส่งผลให้หนังของเขาให้ภาพชีวิตที่สมจริง ละเอียดอ่อน และเป็นธรรมชาติ
เมื่อปี 1995 เขากำกับ Maborosi เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกจากนวนิยายของ “มิยาโมโต เทรุ” และคว้ารางวัล Golden Osella จากเทศกาลภาพยนตร์ 52nd Venice International Film Festival หลังจากที่ After Life (1998) ได้รับการจัดจำหน่ายไปกว่า 30 ประเทศส่งให้ชื่อเสียงของโคเรเอดะโด่งดังไปทั่วโลก ต่อมาในปี 2001 Distance ได้รับคัดเลือกให้เข้าสาขา Official Competition บนเวที Cannes Film Festival
ก่อนที่ Nobody Knows (2004) ผลงานเรื่องที่ 4 ของเขาจะส่งให้ “ยูยะ ยางิระ” ดังเป็นพลุและกลายเป็นนักแสดงอายุน้อยที่สุดที่คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์ Cannes Film Festival และเขากลายเป็นผู้กำกับญี่ปุ่นที่โด่งดัง พร้อมกับเป็นที่จับตาในระดับนานาชาติมานับตั้งแต่นั้น
ภาพยนตร์เรื่อง Hana ในปี 2006 ที่ว่าด้วยการล้างแค้น และยังเป็นจุดเปลี่ยนที่เขาเริ่มรังสรรค์งานย้อนยุค ต่อมาในปี 2008 เขาหยิบประสบการณ์ชีวิตครอบครัวของเขาเองมาตีแผ่ในภาพยนตร์ดราม่าเรื่อง Still Walking และได้รับเสียงชื่นชมยกย่องไปทั่วโลก
ภาพยนตร์เรื่อง Air Doll ได้รับเกียรติฉายราบปฐมทัศน์สาย Un Certain Regard ในเทศกาลภาพยนตร์ 62nd Cannes Film Festival เมื่อปี 2009 และเป็นที่กล่าวขวัญถึงการตีความแฟนตาซีหวาบหวิวจนถึงขั้นเปิดโลกทัศน์ผู้ชมทั่วโลกกันเลยทีเดียว ภาพยนตร์เรื่อง I Wish ในปี 2011 ก็คว้ารางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก 59th San Sebastian International Film Festival
ต่อมาในปี 2012 โคเรเอดะกำกับ Going Home เป็นซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่องแรก
ปี 2013 ภาพยนตร์เรื่อง Like Father, Like Son คว้ารางวัล Jury Prize จาก Cannes Film Festival และยังกวาดรางวัลขวัญใจมหาชนจากเทศกาลภาพยนตร์ San Sebastian, Vancouver, และ Sao Paulo International Film Festival ทั้งยังทำรายได้ชนะผลงานเรื่องก่อนหน้าของเขาในหลายๆ ประเทศด้วย
ปีต่อมา Our Little Sister หนังเรื่องแรกที่เขาดัดแปลงมาจากมังงะ ได้รับเกียรติเปิดฉายรอบปฐมทัศน์สายแข่งขันในเทศกาลภาพยนตร์ Cannes Film Festival และคว้ารางวัล Japan Academy Prize สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ก่อนจะไปคว้ารางวัล Jury Prize จากเทศกาลภาพยนตร์ San Sebastian Film Festival ด้วย
รวมถึงความสำเร็จที่ตามมาติดๆ ของ After the Storm เข้าฉายในสายประกวด Un Certain Regard ในเทศกาลหนังเมืองคานส์ ปี 2016 และ ในปี 2017 ภาพยนตร์ The Third Murder ก็คว้า 6 รางวัลยอดเยี่ยมจาก เวที Japan Academy Prize ครั้งที่ 41
สื่อหลายๆ สำนักยกย่องโคเรเอดะว่า “ทายาทของยาสุจิโร โอสุ” (นักทำหนังญี่ปุ่นรุ่นครู) แต่โคเรเอดะตอบปฏิเสธ เขาบอกว่าผู้กำกับที่มีอิทธิพลต่อชีวิตเขาคือ “เคน โลช” (ผู้กำกับอังกฤษ) และ “โหวเสี้ยวเสียน” (ผู้กำกับไต้หวัน) มากกว่า
โคเรเอดะเข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำครั้งแรกจากหนังเรื่อง Distance ปี 2001 และเข้าชิงในสายประกวดเมืองคานส์อีกหลายครั้งนับจากนั้น จนกระทั่งมาคว้ารางวัลนี้ได้จาก “Shoplifters” ในปี 2018
เรียกได้ว่าในยุคนี้ ไม่มีคนทำหนังญี่ปุ่นคนไหน “ฮอต” เท่า “ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ” อีกแล้ว
รู้จัก 10 หนังห้ามพลาดของ “ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ”
After Life (1998) หนังแฟนตาซีกึ่งสารคดีสุดเรียบง่าย เล่าถึงสถานที่อันเป็นจุดพำนักของวิญญาณทุกดวง ที่ที่พวกเขาจะเก็บความทรงจำล้ำค่าเพียงเรื่องเดียวมาถ่ายทำเป็นหนังสั้น แล้วเก็บติดตัวไปบนสวรรค์
Nobody Knows (2004) เด็ก 4 คนที่ถูกแม่ทิ้งให้ใช้ชีวิตกันตามลำพัง นี่เป็นหนังที่โด่งดังที่สุดของโคเระเอดะ และส่งให้ “ยูยะ ยางิระ” คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ รวมทั้งกลายเป็นนักแสดงชายที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้ารางวัลนี้ไปครอง
Still Walking (2008) ชายผู้หนึ่งพาเมียและลูกชายกลับไปเยี่ยมบ้านพ่อและแม่ที่โยโกฮามา นักวิจารณ์หลายคนยกให้เป็นงานที่ดีที่สุดของโคเระเอดะ และเทียบเคียงกับหนังคลาสสิกของ “ยาสุจิโร โอสุ” ด้วยการเล่าเรื่องชีวิตครอบครัวที่ง่าย งาม ในขณะเดียวกันก็สะเทือนใจผู้ชม
Air Doll (2009) นักแสดงสาวชาวเกาหลี “เบดูนา” รับบทตุ๊กตายางที่จู่ๆ ก็มีชีวิตขึ้นมาเหมือนมนุษย์ แต่ความเป็นมนุษย์นั้นซับซ้อนจนเธอเองกลับไม่อาจเข้าใจมัน หนังได้รับเลือกให้ฉายในสาย Un Certain Regard ของเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2009
I Wish (2011) หนังที่พิสูจน์ให้เห็นว่าโคเระเอดะกำกับนักแสดงเด็กได้เก่งกาจเพียงไร นี่เป็นหนังเด็กที่ลึกซึ้งและชาญฉลาด เล่าเรื่องของสองพี่น้องที่ต้องอยู่ห่างกันคนละจังหวัดเพียงเพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน พวกเขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง
Like Father, Like Son (2013) ได้รับรางวัลจูรี่ไพรซ์จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ พล็อตว่าด้วยสองครอบครัวที่มีฐานะความเป็นอยู่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ต้องมาสานสัมพันธ์กันเพราะความผิดพลาดของโรงพยาบาลที่ดันสลับตัวลูกชายของทั้งคู่ตั้งแต่เกิด
Our Little Sister (2015) สร้างจากมังงะของ “อะกิมิ โยชิดะ” เล่าเรื่องสี่สาวพี่น้องต่างวัยในบ้านหลังเดียวกัน ฉากหลังคือเมืองคามาคุระอันแสนอบอุ่น นอกจากจะทำรายได้จากการขายตั๋วเกินกว่าพันล้านเยน หนังยังเข้าชิงรางวัลเจแปนอะคาเดมีถึง 12 สาขา
After the Storm (2016) “ฮิโรชิ อาเบะ” รับบทชายวัยกลางคนผู้ไม่เอาไหนเลยสักอย่างที่ต้องติดอยู่ในบ้านแม่ พร้อมกับอดีตภรรยาและลูกชาย ในคืนที่พายุพัดกระหน่ำ หนังได้รับคำชมอย่างล้นหลามจากนักวิจารณ์ทั้งในญี่ปุ่นและระดับนานาชาติ
The Third Murder (2017) ทนายความผู้หนึ่งเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ถึงแม้วัตถุพยานจะค้านกับคำให้การของเขาก็ตามที โคเระเอดะตั้งคำถามต่อคนดูว่า อะไรคือความจริง และอะไรคือความยุติธรรมได้อย่างเปี่ยมชั้นเชิง ในหนังที่คว้ารางวัลเจแปนอะคาเดมีถึง 6 รางวัล
Shoplifters (2018) “โอซามุ” (ลิลี แฟรงกี้) นอกจากจะทำงานรับจ้างรายวัน เขายังลักเล็กขโมยน้อยเป็นอาชีพเสริมด้วย โดยมีลูกชาย “โชตะ” (ไคริ จิโอ) เป็นผู้ช่วย วันหนึ่งขณะทั้งคู่กลับจากการขโมยของ โอซามุ ได้เจอกับ “ยูริ” (มิยุ ซาซากิ) เด็กหญิงตัวน้อยอยู่ตัวคนเดียว เขาจึงตัดสินใจพาเธอกลับมาบ้านด้วย แม้ว่า “โนบุโยะ” (ซากุระ อันโดะ) ภรรยาของเขาจะไม่พอใจที่เขาพาเด็กที่ไหนมารู้มาอยู่อาศัยด้วย ถึงอย่างนั้นตัวเธอและรวมถึงสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวอย่าง “อากิ” (มายุ มัตสึโอกะ) น้องสาวของโนบุโยะ และ “คุณยายฮัตสุเอะ” (คิริน กีกิ) ก็ดูแลเด็กหญิงคนนี้เป็นอย่างดี ถึงแม้พวกเขาจะเป็นครอบครัวเล็กๆ จนๆ แต่พวกเขาก็เป็นครอบครัวที่มีความสุข ทว่าในช่วงเวลาที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย ความลับบางอย่างก็เปิดเผยออกมาทำให้ทั้งครอบครัวต้องสั่นคลอน หนังคว้า “รางวัลปาล์มทองคำ” รางวัลสุงสุดจาก “เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2018″ และเป็นภาพยนตร์คนแสดงที่ทำรายได้ทะลุหลัก 1000 ล้านเยนได้เร็วที่สุดอีกด้วย
“Shoplifters” เข้าฉายไทย 2 สิงหาคมนี้