“เป็นเอก รัตนเรือง” ผู้กำกับที่มีผลงานสร้างชื่อเสียงในประเทศไทยและต่างประเทศมาอย่างยาวนานตั้งแต่ “ฝัน บ้า คาราโอเกะ” (2540), “เรื่องตลก 69” (2542), “มนต์รักทรานซิสเตอร์” (2544), “เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล” (2546), “คำพิพากษาของมหาสมุทร” (2549), “พลอย” (2550), “นางไม้” (2552), “ฝนตกขึ้นฟ้า” (2554) และ “ประชาธิป’ไทย” (2556)
ล่าสุด “Samui Song ไม่มีสมุยสำหรับเธอ” ผลงานเรื่องล่าสุดของเขาในปี 2561 นี้ได้เริ่มต้นโปรเจกต์ในปี 2558 แล้วเสร็จในต้นปี 2560 และเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ World Premiere เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2560 ใน “เทศกาลหนังนานาชาติกรุงเวนิส 2017″ (74th Venice Film Festival) โดยได้รับเลือกเป็นภาพยนตร์เปิดเทศกาลเซคชั่น Venice Days 2017
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เป็นเอกยังคงรักษาสถิติของตัวเองอย่างเสมอต้นเสมอปลายในการนำภาพยนตร์ไทยไปเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ World Premiere ใน 3 เทศกาลภาพยนตร์ที่มีเกียรติที่สุดของโลก ได้แก่ “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์, เบอร์ลิน และ เวนิส”
จนมาถึงวันนี้ “Samui Song ไม่มีสมุยสำหรับเธอ” ได้เดินทางตามเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลกต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยฝั่งอเมริกาเหนือได้รับเลือกเปิดตัวที่ “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองโตรอนโต” และฝั่งเอเชียได้รับเลือกเปิดตัวที่ “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองปูซาน” และกำลังเดินทางสู่เทศกาลอื่นๆ มากกว่า 17 ประเทศภายในเวลาไม่ถึง 4 เดือน
ทำไมถึงเป็น Samui Song
ความตั้งใจตอนแรกคิดว่าจะทำหนังครอบครัวสุขสันต์กับเขาบ้าง หลังจากเห็นนักแสดงสาวชื่อดังท่านหนึ่งเดินช้อปปิ้งกับสามีหนุ่มชาวต่างชาติอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตแถวๆ บ้าน วาดภาพว่าจะเป็น “หนังฟีลกู๊ด” เรื่องแรกในชีวิต สองสามวันต่อมาขณะที่ว่ายน้ำไปหัวสมองก็เริ่มทำงาน คิดภาพซีนต่างๆ มุมของความรักว่าสามีภรรยาคู่นี้ทำอะไรกันบ้างเวลาอยู่ที่บ้าน นั่งดูทีวีกันกระหนุงกระหนิง ตัดเล็บให้กัน ไปช้อปปิ้งซื้ออาหารมาทำกินกัน ไปวัดด้วยกัน ทำบุญด้วยกัน ฯลฯ แต่แปลกที่ไม่มีภาพว่าสองคนนี้มีเซ็กส์กันเลย อีกสองสามวันต่อมาคิดไปอีกต่างๆนานา ความเป็นหนังฟีลกู๊ดถดถอยไปหนึ่งสต็อป รู้ตัวอีกทีหนึ่งอาทิตย์ต่อมาเริ่มมีมุมของการฆาตกรรมเริ่มขึ้น แต่ที่แปลกคือพอไอเดียดาร์กๆ เริ่มปกคลุมไปทั่วทุกภาคส่วน การเขียนสคริปต์ก็ไหลลื่นราวกับเราเป็นแค่ร่างทรง ภาพต่างๆ ไอเดียต่างๆ ไหลพรวดพราดออกมาจนเกิดเป็นเรื่อง “สมุยซอง” ขึ้นมา
แนวของภาพยนตร์
มันเป็นทริลเลอร์ แต่เรื่องนี้มีความเป็นดราม่าอยู่ด้วย เพราะไม่ได้ไล่ล่ากันตลอดเวลา เพียงแต่ว่ามีเหตุการณ์ฆาตกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง และผลของการฆาตกรรม ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งจากเป็น “ผู้บงการ” ต้องกลายเป็น “เหยื่อ”
เรื่องราวของ “Samui Song ไม่มีสมุยสำหรับเธอ”
เป็นเรื่องของนักแสดงละครคนหนึ่งที่แต่งงานกับคนต่างชาติ และมีชีวิตที่ค่อนข้างดีเป็นปกติ จนกระทั่งสามีฝรั่งคนนี้ไปสนิทสนมหลงใหลกับเจ้าลัทธิคนหนึ่ง จนเลยเถิดให้เจ้าลัทธิเข้ามามีบทบาทกับนางเอก ด้วยวิธีที่เธอไม่อยากจะให้มันเป็น จนในที่สุดเธอตัดสินใจพาตัวเองออกจากโลกแบบนั้น ความรักแบบที่เธอไม่ต้องการ จึงทำให้เกิดการฆาตกรรมขึ้น
ชื่อเรื่อง “ไม่มีสมุยสำหรับเธอ” มีที่มาอย่างไร
ชื่อเรื่องได้มาจากเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งที่ช่วยตั้งให้ ซึ่งจริงๆ มันมาจากหนังสมัยก่อนที่ชื่อ “ไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ” หลังเล่าเรื่องให้เขาฟังคร่าวๆ เขาจับประเด็นได้ว่าช่วงที่เป็นสมุยในหนังมันคือสวรรค์ของนางเอก ถือเป็นช่วงเดียวที่เธอมีความสุขจริงๆ มีช่วงสมุยอยู่นิดเดียวในชีวิตของเธอ ก็เลยเสนอชื่อ “ไม่มีสมุยสำหรับเธอ” ซะเลย ซึ่งผมก็ว่ามันน่าสนใจ
ความซับซ้อนของตัวละคร
ตัวละครมันเยอะ แต่มันก็ไม่ได้ซับซ้อนมาก ความลับของตัวละครแต่ละตัวที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง มันเป็นความบกพร่องในชีวิตนำมาซึ่งความดราม่าและเรื่องราวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น “วิยะดา”, “สามี”, “นักฆ่า” หรือตัวไหนก็ตาม มันมักจะไม่ได้หยุดแค่นั้น เมื่อคนดูรู้ความลับต่างๆ ก็จะเริ่มเห็น เริ่มสนุก และลุ้นไปกับเรื่องราวของพวกเขาไปด้วยกัน ตัวละครแต่ละตัวมันก็จะไม่ดำสนิท มันจะเทาๆ อย่างนักฆ่าในเรื่องนี้ก็จะไม่โปรเลย ดูภายนอกเหมือนจะเอาอยู่แน่นอน แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ใช่นักฆ่าแบบในหนังเจมส์บอนด์ เขาก็เป็นมนุษย์อย่างเราๆ นี่ล่ะ
แง่มุมความเป็นมนุษย์ของคนเหล่านั้น
ความสนุกและความน่าเชื่อถือของหนัง ส่วนมากไม่ได้เกิดจากพล็อต แต่เกิดจากตัวละครมากกว่า ยิ่งถ้าเราทำให้ตัวละครกลมเท่าไร มีมิติหลายๆ ด้านมากเท่าไร มันก็จะยิ่งสนุก
ประเด็นเรื่องความรักในหนังเรื่องนี้
เรื่องนี้เลือกดำเนินเรื่องผ่านประเด็นความรักที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความรักของนางเอกกับสามี, ความรักที่เกิดจากความเลื่อมใสศรัทธาระหว่างสามีฝรั่งกับเจ้าลัทธิ หรือความรักที่ไม่มีข้อแม้ของนักฆ่าและผู้ที่เป็นแม่ในเรื่อง
ความลับของตัวละครแต่ละตัวที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง
มันเป็นความบกพร่องในชีวิตคนมากกว่า และตัวละครที่บกพร่องก็มีความน่าสนใจมากกว่าคนประเภทเรียนเก่ง จบรับปริญญา รักพ่อแม่ และกตัญญู ซึ่งมันไม่มี Conflict ความบกพร่องในชีวิตนี่เองที่นำมาซึ่งความดราม่า
การกำกับการแสดงตอนไหนที่ยากที่สุด
ยากเกือบทั้งนั้น อันที่คิดว่าไม่ยาก หลายครั้งกลายเป็นยาก แต่ก็มีบางซีนที่น่าจะยาก เพราะมีความซับซ้อนทางอารมณ์มาก แค่จะบรีฟพลอยว่าต้องทำอะไรยังไง บางทียังอธิบายไม่ได้เลย แต่ปรากฏว่าพวกซีนที่คิดว่า ยากเหล่านั้น เขาทำได้เทกเดียวผ่าน เขาไม่ค่อยมีปัญหา แต่สิ่งที่ยากของพลอยกลับเป็นพวกซีนธรรมดาๆ แบบไม่ต้องทำอะไรมาก คือมันเป็นวิธีส่วนตัวที่หลังจากได้กำกับหนังมา 2-3 เรื่องแล้ว แล้วก็ไม่ใช่แค่หนังที่เรากำกับแต่จากการที่ได้ดูหนังทั่วๆ ไปด้วย มันจะมีซีนที่รู้สึกว่าไม่ชอบหรือไม่เชื่อ ซึ่งมันมักจะไม่ค่อยเกิดจากภาพ แต่มันจะเกิดจากการส่ง คือพูดไม่เหมือน ได้ยินแล้วรู้สึกไม่เชื่อ ซึ่งพวกนี้เขาใช้การแสดงทั้งนั้น เพราะฉะนั้นพอเป็นเสียงมันจะบอกได้ดีกว่า
เรื่องนี้จัดเต็ม Big Production
ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนั้น แต่ตั้งใจไว้ว่าเรื่องนี้จะเดินเรื่องให้เร็ว เล่าแบบหนังพล็อต กลับไปเป็นแบบ “เรื่องตลก 69” แต่พอเอาเข้าจริง เราต้องเขียนบทร่วมกับโปรดิวเซอร์อีกคน พอเขียนกันไปเรื่อยๆ เรื่องมันก็เยอะขึ้นๆ จากการสร้างโลกให้ตัวละคร สำนักลัทธิ บ้านที่เข้าไปถ่าย พร็อปก็เยอะ นักแสดงก็เบอร์ใหญ่ รายละเอียดของส่วนต่างๆ ในฉากมันก็เลยใหญ่
การเตรียมตัวก่อนมาชม “Samui Song ไม่มีสมุยสำหรับเธอ”
จากสถิติหนังของเราที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มคนที่ชอบหนังหรือรู้จักตัวเรา เวลาไปดูหนังเราแล้วจะบอกว่างง คล้ายๆกับว่าคอยจะคิดว่าพี่เขาต้องไม่ธรรมดาแน่ เขาต้องซ่อนอะไรไว้ แต่เปล่าเลย ซึ่งต่างจากกลุ่มคนที่เขาไม่ได้รู้จัก หนังหรือรู้จักเรา พอไปดูหนังแล้วจะสนุก ดังนั้นสิ่งที่เรากลัวมากกว่าคือความไม่สนุก จึงต้องทำให้สนุก การควบคุมตัวเองให้อยู่กับโจทย์มันคงไม่ใช่จุดแข็งของเรา แต่สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจว่าจะควบคุมไว้ให้ได้คือความเป็น “หนังสนุก” ดูแล้วอยากคิดมากก็ได้ คิดน้อยก็ไม่ผิด ไม่คิดเลยปล่อยให้หนังมันพาเราไปสนุกกับมันก็ยิ่งดี
“Samui Song ไม่มีสมุยสำหรับเธอ”
1 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์