เชื่อว่าแฟนๆ ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวซอมบี้จะต้องรู้จักเรื่อง “Train to Busan” (2016) อย่างแน่นอน เพราะนับว่าเป็นภาพยนตร์ซอมบี้จากเกาหลีใต้ที่กระแสแรงสุดๆ ประกาศศักดาวงการ “K-Zombie” สู่สายตาโลก ถูกนำไปฉายกว่า 160 ประเทศ กวาดรายได้กว่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งในประเทศไทยก็เทใจให้กันทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับพระเอก “กงยู” ที่ใครๆ ก็อยากหนีตายไปกับเขา!
และในปี 2020 ซอมบี้ระบาดหนักอีกครั้ง เมื่อผู้กำกับ “ยอนซังโฮ” ปล่อยไม้เด็ดเล่าเรื่อง 4 ปีให้หลังเหตุการณ์ “Train to Busan” สู่ปรากฏการณ์ครั้งใหม่ใน “Train to Busan: Peninsula” และก่อนที่จะไประเบิดความมันส์ครั้งนี้ มาล้วงลึกไอเดียของผู้กำกับฯ ผู้สร้าง “จักรวาลซอมบี้เกาหลี” ว่า “ทำยังไงคนถึงคลั่งกันสนั่นโลกขนาดนี้”
“ผมอยากรู้ว่าการนำเสนอซอมบี้ในสไตล์เกาหลีมันจะออกมาเป็นอย่างไร”
แฟนๆ อาจจะเคยดูภาพยนตร์ซอมบี้มามากมายหลายเวอร์ชัน แต่นี่เป็นครั้งแรกในการเอาซอมบี้เกาหลีมาเป็นหลักในหนังตลาด
“ผมเลือกให้เรื่องเกิดในรถไฟใน ‘Train to Busan’ เพราะคิดว่าความเร็วของรถไฟเคทีเอ็กซ์จะช่วยเพิ่มความตึงเครียด
ความโกลาหล กระตุ้นอะดรีนาลีนคน ตอนแรกผมกังวลว่าคนดูจะอินหรือเปล่า แต่พอผมเห็นซอมบี้ที่แสดงในเรื่อง
หลังแต่งหน้าแล้ว มันน่ากลัวจริงๆ ผมเลยเลือกใช้เอ็กซ์ตร้าในทุกๆ ซีน แทนที่จะใช้ซอมบี้ซีจี
ถ้าถามว่าใครคือฮีโร่ที่แท้จริงของหนังต้องบอกเลยว่า เหล่านักแสดงเอ็กซ์ตร้านี่แหละ”
“ที่ผ่านมาซอมบี้ถูกตีค่าต่ำมาตลอด”
นี่คือภาพบรรยากาศผู้กำกับและทีมนักแสดงไปงาน “เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 69”
พวกเขาปลุกกระแสซอมบี้ดังทั่วโลก ได้รับคำชื่นชมและการตอบรับอย่างดี
โดยผู้กำกับเองเคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการทำหนังซอมบี้ว่า
“ถ้าแวมไพร์ถูกจัดอยู่ในหมวด ‘เหนือมนุษย์’ ผมคิดว่าซอมบี้เองก็เช่นกัน ผมตระหนักได้ว่าซอมบี้ไม่ใช่ปีศาจ
พวกมันจับตัวเป็นสังคมได้ มันคือมนุษย์ที่ละทิ้งสามัญสำนึกเหลือไว้แต่สัญชาตญาณดิบ“
“ซอมบี้เกาหลีไม่ใช่แค่สัตว์ประหลาดหรือปีศาจที่พวกเราต้องสู้กับมัน”
หากถามว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ผู้คนต่างชื่นชอบซอมบี้เกาหลีกันทั้งโลก
ผู้กำกับชื่อดังก็ได้พูดถึงเหตุผลและไอเดียการสร้างผลงานของเขาไว้ว่า
“ซอมบี้เกาหลีไม่ใช่แค่สัตว์ประหลาดหรือปีศาจที่พวกเราต้องสู้กับมัน
แต่พวกมันคือครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของเราเมื่อไม่กี่นาทีก่อน”
“ผมใช้เวลาเตรียมงาน ‘Peninsula’ ถึงหนึ่งปีเต็มจำนวน CG ที่ใช้มากกว่าสองเท่าของ ‘Train to Busan'”
ในงานแถลงข่าวภาพยนตร์เรื่อง “Train to Busan: Peninsula”
ภาคใหม่จากจักรวาลเดียวกับ “Train to Busan” ผู้กำกับ “ยอนซังโฮ” ได้เผยถึงการเตรียมงานว่า
“ผมใช้เวลาเตรียมงานถึงหนึ่งปีเต็ม พยายามที่จะแสดงมุมมองและการเคลื่อนไหวที่มันกว้างกว่าเดิม
ใน ‘Train to Busan: Peninsula’ คนดูจะรู้สึกถึงความลุ้นระทึกแบบเดียวกันกับที่ตัวละครในเรื่องรู้สึก
เหมือนกับได้ไปเสี่ยงภัยในดินแดนของโลกที่ไม่รู้จักและถูกฝูงซอมบี้ไล่ล่า”
“ในโลกหลังโลกาวินาศ ความหวังเป็นทางเลือกสุดท้ายของมนุษยชาติ“
ท้ายที่สุดผู้กำกับได้สรุปถึงไอเดียของภาพยนตร์เรื่อง “Train to Busan: Peninsula” ที่เรากำลังจะได้ดูกันเร็วๆ นี้ว่า
“ในโลกหลังโลกาวินาศ ความหวังเป็นทางเลือกสุดท้ายของมนุษยชาติ และได้โปรดคิดถึงภาพยนตร์ราวกับว่า
มันเป็นเรื่องราวของคนที่ต้องการจะจุดประกายความหวังเสมือนกับที่พึ่งสุดท้าย”
“ยอนซังโฮ” ก้าวสู่ตำแหน่งผู้กำกับแถวหน้าของเกาหลี และ “Train to Busan: Peninsula” เป็นผลงานชิ้นใหม่ที่รอให้คนทั้งโลกพิสูจน์ เตรียมสัมผัสกับโลกหลังโลกาวินาศ การหนีตายจากฝูงซอมบี้คลั่งทั่วคาบสมุทรกับ “Train to Busan: Peninsula” ประทับตรา Official Selection จาก “เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2020” มาแน่! 23 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์