“คิตะมุระ ทาคุมิ” รับบทพระเอกเต็มตัวเป็นครั้งแรกใน “ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ”
ผมรู้สึกว่าบทนี้เหมาะกับตัวเองตั้งแต่ตอนที่มาออดิชั่นแล้วล่ะครับ ยิ่งพอได้อ่านสคริปต์ ผมก็ยิ่งเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของ “บทนี้” มากขึ้น ทำให้ตอนที่ถ่ายผมรู้สึกว่าทั้งตัวผมและตัวละครมันซ้อนทับกันอยู่เลย ผมคิดว่าผมสามารถถ่ายทอดบทของ “ตัวละครนี้” ออกมาได้ ตั้งแต่ที่ได้พูดคุยกับผู้กำกับครั้งแรกแล้ว นั่นก็เพราะทั้งผมและผู้กำกับต่างก็มีความประทับใจในตัวละครตัวนี้ตรงกัน แถมยังเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากๆ ที่ผมได้มารับบทเดียวกับ “โอกุริ” ซึ่งเขาเป็นนักแสดงที่ผมให้ความนับถือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ถ้าจะว่าตามตรง ผมรู้สึกเสียใจในความสัมพันธ์ระหว่าซากุระกับ “ผม” มากจริงๆ ครับ เพราะมันคือความสัมพันธ์ของคนสองคนที่ไม่สามารถเปิดเผยความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างมีอยู่ออกมาได้ ซึ่งนี่ก็ทำให้ผมประหลาดใจมากที่ในระหว่างแสดงจู่ๆ น้ำตาผมก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ถ้าหากว่าได้เข้าไปซึมซับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนบนจอขนาดใหญ่ ก็จะได้สัมผัสถึงภาพและความสัมพันธ์อันสวยงามที่ดำเนินไปจนกระทั่งจบเรื่อง และก็จะต้องรู้สึกประทับใจในตัวภาพยนตร์ได้อย่างแน่นอน
“โอกุริ ชุน” รับบท “พระเอก” (12 ปีต่อมา)
นิยายที่เป็นต้นฉบับของภาพยนตร์เรื่องนี้ แค่อ่านชื่อก็ดึงดูดให้ผมซื้อมาได้แล้วครับ เพราะแบบนั้น ก่อนที่จะได้มาแสดง ผมก็เลยเคยอ่านนิยายมาก่อนแล้ว โดยในทีแรกผมรู้สึกไม่ค่อยชอบพระเอกเท่าไหร่ แต่พอได้ซึมซับเรื่องราวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายผมก็รักในความเป็นเขาครับ คือดูเผินๆ เหมือนจะเป็นตัวละครที่ยากจะเข้าใจ ทว่ากลับยังคงเข้มแข็ง แม้ว่าจะต้องใช้ชีวิตต่อมาด้วยตัวคนเดียวก็ตาม ส่วนตัวผมแล้วคิดว่าเวอร์ชั่นภาพยนตร์ทำได้ดีกว่าในนิยายครับ
ผมตั้งหน้าตั้งตาที่ได้จะแสดงเป็น “ผม” ซึ่งเป็นบทบาทเดียวกับ “ทาคุมิคุง” มาก และต้องเอาใจใส่ด้วยว่าบทบาทนี้ในสมัยก่อนทำอะไรบ้าง พอเป็นบทตอนเป็นผู้ใหญ่ ผมก็ต้องแสดงให้สอดคล้องกับการกระทำนั้นๆ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนในสมัยเรียนล้วนเป็นไปด้วยความไร้เดียงสา ไม่มั่นคง ทว่าบริสุทธิ์ ซึ่งก็เต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ที่พรั่งพรูออกมา ทำให้ตอนที่ต้องแสดงฉาก “ผม” อ่านบันทึกความเจ็บป่วย ก็เลยทำให้เข้าใจความรู้สึกที่ “ผม” มีต่อซากุระได้ ในการแสดงจะมีฉากที่สื่อให้เห็นถึงความกระอักกระอ่วนในการที่จะพูดคำว่ารักให้อีกฝ่ายได้ฟัง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องใช้แต่ละวันให้คุ้มค่าต่อไปภายใต้ระยะเวลาอันจำกัด
“Kimi no Suizô wo Tabetai ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ”
23 พฤศจิกายนนี้ ร้องไห้ด้วยกันในโรงภาพยนตร์