ถือเป็นการรวมตัวของ 2 นักแสดงขวัญใจวัยรุ่นแห่งยุคของญี่ปุ่น “แมคเคนยู อาราตะ” และ “ทาคุมิ คิตะมูระ” ที่จะทั้งร้องและเล่นดนตรีเองใน “Our 30 Minute Sessions” ภาพยนตร์ดนตรีที่เล่าเรื่องราวของ “มิยาตะ อากิ” (แมคเคนยู) นักดนตรีที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และ “คุโบตะ โซตะ” (ทาคุมิ คิตะมุระ) หนุ่มขี้อายที่บังเอิญเก็บเทปคาสเซตต์เดโมก่อนเป็นนักร้องของมิยาตะได้ ซึ่งหากเล่นเทปนี้มิยาตะจะขอยืมร่างของคุโบตะได้เป็นเวลา 30 นาที
โดยหนุ่มหล่อ “แมคเคนยู” รับบท “อากิ” นักร้องที่เสียชีวิตไปเมื่อ 1 ปีก่อน และ “ทาคุมิ คิตะมูระ” นักร้องและมือกีตาร์ของวง「DISH//」ที่กำลังมาแรงในหมู่วัยรุ่นยุคนี้รับบท “โซตะ” หนุ่มขี้อายที่ไม่ค่อยมีเพื่อน ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งสองคนนั้นได้เคยร่วมงานกันมาก่อนแล้วถึง 3 ครั้งด้วยกันจากละครทีวีเรื่อง “Aogeba Tōtoshi” (2016), ภาพยนตร์เรื่อง “Over Drive” (2018) และ “12 Suicidal Teens” (2019) แต่ในผลงานชิ้นนี้ไม่ใช่เพียงด้านการแสดงเท่านั้น ยังรวมถึงการร้องเพลงและการเล่นดนตรี ทำให้ทั้งคู่ได้ท้าทายกับบทบาทครั้งใหม่ที่แตกต่างจากผลงานที่ผ่านมา
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานของนักเขียนบทภาพยนตร์ “ซาโตมิ โอชิมา” ผู้เขียนบทภาพยนตร์มามากมาย อาทิ “The 100th Love with You” (2017) และ “Nagi no oitoma” (2019) โดยได้ผู้กำกับ “เคนทาโร ฮากิวาระ” ผู้เคยกำกับภาพยนตร์เรื่อง “Tokyo Ghoul” (2017) มานั่งแท่นผู้กำกับให้ ในระยะเวลากว่า 1 เดือนที่กองถ่ายในจังหวัดนากาโนะ ทำให้ผู้ชมจะได้เห็นถึงภูมิทัศน์อันงดงามพร้อมประทับใจหลงใหลไปกับการแสดงของนักแสดงวัยหนุ่มสาวทั้งหลายที่แสดงพลังผ่านการแสดงของพวกเขาออกมาภายในเวลาที่จำกัด
โดยตัวเพลงที่แสดงโดยวง “ECHOLL” ในเนื้อเรื่องของภาพยนตร์นั้นก็ได้มีการอัดเพลงขึ้นจริงถึง 6 เพลงด้วยกัน
- เพลง “Shunkan” ในฉากตัดต่อที่อากิได้ร้องในงาน “Ringo Fes.”
- เพลง “Me Wo Samashiteyo” ที่ยามะเคนได้ร้องออกมาตอนแสดงสดเป็นครั้งแรกหลังเมมเบอร์วง ECHOLL ได้กลับมารวมตัวกันที่ไลฟ์เฮาส์
- เพลง “Mou Ni Do To” เพลงที่สองในการแสดงที่ไลฟ์เฮาส์ โดยเป็นเพลงที่อากิที่อยู่ในตัวของโซตะร้อง
- เพลง “Stand by Me” ที่โซตะร้องขณะเล่นเปียโนไปด้วยตอนที่ซ้อมวงกันอยู่ในสตูดิโอ
- เพลง “Kaze To Hoshi” ที่อากิร้องในตอนตะวันจะตกดินหลังจบจากการเดตกับโซตะ
- และเพลง “Mahiru No Seiza” ที่วง ECHOLL แสดงเป็นเพลงสุดท้ายในฉากงานเทศกาล โดยเป็นเพลงที่อากิและโซตะแต่งด้วยกันเพื่อทำให้คานะกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
บทเพลงและดนตรีที่เข้ากันดีกับเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ทำหน้าที่เป็นเสาหลักให้อารมณ์ในแต่ละฉากโดดเด่นยิ่งขึ้น
โดยในการถ่ายทำนั้นมีฉากที่ต้องแสดงดนตรีอยู่บ่อยครั้ง ทำให้นักแสดงต้องฝึกซ้อมกับเครื่องดนตรีของตนเป็นอย่างหนักก่อนที่จะมาเข้าฉาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากสุดท้ายที่งานเทศกาลที่นักแสดงทุกคนต่างตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษจนทำให้กินเวลากว่า 3 วันที่ถือเป็นไฮไลต์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ฉากหนึ่งเลยก็ว่าได้…
“Our 30 Minute Sessions เทปลับสลับร่างมารัก”
9 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์