“เมนูที่อร่อยที่สุดต้องใช้หัวใจปรุง” เจาะใจ 6 นักแสดงนำ “The Last Recipe สูตรลับเมนูยอดเชฟ” ฉาย 1 กุมภาพันธ์ 2561 ในโรงภาพยนตร์

Last-Recipe-int06

บทสัมภาษณ์ “นิโนะมิยะ คาซึนาริ” รับบท “เชฟซาซากิ มิตสึรุ”

ตอนที่ได้รับการเสนอให้แสดงเรื่องนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง

ดีใจสุดๆ ครับที่ได้แสดงในภาพยนตร์ที่กำกับโดย “คุณทาคิตะ” พอรู้ว่าได้รับงานนี้ ผมนี่ถึงกับต้องไประบายความดีใจในทวิตเตอร์เลยฮะ (หัวเราะ)

 

พอได้อ่านบทแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง

ต้องบอกว่ากังวลเรื่องการทำอาหารมากเลยทีเดียวครับ เพราะห่างหายจากการทำอาหารไปนานมาก แต่ก่อนเริ่มแสดงเราได้มีการเวิร์กชอปกับทีมเชฟตัวจริงกันก่อน

 

คิดว่าบทที่ตัวเองได้รับเป็นอย่างไรบ้าง

ผมพยายามที่จะไม่ทำเป็นตัวละครที่ได้ต้องรับบทมากมายขนาดนั้น แต่จะแสดงโดยสื่อความเป็นตัวตนของผมออกมา ทำให้การแสดงความเป็นตัวเองออกมาเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นอะไร เพราะฉะนั้นผมก็เลยตัดสินใจที่ไม่เป็นคนอื่น แต่จะใช้ประสบการณ์ของตัวเองจริงๆ ในการถ่ายทอดบทบาทครับ ซึ่งครั้งนี้ก็ได้ประสบการณ์ร่วมกับ “อายาโนะ โก” มาช่วยออกแบบคาแรคเตอร์ในการแสดงด้วยแหละครับ

 

ความประทับใจที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับทาคิตะ

คุณผู้กำกับคนนี้เป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างนักแสดงเสมอ และมีความเข้าใจบรรยากาศในการทำงาน นอกจากนั้นยังให้ความเชื่อมั่นในตัวนักแสดงยิ่งกว่าใครทั้งหมด อย่างตอนที่ผู้กำกับบอกผมว่า “ทำไปเลย ผมไว้ใจคุณ” เพราะงั้นผมเลยทำงานไปได้อย่างสนุกสนาน สมมติว่าถ้าต้องถ่ายทั้งวันทั้งคืน ผมก็คิดไม่ออกว่าตัวเอกจะเล่นตามบทไปตลอดรอดฝั่งได้ยังไง แต่ว่าคราวนี้ฉากที่ถ่ายช่วงกลางคืนไม่ค่อยมี ผมเลยมีเวลาทบทวนระหว่างกลับบ้าน ซึ่งพอคิดถึงคำว่า “ผมไว้ใจคุณ” ที่ได้รับมาก็ทำให้คิดว่า “ถ้าเล่นไหลลื่น ผู้กำกับก็คงประหลาดใจ และต้องสั่งคัตออกมาดังๆ แน่ๆ สินะ” ที่จริงแล้ว ระหว่างที่กำลังคุยกับผู้กำกับ ผมก็ไปเสนอเกี่ยวกับฉากสุดท้ายของเรื่อง และด้วยความใจกว้างของผู้กำกับ เขาก็ยอมรับ และพูดกับผมว่า “ดีเลยนะเนี่ย มาทำแบบนั้นกันเถอะครับ” ซึ่งมันทำให้ผมคิดว่า “ดีจังเลย ที่ได้พูดออกไป” นอกจากนั้น ทีมงานทุกคนก็ยังให้การยอมรับเป็นอย่างดีครับ

 

ความประทับใจที่มีต่ออายาโนะซัง

อายาโนะเป็นคนที่จริงใจกับงานมากครับ และเขาก็คอยมอบไอเดียใหม่ๆ ให้แก่คนอื่นๆ อยู่เสมอ ซึ่งความประทับใจที่มีต่อเขาก็คือการทำงานอย่างตรงไปตรงมานี่แหละ ซึ่งจุดนี้ก็เป็นจุดที่ผมชอบมากๆ

 

ช่วยฝากข้อความถึงทุกคนที่มาชมภาพยนตร์เรื่องนี้หน่อย

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีอาหารหลากหลายมากครับ ซึ่งนอกจากอาหารแล้วก็ยังได้เห็นถึงการเติบโตของเด็กหนุ่มคนหนึ่งทีละน้อยๆ ก็อยากให้ทุกคนมาร่วมรับชมการเติบโตที่ว่าในภาพยนตร์ไปพร้อมๆ กันครับ

 

 

Last-Recipe-int07

บทสัมภาษณ์ “นิชิจิมะ ฮิเดโทชิ” รับบท “ยามางาตะ นาโอทาโร”

บรรยากาศในกองถ่ายของคุณทาคิตะเป็นอย่างไรบ้าง

ในตอนที่ถ่ายทำแต่ละฉากเนี่ยมันยากมากๆ เลยแหละครับ แต่พอเริ่มถ่ายทำผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันยากอย่างที่คิดครับ ทีมงานทุกคนมีพลังงานเหลือล้นมาก ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ทุกคนก็ใจเย็นและช่วยกันแก้ไขปัญหาให้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น เป็นกองถ่ายที่สบายๆ และสนุกมากจริงๆ ครับ เป็นความประทับใจที่ทำให้ผมมีกำลังใจในการทำงานครับ

 

ได้ร่วมงานกับผู้กำกับทาคิตะรู้สึกยังไงบ้าง

ผู้กำกับทาคิตะเป็นคนที่ร่าเริงและอ่อนโยนมากครับ เขาเป็นผู้กำกับที่ใส่ใจนักแสดงมาก มันเป็นเรื่องที่ดีมากที่ได้ร่วมงานกับเขา รู้ว่านักแสดงแต่ละคนรู้สึกยังไง และหลายๆ ครั้งเขาก็ให้คำแนะนำในการแสดงด้วย “มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และง่ายๆ” ที่เขาทำในกองถ่ายครับ

 

คุณได้รับคำแนะนำในการสร้างตัวละคร “นาโอทาโร” จากผู้กำกับยังไงบ้างครับ

“บางครั้งตัวละครนี้ก็อาจจะโดนทำร้ายจิตใจ ทำให้รู้สึกไม่ดี แต่พื้นฐานของตัวละครนี้ เขาเป็นคนที่รักในการทำอาหารและดีใจกับการที่ได้ค้นพบรสชาติใหม่ๆ ในอาหาร รวมถึงอะไรใหม่ๆ ด้วย” ก็ประมาณนี้แหละครับ “ผมเข้าใจแหละว่าคุณคงกังวลใจอยู่ไม่น้อย แต่ให้คิดซะว่า ฉันได้มีความสุขเมื่อได้ทานอาหารและได้ค้นพบรสชาติใหม่ๆ ในอาหาร รวมถึงอะไรใหม่ๆ ด้วย” ผมยังจำคำแนะนำนั้นได้ดีเลยล่ะครับ

 

แล้วคุณสร้างบุคลิกของตัวละครนาโอทาโรขึ้นมายังไงบ้างครับ

ผมคิดว่าเขาเป็นตัวละครที่มีความมุ่งมั่นที่จะเดินไปยังเป้าหมายด้วยพลังที่มีทั้งหมดครับ ผมได้สัมผัสถึงความยากลำบากมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา ซึ่งบางครั้งผมก็รู้สึกว่าเขาแบกรับมันไม่ไหวแต่ก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกนั้นออกมาได้ด้วยซ้ำไป หนึ่งในนั้นคือการที่จะเป็นคนทําอาหารที่โด่งดัง แม้ว่า เรื่องราวจะดูน่าเศร้า แต่ผู้กำกับทาคิตะก็ทำให้มันดูเป็น Positive และสดใส แล้วก็เวลาที่ “คุณนิชิฮาตะ” และ “คุณคาเนมัตสึ” ฝึกซ้อม ทุกคนต่างก็ช่วยคิดช่วยทําว่าจะให้มันออกมาเป็นอย่างไร และตอนที่เขาพูดว่า “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” มันเป็นคําพูดที่ผมรู้สึกว่า ไม่ได้แค่พูดมาและจากไปอย่างไร้ค่า แต่เป็นการที่ทําให้รู้ว่า เราทุกคนทำงานเป็นทีมเดียวกันและจะช่วยซึ่งกันและกัน

 

การฝึกทำอาหารเป็นอย่างไรบ้างครับ

ตอนที่ได้ยินฉากที่ลองให้ทำอาหารดู ผมก็มีสับสนบ้างนิดหน่อย แต่ผมเองก็พยายามฝึกทำอาหารด้วยตัวเองเหมือนกันครับ ครูที่ควบคุมทีมฮัตโตริที่กำลังทำอาหารอยู่พวกเขาสุดยอดมาก ตอนพวกครูเขาสอนก็สนุกมากเลยครับ รสชาติของอาหารน่ะ ดูแค่ในวิดีโอหรือรูปมันไม่รู้หรอก ผมคิดว่าการอุทิศตัวเพื่อการปรุงอาหารมันเป็นเรื่องที่ดีมากเลยล่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่ารสชาตินั้นมันอร่อยจริงๆ นั่นแหละ การใช้ตามอง ส่วนประกอบอาหารที่ใช้และรสชาติคือการทำอาหารที่ดีที่สุดแล้วล่ะครับ

 

ความประทับใจที่ได้เล่นคู่กับคุณมิยาซากินี้เป็นยังไงบ้างครับ

ก็ไม่ได้แสดงร่วมกันมานานมากแล้ว ทำให้ผมเลยกลับมาคิดอีกครั้งว่า คนๆ นี้น่ะไม่ว่าจะอะไรก็สามารถทำได้หมดรึเปล่านะ จริงๆ แล้วการเข้าใจมนุษย์เราอย่างลึกซึ้งนั้น ต้องดูตอนที่ใช้เซนส์กับสถานการณ์ตอนไหนถึงจะดีที่สุดครับ ตอนไม่อยู่ในสายตาเขาจะทำอะไรบ้าง จะประพฤติตัวยังไง พอมาคิดๆ ดูแล้วเนี่ยมัน สุดยอดไปเลยน่ะครับ ยังไงก็ถ้ามีโอกาส ก็อยากแสดงร่วมกันอีกครับ

 

ไฮไลต์ของผลงานชิ้นนี้คืออะไรครับ

มันคือการผสมผสานระหว่าง 2 ยุคอาหารกับความชอบนั่นแหละครับ ที่ทำให้มันออกมามีเสน่ห์มากๆ เลย แน่นอนว่าการที่ทั้ง 2 รุ่นและขอบเขตนั้นมารวมกันได้เนี่ยคืออาหารที่ออกมาครับ โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันมีเสน่ห์มากๆ ที่คนทำอาหารทำนั้นคือการเชื่อมต่อเรื่องราวจากยุคสู่ยุคนั้นเองครับ

 

 

Last-Recipe-int08

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้อ่านบท ผมก็สัมผัสได้ถึงความหอมหวลของบรรดาเครื่องปรุงต่างๆ และมองเห็นแต่ละฉากๆ ได้อย่างชัดเจนมากๆ ยิ่งเรื่องนี้เป็นงานกำกับของคุณทาคิตะด้วยแล้ว ผมเลยคิดว่าถ้าส่งความรู้สึกไปถึงผู้ชมทุกคนได้ก็คงดีมากๆ และก็ถือเป็นบรรยากาศที่ดีมากที่ได้กลับมาร่วมงานกับคุณนิโนะมิยะอีกครั้ง

ตัวละคร “ยานากิซาวะ” เป็นคนเลือดร้อน แข็งกร้าว ลุ่มลึก แต่บางครั้งก็ความอดทนต่ำ ถ้าต้องทำเพื่อคนที่รัก ก็อยากให้ทุกคนได้ไปชมภาพยนตร์กัน แต่ระหว่างที่ดูขอร้องว่าอย่าหิวตามนะครับ ไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ แค่มีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องราวก็พอครับ

 

 

Last-Recipe-int09

ตอนที่มาที่กองถ่ายและได้เห็นทุกคนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ทำให้ทุกวันฉันสงบใจลงได้มาก และฉันรู้สึกจริงๆ นะว่าระยะเวลาที่ได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้มันแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นเอง นอกจากนี้ฉันก็อยากร่วมงานกับผู้กำกับทาคิตะต่อไปอีกค่ะ

ในบทจะมีประโยคที่ “ชิสึ” พูดว่า “คนเราจำเป็นต้องเสียสละบางสิ่ง เพื่อให้บางอย่างสำเร็จ” แต่ฉันคิดว่าเธอไม่ได้จะสื่อคำว่า “เสียสละ” ในแง่ลบหรอกค่ะ นั่นก็เพราะเธอเป็นคนที่พร้อมทำอะไรก็ตามเพื่อสนับสนุนคนที่เธอรักแม้เพียงน้อยนิด ดังนั้นในฉากที่คุณนิชิจิมะต้องทำอาหาร ฉันจึงรู้สึกนับถือและคอยเฝ้ามองแผ่นหลังของเขาค่ะ

 

 

Last-Recipe-int10

ผมรู้สึกเศร้าใจทุกครั้งเมื่อคิดว่าช่วงเวลาที่จะได้ร่วมงานกับนักแสดงทุกท่าน ผู้กำกับทาคิตะรวมถึงทีมงานทุกคนจะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว ผมอยากไปออกกองทุกวัน ครั้งหนึ่งคุณนิชิจิมะเคยพูดกับผมว่า “ไม่ต้องกลัวว่าจะแสดงออกมาได้ไม่ดี แค่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ก็พอ” ผมจึงแสดงเป็น “คามาตะ” ด้วยความระมัดระวังครับ และถือเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้แสดงภาพยนตร์ที่คุณทาคิตะเป็นผู้กำกับ ยิ่งตอนที่เขาเรียกชื่อผมครั้งแรกนี่น้ำตาแทบจะไหลออกมาให้ได้เลยล่ะครับ และจากงานนี้ก็ทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งที่น่าสนใจมากมาย และถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าฉากร่วมกับคุณนิโนะมิยะ แต่แค่ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน ก็ถือว่าความฝันของผมเป็นจริงแล้วครับ

 

 

Last-Recipe-int11

ความเชื่อมโยงระหว่างคนหนึ่งและอีกคน ความสำคัญของการได้คิดถึงใครบางคน ตัวตนของตัวเอง ล้วนสามารถเกิดขึ้นได้โดย “การทำอาหาร” ตัวละคร “มิยาเกะ” ถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อเรื่องราว เป็นเหมือนคนคอยตีกรอบให้กับความเป็นไปที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ ในระหว่างการถ่ายทำผมรู้สึกสนุกมากๆ ที่ได้รับบทเป็นทหาร อีกทั้งผู้กำกับทาคิตะก็เป็นคนที่มีพลังงานล้นเหลือที่พร้อมจะรังสรรค์ผลงานชิ้นเอกที่สุดจะน่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมา คำว่า “อาหารญี่ปุ่นยิ่งใหญ่หนึ่งในใต้หล้า” นั้นเป็นคำกล่าวที่งดงาม เปล่งประกายและเลอค่า ทว่าในความเป็นจริงหนทางไปสู่คำกล่าวนี้ช่างเรียบง่าย นอกจากนี้ผมอยากเห็นมากๆ เลยครับว่าคุณนิโนะมิยะจะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาอย่างไร

 

 

LastRecipe-Poster-TH

“The Last Recipe สูตรลับเมนูยอดเชฟ” ถ่ายทอดเรื่องราวของ “ซาซากิ มิตสึรุ” (นิโนะมิยะ คาซึนาริ) เชฟอัจฉริยะที่จดจำรสชาติอาหารและวัตถุดิบที่ทำได้ภายในการชิมเพียงครั้งเดียว ซาซากิมีอาชีพเชฟอาหารเมนูสุดท้ายให้คนที่กำลังจะตาย เพราะเมนูสุดท้ายมักจะเป็นอาหารที่มีคุณค่าในใจ ค่าตัวของเขาจึงสูงถึง 1 ล้านเยน ซาซากิต้องการที่จะนำเงินทั้งหมดไปกอบกู้ร้านอาหารของตัวเองที่กำลังจะถูกยึด ด้วยโชคชะตา ซาซากิได้รับการว่าจ้างจากยอดเชฟให้ทำอาหารเมนูสุดท้ายที่อยู่ในความทรงจำของยอดเชฟมาตลอด 70 ปี ซาซากิได้รับข้อเสนอเป็นค่าจ้างที่สูงถึง 50 ล้านเยน โดยมีเงื่อนไขว่าเขาจะต้องตามหาสูตรเมนูอาหารที่หายสาบสูญไปให้เจอ และปรุงรสชาติให้ได้เหมือนต้นฉบับ ซาซากิจึงเริ่มออกเดินทางเพื่อตามหา “รสชาติที่หายไป” จนกลายเป็นการเดินทางที่เยียวยาหัวใจตัวเองโดยไม่รู้ตัว

 

1 กุมภาพันธ์ 2561 พิสูจน์ความยอดเยี่ยมของภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากฝีมือผู้กำกับรางวัลออสการ์ “โยจิโร ทาคิตะ” (Departures)

 

 

รูปภาพ

The Last Recipe สูตรลับเมนูยอดเชฟ

The Last Recipe สูตรลับเมนูยอดเชฟ

“The Last Recipe” ภาพยนตร์ล่าสุดจากผู้กำกับ “Departure” เจ้าของรางวัลออสการ์ปี 2008 ที่ได้หนุ่มฮอต “นิโนะ” แห่ง “วงอาราชิ” มารับบทนำ โดยดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง...

รายละเอียดภาพยนตร์

Featured News

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานให้แก่ท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้