ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการแบ่งออกเป็นสองช่วง แล้วจะรวมทั้งสองยุคนี้เข้าด้วยกันอย่างไร
การเล่าเรื่องราวจากสองยุคสองสมัยในเวลาเดียวกันถือเป็นส่วนที่ยากที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ โดยสองยุคที่ว่านั้นก็เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 70 ปีก่อนและเรื่องราวที่เป็นไปในปัจจุบัน โดยเราจะเชื่อมมันเข้าด้วยกันผ่านทางการทำอาหารครับ ซึ่งนอกจากเรื่องอาหารแล้ว สิ่งสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือจิตใจและความเป็นมนุษย์ และเพราะมีคำว่ายุคสมัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมเลยคิดว่ามันเป็นการดีที่เราจะได้เห็นการใช้ชีวิตของคนสมัยก่อน และเติบโตมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ฝังอยู่ใน DNA ของชาวญี่ปุ่นทุกคน ซึ่งไม่ว่าจะไปที่ไหนๆ ก็สามารถพบเจอได้ครับ
ในด้านนักแสดง “คุณนิชิจิมะ” ได้รับบทเป็นชาวญี่ปุ่นยุคเก่าผู้เพียบพร้อม ในขณะที่ “คุณนิโนะมิยะ” ต้องรับบทเป็นเหมือนตัวแทนของคนสมัยใหม่ที่มีความเห็นแก่ตัว ซึ่งผมมองว่ามันน่าสนใจมากที่เราจะได้เห็นปฏิกิริยาที่ทั้งสองตัวละครนี้มีต่อกันครับ
เพราะอะไรที่ไม่ค่อยเข้าไปกำหนดอะไรนักแสดง
คุณนิโนะมิยะเป็นคนที่ทำผลงานออกมาได้ดีมากอยู่แล้ว ในช่วงระหว่างที่ซ้อม พวกเราจะคุยกันเกี่ยวกับฉากและตัวละครตลอด ซึ่งก็ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างหลากหลายมากๆ คือเราสามารถพูดคุยถึงความต้องการจริงๆ ต่อกันได้อย่างเต็มที่ครับ
สำหรับคุณนิชิจิมะนั้นก็เป็นคนที่เฉียบขาด ก็เลยไม่ต้องคุยอะไรกันมาก แค่แนะนำไปนิดหน่อยว่าอยากจะทำภาพยนตร์ที่เคารพจิตวิญญาณความเป็นนักทำอาหารก็รู้เรื่องแล้วครับ ส่วน “คุณอายาโนะ” เขาเป็นคนที่ตรงไปตรงมา ซึ่งเราก็ได้คุยเกี่ยวกับฉากเสียน้ำตาสำคัญๆ ด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง “คุณนิชิฮาตะ” เองก็ทำได้ดีครับ เพราะเขาสามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกที่ต้องแบกรับบางอย่างเอาไว้ออกมาได้ดีมาก เขาจะอ่านบทจนมั่นใจและแสดงออกมาได้อย่างไม่มีบิดพลิ้ว ส่วนด้าน “อาโออิจัง” เราต่างคุ้นเคยกันดีแล้วผ่านการร่วมในเรื่องอื่นๆ ครับ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ผมอยากจะบอกว่าดีใจที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับทีมงานที่ดีทุกคน ดีใจที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงคุณภาพทุกท่าน รวมถึงดีใจที่การทำงานดำเนินไปอย่างราบรื่นภายใต้กรอบเวลาที่กำหนดเอาไว้ครับ
สิ่งล้ำค่าของภาพยนตร์เรื่องนี้คืออะไร
ผมอยากจะทำภาพยนตร์ที่เมื่อมองย้อนกลับมาแล้วจะไม่เสียใจภายหลัง ดังนั้นตั้งแต่การเตรียมฉากต่างๆ ผมจึงคิดเยอะมาก เพราะทุกๆ องค์ประกอบล้วนสำคัญทั้งสิ้น และผมก็ต้องเลือกเทกที่ดีที่สุดก่อนที่จะสั่งคัต คือในการทำงานทุกๆ วันย่อมมีการเปลี่ยนแปลงครับ หลายๆ อย่างก็มาเร็วไปเร็ว ผมจึงต้องเตรียมพร้อมให้ดี เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่มีผิดหรือว่าถูก ต้องอาศัยการตีความที่เฉียบคมและลึกซึ้ง ผ่านการมองภาพและเรื่องราวที่หลากหลาย และสร้างเป็นข้อสรุปของตัวเองขึ้นมาครับ
ในเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวในสมัยก่อนด้วย ตั้งใจถ่ายทอดช่วงเวลานั้นออกมาอย่างไร
ตั้งแต่ที่วาดภาพช่วงเวลาในปี 1930 ขึ้นในใจ ผมก็นึกถึงช่วงเวลาที่มีผู้คนหลากหลายใช้ชีวิตอยู่รวมกัน อยากจะบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคนั้นออกมาตามความเป็นจริง ซึ่งมันจะดีมากถ้าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ทำให้ทุกคนได้รู้จัก “แมนจูเรียในสมัยก่อน” รวมถึงผมอยากบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของคนในยุคนั้นออกมาอย่างสมบูรณ์ครับ