ริตสึโกะที่เป็นสาวน้อยไร้เดียงสาจากชนบท ดูเป็นคนละคนกับโคมัตสึซังในโหมดธรรมดาจนน่าตกใจเลยทีเดียว
จริงๆ แล้วทั้งเสื้อผ้าที่ใส่ ทั้งทรงผม ด้วยความที่มันไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นริตสึโกะจัง เลยได้รับการช่วยเหลือตรงจุดนั้นอยู่พอตัวเลยล่ะค่ะ แต่ว่าพอได้เห็น “ชี่จัง” (จิเน็น) กับ “ไทชิคุง” (นาคากาวะ) ที่อย่างกับหลุดออกมาจากหน้าหนังสือการ์ตูน ก็เลยรู้สึกกังวลว่า “อาา ทำยังไงดีนะ” อยู่เหมือนกันค่ะ
เพราะตัวต้นฉบับเป็นหนังสือการ์ตูนไม่ว่ายังไงมันก็ต้องเห็นภาพ ในส่วนนั้นฉันจึงต้องพยายามทำให้ตัวเองใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด คือในหนังสือการ์ตูนเป็นแบบนี้ และฉันต้องแสดงสีหน้าแบบนี้ ก็เลยมีความรู้สึกกดดันอยู่บ้าง แต่ในฐานะริตสึโกะที่คอยเฝ้ามองคาโอรุกับเซ็นทาโร เลยคิดว่าอยากจะแสดงความรู้สึกให้ออกมาเป็นธรรมชาติ แทนที่จะพูดว่าสวมบทบาท ต้องพูดว่าอยากเป็นริตสึโกะจริงๆ มากกว่า พอคิดแบบนี้ก็เลยรู้สึกเข้มแข็งขึ้นมาเลยล่ะค่ะ
ถ้าอย่างงั้นได้เตรียมตัวในเรื่องอะไรบ้าง
เพราะเป็นเรื่องที่ 2 ที่ได้แสดงในผลงานของผู้กำกับ “ทาคาฮิโระ มิกิ“ จากเรื่อง “Tomorrow I Will Date with Yesterday’s You” ในความคิดของผู้กำกับคือจะต้องเป็น “เด็กผู้หญิง” ที่มีความน่ารักมาก แต่ตัวฉันกับอิมเมจของฉันกลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงเลยล่ะค่ะ ทั้งในเรื่องของการจัดเตรียม ทั้งบทบาท ก็แตกต่างจากครั้งก่อน ครั้งนี้ก็รู้สึกกังวลกับบทอยู่มากเลยทีเดียวค่ะ แต่ยังไงก็ตาม การที่ได้ไปถ่ายทำที่เมืองซาเซโบ มันมีความหมายกับฉันมาก ที่นั่นทำให้ฉันเติบโตขึ้นและอยากจะรักษามันเอาไว้ ในเรื่องของความรู้สึกฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ
ที่จริงแล้วตอนที่ได้ลองไปเมืองซาเซโบ ก็สามารถรับมือกับบทนี้ได้แล้วใช่ไหม
เป็นเวลา 1เดือนครึ่ง ที่พวกเราทุกคนได้อยู่ด้วยกัน ได้กินของอร่อยๆ ของเมืองซาเซโบ ได้พูดคุยหลายเรื่อง ได้หัวเราะด้วยกัน อย่างตอนที่ไม่ได้ถ่ายทำก็จะไปดูดอกไม้ไฟบ้าง เล่น Uno บ้าง และก็ไปตกปลาด้วยกันบ้างค่ะ พวกเราวัยรุ่นที่จริงๆ แล้วไม่ได้เกิดที่เมืองซาเซโบนี้ แน่นอนว่าต้องมีเรื่องที่ลำบากอยู่บ้างเหมือนกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้งานสำเร็จก็คือ การเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกคนค่ะ
ฉันคิดว่าแต่ละคนทำผลงานออกมาได้เต็มที่จริงๆ อย่างเช่น “ฉากเล่นดนตรี“ เป็นหนึ่งในฉากที่ต้องทำยังไงถึงจะเล่นออกมาดูเท่ให้ได้ ต้องคอยฝึกฝน คอยถามทั้งจากผู้กำกับ ทั้งจากเหล่าทีมงานทุกคน ยิ่งไปกว่านั้นอยากแสดงให้เห็นถึงสเน่ห์ที่น่าสนใจตั้งแต่เริ่มเรื่อง นอกจากนี้ฉันอยากให้ทุกคนได้สนุกกับมันค่ะ มันเป็นทีมที่ดีจริงๆ ไม่มีใครที่ไม่เคยพูดคุยกันเลยค่ะ คิดว่าบรรยากาศเหล่านั้น จะส่งผลออกมาถึงตัวผลงานภาพยนตร์ด้วยค่ะ
ในบทเพื่อนร่วมชั้น “โคมัตสึซัง–จิเน็นซัง–นาคากาวะซัง” ตามจริงแล้วทั้ง 3 คนอายุต่างกันสินะ จริงๆ แล้วความสัมพันธ์เป็นยังไงกันบ้าง
ไทชิคุงที่อายุน้อยกว่า แต่ก็มีทั้งความสดใส ทั้งความเป็นผู้นำ ความขยันขันแข็งของเขาทำให้ฉันสงสัยว่า “อายุน้อยกว่าจริงเหรอ?” ส่วนทางด้านชี่จังแตกต่างกับที่ฉันจินตนาการไว้เลยล่ะค่ะ เขากลับพูดคุยกับทีมงานได้อย่างสบายๆ แถมยังดูสนุกกับบทที่ได้รับ ฉันเห็นแล้วก็รู้สึกประทับใจมาก ทั้งสองคนเวลาปกติต่างก็จะดูเฉยๆ แต่พอได้อยู่ด้วยกันแล้วดูสนุกมากจริงๆ พอถึงเวลาถ่ายจริงก็เหมือนได้เข้าไปอยู่โลกนั้นเลยล่ะค่ะ ช่วงเวลาที่อยู่ในกองถ่ายก็เลยผ่านไปด้วยดีค่ะ
สนิทกันตั้งแต่แรกเลยไหม
ไม่เลยค่ะ (ยิ้มเจื่อน) เพราะชี่จังกับไทชิคุง เคยมีประสบการณ์การทำงานร่วมกันมาแล้ว ก็เลยสนิทกันตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ตอนที่ฉันเจอทั้งสองคนครั้งแรกก็ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไร ค่อนข้างเข้าหาได้ยากก็เลยไม่รู้จะทำยังไงดี พอมองไปแล้วก็รู้สึกอิจฉาความรักของทั้งคู่ค่ะ (หัวเราะ)
ที่ทำให้สนิทกันได้คือ “ฉากทะเล” เพราะเป็นสถานการณ์ที่เรา 3 คนต้องเล่นสนุกด้วยกัน ในตอนนั้นคิดแล้วว่าระยะห่างเริ่มเปลี่ยนไป ระหว่างนั้นฉันคิดว่า ถ้าจะก้าวผ่านจุดนั้นมาได้ ต้องรู้สึกว่าฉันก็เป็นเด็กผู้ชายเหมือนกัน แต่ว่าสองคนก็เปิดใจยอมรับฉันอย่างอ่อนโยนค่ะ ก็เลยคิดว่า “มันก็ไม่ได้น่าอึดอัดขนาดนั้นนี่นา” ตั้งแต่นั้นมาก็เลยสนิทกันไปโดยปริยายเลยค่ะ
จริงๆ แล้วก็เหมือนกับริตสึโกะที่คอยเฝ้ามองมิตรภาพของทั้งสองคนสินะ
นั่นสินะคะ บรรยากาศและช่วงเวลาของทั้งสองคนนั้นไม่อยากให้หายไปเลยค่ะ เพราะอย่างงั้นก็เลยอยากที่จะคอยเอาใจช่วย อยากที่จะเฝ้ามองตลอดไปค่ะ
บทสัมภาษณ์จาก https://www.cinematoday.jp/interview/A0005916
#KidsOnTheSlope #เพลงแรกรักแรกจูบแรก วันนี้ ในโรงภาพยนตร์