แปลจากนิตยสารการ์ตูนรายเดือน Gekkan Flowers ฉบับเดือนเมษายน 2018 วางจำหน่ายวันที่ 2 มีนาคม 2018 (แปลและเรียบเรียงโดย: ซัทสึโกะ)
“จิเน็น ยูริ” (รับบท นิชิมิ คาโอรุ), “นาคากาวะ ไทชิ” (รับบท คาวาบุจิ เซ็นทาโร) และ “โคมัตสึ นานะ” (รับบท มุคาเอะ ริตสึโกะ) ทั้งสามนักแสดงที่ราวกับออกมาจากโลกในการ์ตูน! มีความสนิทสนมกันดี ได้มาบอกเล่าถึงเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้และเบื้องหลังการถ่ายทำ!!
สิ่งที่ต้องทำในการรับบทเป็น “คาโอรุ-เซ็นทาโร-ริตสึโกะ”
จิเน็น: เรื่องที่สำคัญที่สุด ยังไงก็เปียโนครับ เคยคิดว่าก่อนอื่นจะต้องจำวิธีเล่นเพลงให้ได้ก่อน แต่หลังจากนั้น พอคิดว่าจะเล่นเพลงด้วยอารมณ์ไหน แสดงอารมณ์ออกมายังไง ก็คำนึงถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจกับบทเพลงไปด้วยระหว่างที่เล่นเปียโนมากขึ้น
ไทชิ: เซ็นทาโรจะมีท่ายืน ท่าเดิน แล้วก็ท่าทางต่าง ๆ ในแบบของตัวเองอยู่ ตอนแรกก็คิดว่าจะแสดงออกมายังไงดีนะ แล้วก็รู้สึกว่าเขาเหมือนกอริลลาหน่อยๆ (หัวเราะ)
นานะ: เข้าใจเลย! วิธีการขยับแขนขาน่ะ!
จิเน็น: เสียงฝีเท้าก็ใช่เลย!! (หัวเราะ)
ไทชิ: ขนาดนั้นเลยเหรอ!? (หัวเราะ)
จิเน็น: ตอนที่เข้าฉากกับริตจังอยู่ก็จะรู้สึกได้ว่าตอนนี้เซ็นทาโรกำลังตามมาข้างหลังแล้วสินะ (หัวเราะ) รับรู้ได้ถึงพลังความแข็งแกร่งเลยล่ะ
นานะ: รู้สึกแบบ “มาละ! มาละ! มาละ!” (หัวเราะ)
ไทชิ: ฮ่าๆๆ คือพอลองเทียบเซ็นทาโรเป็นตัวอะไรสักอย่างก็นึกถึงกอริลลาขึ้นมา กอริลลาเป็นสัตว์ที่ละเอียดอ่อน ก็คิดว่าเหมือนเซ็นทาโรเลย ตอนแสดงก็นึกถึงเรื่องนี้อยู่ด้วย
จิเน็น: ส่วนคาโอรุเนี่ย ถ้าจะให้พูดว่าเป็นคนยังไงก็เป็น “พวกเก็บตัว” ล่ะนะ แต่ก็เป็นคนที่ได้รับพลังจากเซ็นทาโร ตอนถ่ายทำก็สนุกมากเลยกับการคิดว่าจะได้พลังแบบไหนจากการแสดงของไทชิบ้าง แล้วจะแสดงกลับยังไงดี
นานะ: แรก ๆ ฉันก็สงสัยว่าริตสึโกะเป็นคนแบบไหนกันนะ? ฉันคิดว่าเป็นคนซื่อๆ ที่มีบรรยากาศอบอุ่น มองคาโอรุกับเซ็นทาโรด้วยสายตาอ่อนโยนอยู่เสมอ พอถึงเวลาถ่ายทำจริง ๆ ได้มองคาโอรุกับเซ็นทาโรที่สนุกกับการเล่นดนตรีด้วยกันแล้วก็ประทับใจขึ้นมาจริงๆ จนยิ้มออกมาเองเลยล่ะ เฝ้ามองสองคนแล้วก็คิดว่า “อ่า (ริตสึโกะ) คงรู้สึกแบบนี้สินะ” จะบอกว่าเป็นการเล่นตามบทก็ไม่ใช่หรอก ฉันรู้สึกแบบนี้จริง ๆ ได้ทั้งสองคนช่วยไว้เยอะเลย
จิเน็น: พูดถึงริตจังแล้ว ฉากที่เราเล่นด้วยกันฉากแรก… ตอนที่ริตจังพูดว่า “มุคาเอะ ริตสึโกะค่ะ” เป็นฉากแรกของนานะจังด้วยสินะ คงเพราะแบบนั้นก็เลยตื่นเต้นเขินจนเหมือนจะลืมชื่อตัวละครที่ตัวเองเล่นไปเลยใช่ไหม?
นานะ: อะใช่ เป็นอย่างนั้นแหละ
จิเน็น: ฉันเอง ตอนนั้นเพิ่งเจอกันใหม่ ๆ ก็เลยไม่ทันได้รับมุกด้วยล่ะ (หัวเราะ) ปกติแล้ว เวลามาแนะนำตัวก่อนจะแสดงด้วยกันก็จะพูดชื่อจริงของตัวเองกันใช่ไหมล่ะ แต่นานะจังจู่ๆ ก็เดินมาแล้วก็หยุด หันไปมองทางอื่นแป๊บนึงแล้วก็พูดว่า “มุคาเอะ ริตสึโกะค่ะ”
ไทชิ: นึกไม่ออกเหรอ? นึกชื่อไม่ออกอะนะ!?
นานะ: อื้อ แบบ “เอ๊ะ ชื่ออะไรนะ?” (หัวเราะ)
จิเน็น: ตรงจุดนั้นก็น่ารักนะ (หัวเราะ)
ไทชิ: นานะจังมีปัญหากับสำเนียงซาเซโบะด้วยนี่เนอะ อย่างเช่นพูดคำว่า “よかったとに~ – โยคัตตะโตะนิ – ก็คงจะดี” ไม่ได้สักที
นานะ: ใช่ๆ จะพูดกี่รอบก็ไม่ได้สักที!
เป็นการแสดง? หรือว่าเป็นตัวตน? เสน่ห์จากตัวละครที่สัมผัสได้คือ
ไทชิ: ตอนที่เจอทั้ง 2 คนแต่งตัวเป็นตัวละครในกองถ่ายครั้งแรกก็รู้สึกว่า สำหรับริตจังเนี่ย ภาพตอนที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ร้าน Mukae Records นั่นคือริตจังจริงๆ อย่างกับหลุดมาจากในมังงะเลย คาโอรุก็คือคาโอรุชัดๆ เพราะแบบนี้ผมก็เลยเป็นเซ็นทาโรได้ล่ะ
นานะ: ไทชิคุงเป็นเซ็นทาโรแต่แรกแล้วนะ แบบ… “ถ้าเซ็นทาโรมีตัวตนจริงๆก็ คงประมาณนี้แหละ” เข้ากับทรงผมมากด้วย ไม่รู้สึกขัดตรงไหนเลย แถมยังเข้ากับเสื้อลายทางสุด ๆ
ไทชิ: ใส่ขึ้นเนอะ! (หัวเราะ)
นานะ: ชอบจนไปหาซื้อมาใส่เลยนี่!
ไทชิ: ใช่ๆ ไปซื้อที่ร้านขายเสื้อผ้าในซาเซโบะนั่นแหละ (หัวเราะ) แต่ลายเล็กกว่าหน่อยนึง
จิเน็น: กลายเป็นเซ็นทาโรตัวปลอมไปเลย (หัวเราะ)
นานะ: เซ็นทาโรบนจอก็งดงาม… เท่ด้วย รู้สึกว่าสามารถนั่งดูได้ไปตลอดเลยล่ะ ส่วนคาโอรุน่ะ ท่าทางตอนเคลื่อนไหวน่ารักนะ อย่างฉากที่สองคนคุยกันบนดาดฟ้า… เป็นคาโอรุที่มีทั้งความน่ารักและความจริงจัง พอเห็นทั้งสองคนก็อดยิ้มตามไม่ได้ รู้สึกได้เลยว่าสนิทกันจริงๆ เป็นความสัมพันธ์ที่ดีนะ ผู้ชมเองก็จะต้องดูแล้วคิดแน่ๆ ว่าอยากดูเรื่องราวของทั้ง 2 คนอีกจังเลย
ไทชิ: ถ้าไม่ใช่จิเน็นคุงก็คงจะเขินๆอยู่ ถ้าต้องแสดงกับนักแสดงที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็คงจะแสดงออกมาต่างไปจากนี้ เพราะว่าเคยร่วมงานกับจิเน็นคุงมาก่อนก็เลยรู้สึกสบายใจ ตอนฝึกเปียโนกับกลอง หรือตอนเข้าฉากด้วยกัน สามารถแสดงได้โดยที่รู้สึกวางใจและไม่ต้องเกรงใจ สนุกมากเลยล่ะ ทั้งๆ ที่จิเน็นคุงอายุมากกว่าตั้ง 5 ปีแท้ๆ
ไทชิ: ทุกคนชอบจิเน็นคุงนะ มีทั้งมุมที่น่าเอ็นดู ทั้งมุมที่คอยเป็นผู้นำดึงทุกคนไปข้างหน้า มีมุมพี่ใหญ่อย่างเช่นเวลาพาไปกินข้าว มุมแบบพี่ชาย มุมแบบน้องชายก็มี
จิเน็น: แปลกนะ (หัวเราะ) ทั้งที่นายเด็กกว่าแท้ๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่านายเด็กกว่าขนาดนั้น อย่างเวลาไปกินข้าวนายก็เป็นฝ่ายมาชวนฉันว่า “วันนี้ไปกินข้าวกัน!” ซะด้วยซ้ำ จริงๆ คนที่เป็นฝ่ายชวนออกไปข้างนอกคือไทชิมากกว่า
ไทชิ: ก็จิเน็นคุงเป็นพวกเก็บตัวนี่นา!
จิเน็น: นิสัยนี้เหมือนเซ็นทาโรเลย แต่ถึงอย่างนั้นนายก็มีความน่ารักในตัวด้วย ดีจังที่ไทชิมาเล่นบทนี้!
ไทชิ: ปกติก็เป็นงี้แหละมั้ง? แต่ไม่ถึงขนาดเซ็นทาโรนะ (หัวเราะ)
จิเน็น: ก่อนหน้านี้ ตอนที่ไปเล่นสโนว์บอร์ดด้วยกัน นายก็เป็นพวกดึงดันนะ ฉันเพิ่งเคยไปครั้งแรกยังเป็นมือใหม่อยู่เลยแท้ๆ แต่ไทชิก็พาขึ้นเขาไปซะสูงเลย
ไทชิ: อันนั้นขอโทษจริงๆ นะ สร้างความลำบากให้จิเน็นคุงเลย
จิเน็น: ลำบากจริงๆ นั่นแหละ (หัวเราะ) แต่จริงๆนะ ถ้าบทเซ็นทาโรเป็นคนอื่นเล่นก็คงจะไม่ใช่แบบนี้
ไทชิ: เพราะสามารถถ่ายทำโดยข้ามสเต็ปสร้างความคุ้นเคยต่างๆ ที่ต้องทำไปหลายขั้นเลย
จิเน็น: เพราะไว้วางใจกันได้ด้วยแหละเนอะ!
My Favourite! ฉากที่ประทับใจ!
จิเน็น: ตอนที่คาโอรุไปรอที่โบสถ์เพื่อจะชวนริตจังว่า “ไปอ่านหนังสือกันสองคนมั้ย?”
ไทชิ: อ๊ะ ฉากตอนที่จะไปทะเลใช่มั้ย?
จิเน็น: แล้วเซ็นทาโรก็โผล่มาแล้วลากตัวฉันไปเลย ทางนี้ยังไม่ทันตกลงเลยว่าจะไป (หัวเราะ)
ไทชิ: เข้าไปล็อกคอแล้วลากไปเลย ทำเหมือนมีแค่คออยู่ตรงนั้นแล้วก็คว้าไปเลย
นานะ: ทั้ง 2 คนเข้ากันได้ดีมากเลย (หัวเราะ) ดูเป็นธรรมชาติจนฉันนึกอิจฉาเลยล่ะ ในหนังเราก็จะได้เห็นว่าทั้’ 2 คนไว้ใจกันมากเลย พอดูหนังไปก็รู้สึกสบายใจ แล้วก็สองคนนี้ เวลาคุยกันตามปกติก็ตลกมากเลย เหมือนจะชวนกันเต้นตลอดเวลาเลยนี่? (หัวเราะ)
ไทชิ: ตอนช่วง Opening ของหนังก็ทำได้ดีจนขนลุกเลยล่ะ!
จิเน็น: อันนั้นเจ๋งมากเลยล่ะ!
ไทชิ: แล้วก็นะ จิเน็นคุงฝึกเปียโนด้วยวิธีมองแล้วจำจากครูสอนเปียโนทั้งหมดเลย!! เหมือนการจำท่าเต้นอะไรแบบนี้ใช่ไหมนะ? แถมยังจำได้ทั้งหมดด้วยสปีดอันรวดเร็ว เซนส์ดีสุดยอดไปเลย!
นานะ: อย่างฉากงานวัฒนธรรมก็ดีมากจนฉันคิดว่า “อยากให้ทุกคนได้ฟังสดๆ จังเลย!” ฉันได้เห็นทั้ง 2 คนซ้อมด้วยกันมาตั้งแต่แรกก็เลยเห็นพัฒนาการด้วยแล้วก็คิดว่า “สุดยอดเลย!” ทั้ง 2 คนเล่นดนตรีได้อย่างสนุกสนานมีชีวิตชีวาจริงๆนะ
ไทชิ: แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้วนะ
จิเน็น: ถ้ามาเล่นตอนนี้จะเป็นยังไงนะ
นานะ: เล่นได้สิ!
ไทชิ: ไม่ไหวอะ (หัวเราะ)
จิเน็น: หลังถ่ายทำจบก็ได้ซ้อมแค่ครั้งเดียวตอนที่หนังกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ซ้อมจริงจังอีกเลย
ไทชิ: ตอนไปกินข้าวด้วยกันก่อนหน้านี้ พอกินเสร็จก็ชวนกันไปเล่นดนตรีที่สตูดิโอหลังจากไม่ได้เล่นมานาน (หัวเราะ)
นานะ: แล้วยังจำเพลงได้ไหม?
จิเน็น: จำได้ จำได้!
ไทชิ: แต่ว่าพอไม่ได้เล่นกลองนาน คือสมองจำเพลงได้ก็จริง แต่ร่างกายไม่ขยับตาม
จิเน็น: ไว้เดี๋ยวตอนเจอกันช่วงโปรโมตหนังก็ไว้ไปสตูดิโอกันอีกนะ!
ไทชิ: อยากไป จะไปให้ได้เลย!!
“Kids on the Slope เพลงแรก รักแรก จูบแรก” เข้าฉาย 31 พฤษภาคมนี้