เตรียมพบกับที่สุดแห่ง “ปรากฏการณ์ฮังเกอร์เกมส์” นับถอยหลังสู่ “ปฐมบทเกมล่าเกม” การแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในแฟรนไชส์กับ “12 เกร็ดน่ารู้” ของ “The Hunger Games: The Ballad of Songbirds & Snakes”
1) นี่ไม่ใช่ภาคต่อแต่เป็นภาคต้น
ในภาคนี้ภาพยนตร์บอกต้นกำเนิดไม่ใช่แค่ของตัวละคร “คอริโอเลนัส สโนว์” แต่รวมไปถึง “อาณาจักรพาเน็ม” ที่มาของ “ฮังเกอร์เกมส์”
มันคือการย้อนเวลากลับไป 64 ปีจากไตรภาคหลัก ยุคหลังที่ “เมืองแคปิตอล” เผชิญผ่านสงครามมาและกำลังเข้าสู่ยุคฟื้นฟู
2) ได้ทีมงานจากไตรภาคแรกกลับมาสานต่อความยิ่งใหญ่
“ฟรานซิส ลอว์เรนซ์” กลับมากำกับภาพยนตร์ “The Hunger Games” อีกครั้ง หลังจากเคยกำกับภาค “Catching Fire” (2013)
และ “Mockingjay – Part 1-2” (2014-2015) นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังได้ “ไมเคิล อาร์นดต์” มือเขียนบท “Catching Fire”
ภาคที่ดีที่สุดของจักรวาลฮังเกอร์เกมส์กลับมาร่วมเขียนบทในภาคนี้อีกด้วย
3) ตัวแทนจากเขต 12 ที่คาแร็กเตอร์แตกต่างกัน
ตัวละคร “ลูซี เกรย์ แบร์ด” เป็นตัวละครที่มีบุคลิกตรงข้ามกับ “แคตนิสส์ เอเวอร์ดีน” อย่างชัดเจน
ลูซีเป็นนักแสดงที่ถูกบังคับให้สู้ ส่วนแคตนิสส์นั้นเป็นนักสู้ที่ถูกบังคับให้แสดง อีกอย่างคือลูซีจะมีมุมลึกลับ แต่แคตนิสส์จะเก็บทุกอย่างไว้ในใจ
4) จาก “โดนัลด์ ซัตเทอร์แลนด์” สู่ “ทอม บลายธ์” ความคล้ายที่ผู้กำกับการันตี
ผู้กำกับ “ฟรานซิส ลอว์เรนซ์” เผยถึงเหตุผลที่เลือก “ทอม บลายธ์” มารับบทเป็น “คอริโอเลนัส สโนว์” ตอนหนุ่ม
เพราะเขามีความคล้ายคลึงกับ “โดนัลด์ ซัตเทอร์แลนด์” ผู้รับบท “ประธานาธิบดีสโนว์” ในไตรภาคต้นฉบับ
5) เดินทางไปถ่ายทำถึง “โปแลนด์” และ “เยอรมนี”
ฮังเกอร์เกมส์ภาคนี้เดินทางไปถ่ายทำในสถานที่สำคัญอย่างอาคาร “Centennial Hall” มรดกโลกจากเมืองวรอตสวัฟ ประเทศโปแลนด์
และฉากห้องส่งถ่ายทำใน “Olympic Park” ที่เคยใช้จัดการแข่งขันฟันดาบในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปี 1936 ที่เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีเป็นเจ้าภาพ
6) การประชันฝีมือของสองนักแสดงระดับรางวัล
“ไวโอลา เดวิส” นักแสดงยอดฝีมือผู้ได้รับรางวัล “Triple Crown of Acting” รับบท “ดร.โวลัมเนีย กอล”
เกมเมกเกอร์สุดอำมหิตที่แฝงไปด้วยพิษสง ประชันฝีมือ “ปีเตอร์ ดิงเคลจ” นักแสดงผู้ฝากผลงานทั้งภาพยนตร์และซีรีส์
จนสร้างชื่อจากซีรีส์สุดยิ่งใหญ่ “Game of Thrones” (2011-2019) ในบท “ทีเรียน แลนนิสเตอร์” ซึ่งทำให้เขากวาดรางวัล
“Emmy Awards” ไปถึง 4 ครั้งด้วยกัน (สมทบชาย / ซีรีส์ดราม่า / 2011, 2015, 2018, 2019)
ในปฐมบทเกมล่าเกมนี้เขาจะมารับบท “คาสกา ไฮบอตทอม” บิดาแห่งเดอะฮังเกอร์เกมส์
7) นักแสดงดาวรุ่งสู่แฟรนไชส์ระดับโลก
“ฮันเตอร์ เชเฟอร์” สาวทรานส์นักเคลื่อนไหวผู้โลดแล่นทั้งในวงการภาพยนตร์และนางแบบจากซีรีส์วัยรุ่นมาแรงอย่าง
“Euphoria” (2019-2022) สู่บท “ไทกริส” ผู้บันดาลแฟชั่นที่จะดีไซน์เกมนี้ให้เจิดจรัส ญาติคนสนิทผู้อยู่เคียงข้างสโนว์
8) จุดเริ่มต้นของเพลง “The Hanging Tree”
บทเพลงอันไพเราะที่ “แคตนิสส์ เอเวอร์ดีน” ร้องนั้นมาจาก “ลูซี เกรย์ แบร์ด”
เธอเป็นคนแต่งและร้องเพลงนี้มาก่อนในภาคนี้ที่ะพาผู้ชมย้อนกลับไปถึงที่มาที่ไปของเพลงสำคัญเพลงนี้
9) “ดอกกุหลาบสีขาว” ตัวแทนของ “คอริโอเลนัส สโนว์”
“ดอกกุหลาบ” เป็นดอกไม้ประจำ “ตระกูลสโนว์” เขาใช้มันเพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ความยิ่งใหญ่
ไม่เพียงแค่นั้นกลิ่นของดอกกุหลาบยังเป็นตัวแทนของแม่ผู้ล่วงลับ ซึ่งในช่วงเวลาต่อมามันกลายเป็นตัวแทนความอำมหิตของสโนว์ด้วยเช่นกัน
10) จุดเปลี่ยนของ “คอริโอเลนัส สโนว์”
ในภาคนี้เป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็น “คอริโอเลนัส สโนว์” มีความรัก พร้อมกับจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขากลายเป็นทรราชที่ประชาชนแสนเกลียดชัง
11) ส่วนผสมสุดคอนทราสต์
ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายในภาคนี้เผยว่าลุคของ “ดร.โวลัมเนีย กอล“
คือส่วนผสมของ “วิลลี วองกา” ผู้เป็นนักวิทยาศาสตร์สติฟั่นเฟื่อง ผสมกับกลิ่นอายความน่ากลัวของ “ดร.แฟรงเกนสไตน์”
12) จาก “เบอร์ลิน” สู่ “แคปิตอล”
“อูลิ ฮานิช” ผู้ออกแบบงานสร้างของเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ “เมืองแคปิตอล”
จากเบอร์ลินยุคฟื้นฟูหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อปี 1945 ที่เต็มไปด้วยเครนและตึกที่กำลังก่อสร้าง
โดยหนังได้ถ่ายทำฉากในเมืองแคปิตอลเกือบทั้งหมดที่ “เบอร์ลิน”
เตรียมกระหึ่มความบันเทิงสุดมันส์ครั้งมโหฬารไปกับภาพยนตร์ที่ทุกคนรอคอย “The Hunger Games: The Ballad of Songbirds & Snakes เดอะ ฮังเกอร์เกมส์ ปฐมบทเกมล่าเกม” 15 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
