คุยกับ “เปิ้ล นาคร – เป้ นฤบดี” สองผู้สร้างปรากฏการณ์ “แกล้งเพราะรัก” กลับมาครั้งใหม่ให้เป้งกว่าเดิมกับ “ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง” ฉลอง 12 ปีด้วยการแกงครั้งใหญ่ทั้ง “น้องไอดอล” และ “พี่ไอคอน” ที่ท้าทายขั้นสุด!

ที่มาที่ไปของการกลับมา “แกล้งเพราะรัก” กันอีกครั้งในโปรเจกต์ “ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง”

เปิ้ล: สำหรับโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้มีชื่อว่า “ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง”  เริ่มต้นมาจากคุณ “เป้” (นฤบดี เวชกรรม – ผู้กำกับ) ก่อนเลย หลังจากที่เราห่างเหินจากการทำภาพยนตร์ร่วมกันมานานเกือบ 10 ปี และล่าสุดเป้ทำหนัง “Low Season สุขสันต์วันโสด” (2563) เขาก็ชวนเรามาเล่นหนังหน่อย ซึ่งเราก็ไม่ได้เล่นหนังนานแล้ว เพราะว่าไม่มีเวลา เป้เขาก็บอกไม่ว่างไม่เป็นไรมานั่งคุยกัน แล้วไปคุยกันที่เชียงใหม่ เราก็เทคิวว่าง ปรากฏว่าไปคุยกันจริงๆ เล่นหนังเป็นเรื่องรองเลย ก็ไปคุย ไปกิน ไปเล่น ไปอยู่ในบรรยากาศหนังที่เคยทำกันมาทั้งกับมาริโอ้ กับเป้เป็น 10 ปีที่ไม่ได้เจอแบบนี้ ปรากฏว่ามันสนุกดีนะ ตอนนั้นก็กลับมาคิดถึงหนังละ เออ…กลับมาทำหนังอีกทีมันก็สนุกดี

มันเหมือนเป็นบรรยากาศในรอบ 12 ปีหลังจากที่ให้กำเนิด “ห้าวเป้ง” มา ซึ่งตอนนั้นห้าวเป้งก็คลอดมาครั้งแรกด้วยฝีมือของเป้และพวกเราจนถึงทุกวันนี้ก็ครบ 12 ปีพอดี คือโปรเจกต์ใหม่นี้มันเริ่มมาจากทางเจ้าของ “BNK48” ติดต่อมาชวนพี่ไปเสริมประสบการณ์ให้น้องๆ ไอดอลรุ่นใหม่ แต่ไม่ใช่กลุ่ม BNK48 นะ เขาบอกตอนนี้มีอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจมากคือน้องสาวของ BNK48 นั่นคือ “CGM48” ซึ่งเราเองก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะทำอะไรสนุกๆ กัน เราก็บอกเขาไปเลยว่าถ้าให้เราทำ เราขอเทรนน้องๆ ในสไตล์ของเรานะ ซึ่งเขาก็ไม่ติดอะไร เพียงแต่น้องๆ กลุ่มนี้เขาเอาไปซุ่มเงียบอยู่ที่เชียงใหม่นะ เขาต้องการที่จะสร้างให้เป็นบุคลากรที่มีความสำคัญต่อจากวง BNK48 และต่อวงการเพลงไทยในอนาคต เราก็เลยคุยกับเป้เลย มองตากันสองคนแล้วแบบ เฮ้ย!ห้าวเป้งต้องกลับมาแล้วล่ะ นี่คือจุดเริ่มต้น และที่น่าสนใจยิ่งขึ้นคือพอห้าวเป้งมีอายุ 12 ขวบพอดี ความซนของเขาจะมากตามอายุเขารึเปล่าต้องติดตามกัน

 

ย้อนกลับไปที่ “ห้าวเป้ง” ในอดีตจนมาถึง “ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง” ในมุมของพี่ทั้งสองคนติดใจอะไรกับภาพยนตร์ในแนวแกงแกล้งกัน

เปิ้ลในเรื่องของภาพยนตร์ประเภทแกงกันนี่นะ ในสมัย “ห้าวเป้ง” ยังไม่มีคำว่า “แกง” ใช้คำว่า “แกล้ง” กัน ตอนนั้นเป้กับพี่ 2 คนก็เป็นคนที่เริ่มต้นเรื่องของห้าวเป้งมาตั้งแต่ต้น

เป้คือเวลาเราเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน มันรู้สึกตื่นเต้น แล้วมันก็ได้เห็นความจริงของเขา จริงๆ มันเป็นงานที่ทำยากนะ แต่มันรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ทำ คนเบื้องหลังเองก็สนุกในการที่จะไปทำ เพราะว่าอะดรีนาลีนมันจะหลั่งอยู่ตลอดเวลา มันเป็นสไตล์ของเราและเราก็เลยติดใจว่าเฮ้ย…ถ้าเราทำแบบนี้มันสนุก

เปิ้ลคือในสมัยเมื่อ 10 ปีก่อนการแกล้งคนส่วนมากพอแกล้งไปคนรู้สึก คนดูสนุก คนเล่นคนแกล้งก็สนุก แต่ไอ้คนถูกแกล้งก็อาจไม่รู้สึกสนุกตอนแรก แต่พอเฉลยมาแล้ว เขาจะมีความรู้สึกว่านี่แหละชีวิตกูต้องมีสีสันแบบนี้ นี่คือที่เกิดขึ้นเมื่อสมัย 12 ปีก่อน พอมาถึงวันนี้ปุ๊บมันก็เหมือนคนอยากจะดูความสดอยู่นะ ซึ่งภาพยนตร์แบบนี้ตอนนี้มันแทบจะไม่เหลือแล้ว อาจจะเพราะว่ามันมีประเด็นที่คนอาจจะชอบหรือไม่ชอบ สมัยก่อนคนไม่ชอบเขาก็อาจไม่ชอบแล้วก็บ่นกับเพื่อนๆ หรือครอบครัวในบ้าน ไม่รู้จะไปบ่นกับใคร แต่สมัยนี้พอไม่ชอบปุ๊บเขาก็สามารถบ่นออกสื่อของเขาเองได้ ก็เลยเป็นที่มาของคอมเมนต์ต่างๆ ซึ่งมันจะทำให้การแกล้งหรือการแกงกันต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยสัญชาตญาณของพวกเราที่เราทำเรื่องนี้มาทั้งชีวิต เรามีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกว่าเวลาเราแกล้งใคร ทำไมมันถึงมีผลบวกมากกว่าลบ คือเทคนิคเหล่านี้มันเป็นเทคนิคที่เรียนรู้กันยากอยู่นะว่าแกล้งกันแล้วทำไมพอเฉลยกันแล้วเขากลับดีใจวะ แต่กับบางคนแกล้งเขาไม่ต้องแรงหรอก แกล้งนิดเดียวแต่ทำไมถึงโกรธ โกรธแบบทั้งชาติไม่พูดด้วย สองอย่างนี้มันอยู่บนเส้นขนานกันมาก เพราะฉะนั้นแกล้งยังไงให้เขารัก กับแกล้งยังไงให้เขาเกลียด มันเป็นเรื่องที่เราต้องศึกษา เพราะฉะนั้นเราเมื่อศึกษามาแล้วว่าเฮ้ยแกล้งยังไง พอเฉลยแล้วคนถึงรัก คนดูรู้สึกมีความสุขด้วย นั่นคือวิถีที่เราทำมาจนมาถึง “ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง”

เป้มันมีคำบัญญัติอยู่คำหนึ่ง พี่เปิ้ลบอกกับทีมทุกคนเวลาที่จะไปทำอะไรเขา เราต้องรักเขาก่อน ซึ่งอันนี้มันเป็นจุดตั้งต้นนะ เกิดจากความรู้สึกที่ว่าถ้าคุณไม่รักเขา คุณทำแบบนี้ คุณรักเขาจริงเปล่า สมมติถ้าทำแบบนี้เขาจะรู้สึกยังไง เพราะฉะนั้นการแกงของเรามาจากความรักที่เรามีให้เขา

เปิ้ลอันนี้สำคัญมากเลย คือคนเราแกล้งเพราะเกลียดหรือแกล้งเพราะรัก แค่นั้นเอง ผลมันออกมาต่างกันมหาศาล

 

How-Peng-Ja-Ya-Gang-Nong-Still04

 

ห้าวเป้งกลับมาครั้งนี้ วางโจทย์ไว้อย่างไรบ้างสำหรับการแกงน้องๆ

เปิ้ลการกลับมาครั้งนี้มันไม่ได้ง่ายเลย 12 ปีที่เราแกงกันกับเพื่อนๆ ในวงการบันเทิง เพราะว่าเราค่อนข้างสนิทกับทุกๆ คนที่เราจะแกล้งนะ ไม่ว่าจะเป็น “มาริโอ้ เมาเร่อ, พี่เบิร์ด ธงไชย, พี่หม่ำ, พี่แอ๊ด คาราบาว” พี่ๆ ทั้งหลายสุดยอดของเมืองไทยมาจนทุกคนในวงการ แต่ก่อนมันง่ายเพราะว่าเราสนิทกับพี่น้องทุกคน แต่มาวันนี้โจทย์ของห้าวเป้งอายุ 12 ขวบเนี่ย มันเป็นการเสริมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับน้องๆ ในวิถีของห้าวเป้ง

เป้มันเป็นเทคนิควิธีการเล่าเรื่องในแบบที่เราต้องการเพื่อให้ได้ความเป็นธรรมชาติของเด็กจริงๆ แต่เราใช้ความถนัดที่เราเคยมี

เปิ้ลมันยากขึ้นกว่าเดิมมากเพราะมันไม่ใช่การแกล้งแบบเห็นชัดเจน มันกลายเป็นว่าเรากำลังมาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิตของเด็กๆ น้องๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มที่เขากำลังจะโตขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคต มันก็เลยทำให้เราต้องศึกษาพวกเขาเยอะขึ้นว่าน้องๆ “CGM48” เขามีธรรมชาติเป็นยังไง น้องเขาอายุแค่ 12-15 ปีประมาณนี้ ซึ่งอายุก็พอๆ กับห้าวเป้งที่มีอายุ 12 ปี เหมือนเพื่อนแกงเพื่อน เพราะฉะนั้นมันก็เลยต้องทำออกมาให้ละมุน ละเอียด น่ารัก เพราะว่ากลุ่มนี้การที่เราจะไปใกล้ชิดเขาได้ค่อนข้างจะยาก เพราะเขาเป็นเด็กผู้หญิงทั้งหมดด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะฉะนั้นการวางแผนการทำงานตรงนี้ โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย เก็บชีวิตของเขาตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มต้นที่จะก้าวเข้ามาสู่วงการนี้ เราก็ทำงานกันหนักมาก ทีมเป้เอง ทีมงานเองจะต้องไปฝังตัวอยู่ที่เชียงใหม่เป็นเวลาหลายเดือน ทำงานกัน 24 ชั่วโมงเลย ตื่นเช้ามาก็ต้องไปดูละว่าเขามีใครคัดตัวผ่านบ้าง พอเข้ามาแล้วหน้าตาเป็นไง พ่อแม่เป็นอย่างไร การศึกษาเป็นอย่างไร มีนิสัยเป็นอย่างไร รักอะไร ไม่ชอบอะไร พวกนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่การทำหนังธรรมดานะ

ถ้าการทำหนังธรรมดาคือเขียนบทเสร็จก็คัดช็อตมาแล้วก็เตรียมงานไปแยกถ่าย ทีมงานไปถ่ายตามบทที่เขียนมา แต่อันนี้เป็นหนังที่ไม่มีบท สำหรับการทำหนังปัจจุบัน ตอนนี้ระบบการทำหนังแบบนี้ไม่มีแล้ว ไม่มีใครชำนาญและกล้าเสี่ยงที่จะทำแบบนี้แล้ว นอกจากทีมของเป้เท่านั้นที่กล้าเสี่ยงและชำนาญที่สุดในประเทศไทย เพราะไม่งั้นคุณจะต้องมาเรียนรู้ใหม่ นี่เราใช้เวลาเป็นสิบปีในการที่จะเรียนรู้เรื่องพวกนี้

เป้ทีมงานก็เป็นทีมงานใหม่ด้วย ไม่ใช่ทีมงานเดิม ก็คือเรียนรู้ไปด้วยกัน

เปิ้ลมือไม้สั่นหมดต้องไปดูกัน อย่างซีนแกงน้าเน็กแล้วช้างตกใจกันทั้งโขลง เสียงเหมือนตกอยู่ในจูราสสิกพาร์ก เสียงเหมือนสัตว์ประหลาด แล้วเราก็แบบตายๆๆ ถ้าน้าเน็กโดนช้างเหยียบมาตายคาลำธารขึ้นมาเนี่ยมันจบเลยชีวิต แต่โชคดีที่ทีมเขามีประสบการณ์ เพราะฉะนั้นเขาจะมี Security มีการระวังซ้ายระวังขวาหน้าหลัง ซึ่งตรงนี้ต้องบอกก่อนเลยครับว่าคนที่ไม่ชำนาญห้ามไปทำเป็นเด็ดขาด เพราะว่าเขามองซ้ายมองขวามองหน้ามองหลังมองทะลุหมดละว่าเกิดช้างตื่นมาแบบนี้จะดึงน้าเน็กกลับมายังไง คือเล่นกับสัตว์-เด็ก-เอฟเฟกต์-สลิงต้องใช้มืออาชีพที่มีความชำนาญสูงที่สุดในปะเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรามีความพร้อมอยู่ เกิดใครดูเรื่องนี้แล้ว โอ๊ย…พี่เปิ้ลทำได้ เป้ทำได้ เราก็คงทำได้ อันนี้ขอร้องอย่าทำ เพราะต้องเป็นคนที่ชำนาญจริงๆ

 

บทบาทหน้าที่ในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้ แบ่งความรับผิดชอบกันอย่างไรบ้าง

เปิ้ลเราแบ่งหน้าที่กันชัดเจน พี่คือร่วมแสดงและเป็นผู้อำนวยการสร้างด้วย มีหน้าที่อำนวยความสะดวก เพราะฉะนั้นเป้อยากได้อะไร บอกมาว่าอยากได้อะไรๆ หน้าที่เราคือเราจะไม่ทำตัวเป็นฆาตกรความฝัน เพราะฉะนั้นทีมงานจะมีความฝันอยากให้โปรเจกต์นี้มันประสบความสำเร็จอย่างไร หน้าที่ของเราก็คือซัปพอร์ตเขาเพียงอย่างเดียว อยากได้อะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ก็จะต้องทำให้มันเป็นไปได้อย่างเดียวทุกเรื่อง นั่นคือหน้าที่ของเรา ส่วนหน้าที่ของเป้ก็คือเขาวาดมาแล้ว

เป้หน้าที่ของทีมในส่วนของทีมโปรดักชันก็คือดูแลตั้งแต่หาข้อมูลของน้องแล้วก็เริ่มต้นมาปรึกษา ซึ่งแชร์ไอเดียกันกับพี่เปิ้ลแล้วก็ทีมทั้งหมดว่าอะไร เหตุการณ์ไหนที่จะเป็นไปได้ และก็ต้องระดมทุกสิ่งเพื่อให้ได้ภาพน้องมากที่สุด เพราะน้อง 25 คน เราเตรียมทุกอย่างทั้งกล้อง โดรน ต่างๆ นานารวมถึงกล้องวงจรปิดทั้งหลาย เซตเต็มที่เพื่อให้ได้ภาพน้องมากที่สุด และเพื่อให้หนังมันออกมาสนุกที่สุด

 

How-Peng-Ja-Ya-Gang-Nong-Still03

 

การทำอะไรกับ “CMG48” มันไม่ง่ายเลย กระบวนการวางแผนแกงน้องๆ เป็นยังไงบ้าง

เป้: คือในการถ่ายทำมันก็ต้องเริ่มต้นตั้งแต่มีการตั้งทั้งทีมข้อมูลซึ่งต้องแทรกซึมเข้าไปในแก๊งของน้อง ทีมนี้มีหน้าที่ที่จะต้องเอาข้อมูลมา แล้วก็ทีมสารคดีซึ่งจะอยู่ถ่ายน้องตลอด 24 ชั่วโมง แล้วก็ต้องมีอีกทีมหนึ่งที่เป็นคนดึงน้องออกมาเข้าเซตต่างๆ ตามแผนของเรา

 

หลังจากได้รับโจทย์มา อะไรคือความตั้งใจแรกของ “ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง”

เป้เราตั้งใจจะเล่าความฝันของเด็กกลุ่มหนึ่งซึ่งเราไม่รู้จักเลย โนเนมมาก เราจะรู้จักแต่ “BNK48” เราเห็นเขาละว่าเขามีแฟนคลับขนาดไหน มีคนสนใจขนาดไหน แต่เด็กกลุ่มนี้คือวงน้องของ BNK48 เป็นเด็กใสๆ เลย ออกมาจากอกพ่อแม่มาอยู่หอร่วมกัน บางคนเพิ่งย้ายโรงเรียน บางคนต้องทิ้งในสิ่งที่ตัวเองเคยชิน ทั้งเพื่อนต่างๆ นานาต้องทิ้งมาหมดเพื่อให้มาอยู่หอร่วมกัน และใช้เวลาอยู่ร่วมกันหลายปีในการที่จะเป็นไอดอล เราก็แค่เล่าความฝันของเขาว่าถ้าเขาจะไปถึง ณ จุดตรงนั้น ถ้ามีพี่ๆ ในวงการตัวเป้งๆ เข้าไปทดสอบด้วยแบบฝึกหัดต่างๆ เป็นการเสริมสร้างประสบการณ์อีกรูปแบบให้น้องๆ ดูซิว่าน้องๆ จะสามารถไปต่อกับความฝันของเขาได้มั้ย

 

คัดเลือกพี่ๆ ตัวเป้งที่มาร่วมเทรนน้องๆ จากอะไร

เปิ้ลคือประเด็นหลักในการที่เราจะให้บททดสอบประสบการณ์ชีวิตกับน้องๆ ในการที่จะก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ได้ เราต้องหาคนที่ The Best ดีที่สุดในแต่ละสาขา คนนี้เบอร์ 1 ของนักแสดง คนนี้เบอร์ 1 ของนักร้อง เบอร์ 1 ของนักพูด เบอร์ 1 ของพิธีกร เพราะฉะนั้นในโจทย์ต้องหาเบอร์1 มาเพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับน้องๆ เขาได้ กลายเป็นว่าการดีลเรื่องคิวเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะได้เอาคิวเขามา โดยเฉพาะมาเล่นหนังสไตล์แบบนี้ด้วย แต่ละคนจะค่อนข้างละเอียดกับการทำงานที่เป็นมืออาชีพ เราก็หาใครดีวะที่พอที่จะเข้าใจในรูปแบบการทำงานของเรา ปรากฏว่ายังมีนะคนที่เข้าใจในวิธีการทำงานของเราอยู่ เราก็เลือกเลย ถ้าเบอร์ 1 ของฮิปฮอปของแร็ปเปอร์ในเมืองไทยตอนนี้คือ “ยังโอม” ซึ่งแก๊งเค้าตอนนี้คือ “ฟิกส์, ยังกู, ไดมอนด์” คือกลุ่มนี้เป็นเด็กหัวใหม่ที่ฉลาด ฝีมือดีเขียนเพลงดี แต่งเพลงด้วยตัวเองทั้งหมด มีแพชชันทุกอย่างพร้อมมาก แล้วโชคดีที่เขาเข้าใจในวิถีการทำงานของเรา เรื่องนี้เราก็เลยได้เขา คือเขาตอบรับมาโดยไม่ขัดอะไรเลย ได้ครับพี่เปิ้ล เฮ้ย…เป็นอย่างนี้เหรอ เฮ้ย…มันส์ว่ะ เจ๋งว่ะ ไม่มีคำถามอะไรอย่างอื่น นอกจากอารมณ์ของความมันส์ แต่ในระหว่างที่ทำงานเขาสงสัยมาตลอดว่าพี่เปิ้ลจะแกล้งพวกเขารึเปล่า คือเขายังโตทันสมัยที่เรายังแกล้งคนเล่นอยู่ ทำงานแกล้งอยู่ เขาก็เลยเข้าใจ

เป้: ถ้าพูดถึงเรื่องของพิธีกรเบอร์ 1 “กันต์ กันตถาวร” ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่าเขาคือเบอร์ 1 เพราะฉะนั้นเนี่ยในความเป็นเบอร์ 1 ของเขา โคตรเรื่องมาก จู้จี้ จุกจิก แล้วก็เนี้ยบมากในเรื่องของการทำงาน โดยเฉพาะการที่เขาเป็นเบอร์ 1 ได้เพราะว่าการทำงานที่ละเอียดของเขามาก ทุกอย่างต้องมีขั้นมีตอน เขาต้องรู้หมดทุกอย่าง พอต้องรู้หมดทุกอย่างก็ยากละในการทำงานในแบบของเราก็คือเขาไม่รับงาน

เปิ้ลเราก็เลยเข้าทางแฟนเขาเลยก็คือคุณพลอย เพราะว่าเข้าตรงๆ ไม่ได้แน่ ผู้ชายคนนี้การทำงานคือเป๊ะมาก รู้จักกัน สนิทกัน เพราะฉะนั้นมีทางเดียวคือเข้าทางพลอย ซึ่งพอเล่าให้พลอยฟังปุ๊บ พลอยบอกเอาๆ พี่ เอาด้วยสนุก ก็วางแผนกันไป ก็เลยเป็นที่มาที่ได้ตัวกันต์มาเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับน้องๆ เขา

เป้: ในส่วนของกันต์ เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าจะต้องมาร่วมขบวนการของเรา เขาแค่รู้ว่าเขารับงานมาเป็นแค่พิธีกรในงานอีเวนต์หนึ่งร่วมกับเด็กๆ ทีม “CGM48” เขาจะรู้แค่นี้ ซึ่งลองนึกภาพดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขามาแล้วมาเจอทีมงานที่ไม่เป็นเลย ทีมงานที่มีแต่ข้อผิดพลาด มีแต่เรื่องแบบเฮ้ย…ไม่ใช่ แล้วน้องก็ได้สคริปต์มาก็อ่านไม่ได้ เพราะฉะนั้นกันต์ที่เป็นแบบพิธีกรรายการสดที่ดีที่สุดในประเทศ และถ้าต้องเจออะไรที่ต้องแก้ปัญหาสดๆ กันต์จะทำอย่างไร

เปิ้ล: คือกันต์เขาเป็นคนที่ต้องทำงานเป๊ะๆ แต่เกิดอะไรขึ้นเมื่อเจอทีมงานที่ทำงานแบบห่วยๆ ทีนี้มาถึง “แจ็ค แฟนฉัน” เป็นน้องที่สนิทมากๆ แกล้งทีไรก็อร่อยทุกครั้ง มาวันหนึ่งเราต้องหาคนที่ฮอตที่สุด ณ ตอนนั้นก็คือ “แน็ก ชาลี” (แน็ก แฟนฉัน) แต่ไม่มีเบอร์ก็เลยโทรหาแจ็ค แต่แน็กเขาไม่ว่าง แล้วเป้ก็บอกว่าทำไมเราไม่เอาแจ็คล่ะในเมื่อน้องพร้อม เราเลยก็ต้องยอมซะหน่อย ก็เลยชวนแจ็คไปเชียงใหม่กับพี่นะ เราจึงได้แจ็คมาร่วมขบวนเป็นพี่เป้งไปด้วยกับหนังเรื่องนี้ ซึ่งแจ็คเป็นน้องที่น่ารักมาก เขากลายเป็นอันดับ 1 ไปแล้ว ถ้าเรามองกลับไปไทม์ไลน์ชีวิตของแจ็ค เราจะรู้เลยว่าแจ็คแฟนฉันคืออันดับ 1 ของประเทศไทยในเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างไรให้อยู่ในสิ่งที่ตัวเองรักไปได้ตลอดชีวิต นี่คือสิ่งที่เป้มอง หลังจากนั้นเราก็มาคิดต่อว่าให้แจ็คมาสอนเด็ก “CGM48” ว่าทำยังไงให้อยู่วงการนี้ได้ เพราะการทำธุรกิจ ทำวง ทำอะไรก็แล้วแต่ ทำให้เจริญ ทำให้ดัง ให้รุ่ง มันไม่ยาก แต่ทำให้มันลอยอยู่บนฟ้าได้นานๆ เหมือนพลุทำได้ยังไง มีแจ็คนี่แหละที่ทำได้ เพราะฉะนั้นแจ็คคือเบอร์1 ที่เราภูมิใจมากว่าเขาจะต้องมีของเอาไปให้กับน้องๆได้เรียนรู้ได้ศึกษาแน่นอน

เปิ้ล: คนต่อมาก็คือ “น้าเน็ก” อันนี้ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจนะ เพราะน้าเน็กเขาอยู่สื่อออฟไลน์มาตลอดชีวิต จนกระทั่งมาวันหนึ่งมันมีการเปลี่ยนแปลงโลกของสื่อ จากออฟไลน์มาเป็นออนไลน์แบบกะทันหัน คนที่ปรับตัวได้เร็วมากๆ มันมีไม่กี่คนในวงการ น้าเน็กคือหนึ่งในนั้นที่สามารถประสบความสำเร็จทั้งในออฟไลน์และออนไลน์แบบที่หาคนเทียบลำบากมาก เขาคือเบอร์ 1 ของเจนพวกเรายุค 80-90 อะไรคือ Key Success ของเขา พอเราชวนเขาก็พร้อมที่จะร่วมไปกับเรา นี่คือความเป็นเพื่อน นี่คือสิ่งที่ทำให้เขาอยู่ในวงการได้ยาว แล้วเขาสามารถ Disrupt ตัวเองได้ในทุกๆ ที่ด้วยการให้ของเขา เขาถึงคลอดรายการออกมาที่ชื่อว่า “อย่าหาว่าน้าสอน” นี่คือการให้สังคมด้วยธรรมชาติที่แท้จริงของเขา นั่นก็ต้องเป็นน้าเน็กแล้วที่จะมอบสิ่งดีๆ เหล่านี้ สิ่งที่ดีที่สุดให้กับน้องกลุ่ม “CGM48” ของเราในภาพยนตร์เรื่องนี้

แล้วก็ยังมีอีกหลายๆ คนที่เรารักและเป็นพี่น้องกัน ทันทีที่โทรปุ๊บเขาก็มาปั๊บเลย โดยที่ไม่ต้องลังเล ไม่ต้องมีเหตุผล ไม่ต้องอธิบายอะไรเยอะ แค่เรารู้สึกรักกัน แค่เขาคิดถึงเรา เราคิดถึงเขา สุดท้ายก็ได้มาร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่องนี้ เดี๋ยวต้องเข้าไปดูว่ามีใครบ้าง

 

How-Peng-Ja-Ya-Gang-Nong-Still05

 

อย่างตอนไปทาบทามพวกพี่เป้งๆ เขามีเอะใจอะไรบ้างมั้ยว่าจะโดนพี่เป้-พี่เปิ้ลเอามาแกงด้วยหรือเปล่า

เปิ้ลส่วนมากทั้งหมดก็ไม่รู้ แต่ทุกคนก็ตะหงิดๆ กับชีวิตเขาอยู่แล้วล่ะ ทันทีพี่กับเป้โทรไป

เป้คือระแวงหลังกันอยู่

 

รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้กลับมาทำงานถนัดกับเพื่อนที่รู้ใจในโปรเจกต์นี้

เปิ้ลเราทำงานร่วมกันกับเป้ก็ 10 กว่าปีแล้วในสายของ “ห้าวเป้ง” ในวิถีของการแคนดิด แล้วก็เพิ่งมาแยกกันทำงานก็เกือบ 10 ปีเหมือนกัน แล้วพอกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งก็เหมือนตัวเองกลับไปเป็นวัยรุ่นเหมือนเดิม มันแบบเฮ้ย…กูได้กลับมาทำ เหมือนย้อนอดีตย้อนเวลากลับไปตรงนั้น พอมาถึงตรงนี้ปุ๊บ เออ…มันสนุกดีนะ การทำงานเหมือนเล่นบอล พอมาวันนี้เรารู้แล้วว่าตำแหน่งของเขาคืออะไร เราก็จะไม่วิ่งไปแย่งลูกเขา เขาก็จะไม่วิ่งมาแย่งลูก เรามีหน้าที่คือเตะบอลส่งกันไปส่งกันมา แล้วคอยยิงๆ ในตำแหน่งของตัวเองแค่นั้นเอง ซึ่งกลายเป็นว่ามันสมูทมากแล้วก็มากขึ้นกว่าเดิมด้วย อาจจะเป็นเพราะว่าเราโตขึ้นมั้ง มันกลายเป็นการทำงานที่ไม่เข้าไปเล่นบอลที่มันปนกันไปปนกันมา มันก็เลยเป็นการทำงานที่ค่อนข้างสมูท ปัญหาน้อยมากเลยเรื่องนี้

เป้: คือปกติเวลาเราทำงาน เราเหมือนคิดว่ามันเป็นการเล่นก่อน คือสนุกกับมันก่อน พอคิดโปรเจกต์เรื่องนี้ขึ้นมาก็เหมือนว่า เปิ้ลวันนี้เราจะไปเตะบอล ไปมั้ย ไม่ได้ไปเตะบอลนานแล้วนะ อารมณ์นั้นแหละ อารมณ์ชวนเพื่อนมาเล่น เพราะถ้าจะทำหนังแบบนี้มันจะต้องเป็นคนที่เข้าใจกันและเข้าขากัน เหมือนเปิ้ลเวลาคิดอะไร เปิ้ลจะคิดแบบค่อนข้างที่จะเป็นก้อนใหญ่ไว้ก่อน เราก็ต้องลองเดินไปก่อนว่าไปทางนี้โอเคมั้ย เวลาติดอะไรก็ค่อยมาคุยกัน ถ้าอันนี้ไม่ได้ เปิ้ลก็เติมเข้ามา มันก็แชร์กัน มันก็สนุก มันเหมือนไปสนุกด้วยกันมากกว่า

 

How-Peng-Ja-Ya-Gang-Nong-TR-Cap02

How-Peng-Ja-Ya-Gang-Nong-TR-Cap05

How-Peng-Ja-Ya-Gang-Nong-TR-Cap04

 

การแกงไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง “CGM48” ในครั้งใหม่นี้มีความแตกต่างกันอย่างไรเมื่อ 12 ปีก่อน

เปิ้ล: คือการกลับมาครั้งนี้มันก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้วล่ะ เรารู้แต่ว่าจากห้าวเป้งเมื่อ 12 ปีก่อน ตอนนี้เขาก็โตเป็นเด็กชายซนๆ คนหนึ่ง เพราะฉะนั้นวิธีคิด อายุ อารมณ์ ความสามารถในการแกงกันของเขาหรือความสามารถในการที่จะเซอร์ไพรส์คน มันน่าจะโตตามวัย ก็ต้องไปลองดูกัน สำหรับคนที่อยู่ในยุคนั้น เคยดูอยู่แล้ว ก็อย่าเอามาเปรียบเทียบกัน เพราะมันเป็นอารมณ์ของคนยุคนี้กับน้องที่น่ารักของเราที่มีชื่อว่า “CGM48” สำหรับน้องสาวที่พี่จะมามอบประสบการณ์ใหม่ในสไตล์ที่พี่ถนัด ก็ถือซะว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ในแนวทางของพวกเราละกัน แต่รับรองว่ามันจะเป็นความรู้สึกที่ใหม่แล้วก็น่ารัก แล้วก็สนุก แล้วก็ซนกว่าเดิมแน่ๆ เพราะว่าคนที่มาร่วมกับเรา แต่ละคนเนี่ยก็สุดของสุดแห่งปีจริงๆ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องดูเรื่องนี้นะ “ห้าวแป้งจ๋า อย่าแกงน้อง”

เป้: ในรอบ 12 ปีจากที่เคยทำหนังเรียลิตีซึ่งมันก็เป็น 12 ปีที่ยังยากเหมือนเดิม แล้วก็ยังสนุกกับพี่ๆ ที่เข้ามาร่วมสนุกกับเราเหมือนเดิม ถ้าเราได้ดูก็จะได้เห็นความสนุกของพี่ๆ ที่สำคัญคือเราจะได้เห็นธรรมชาติของน้องๆ วง “CMG48” ที่หาซื้อกันไม่ได้ บทก็เขียนกันไม่ได้ นั่นล่ะที่ทุกคนจะได้เห็น

เปิ้ล: หนังที่ไม่มีบทเลย มันยากสำหรับทีมงานนะ แต่มันสนุกมากสำหรับคนดู บอกเลย เพราะว่าทั้งหมดมันคือธรรมชาติ อะไรก็ไม่อร่อยเท่ากับธรรมชาติ มันคือ ออร์แกนิกมูฟวี

เป้: มันคือธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง ไม่มีสารสังเคราะห์ ไม่มีสารเคมี เพราะเวลามีบทมีอะไรทั้งหลายแหล่ มันต้องคิด ต้องมีข้อมูล ต้องเอามาปรุงอะไรต่างๆ เหมือนเคมีสูตรผสมผสาน แต่อันนี้ปล่อยให้มันโตแบบธรรมชาติไปเรื่อยๆ วันนี้เด็กมีอารมณ์แบบนี้ เราก็ต้องเปลี่ยนบทใหม่ เด็กมีอารมณ์กำลังกลัวผี กำลังเชื่อไสยศาสตร์ กำลังเชื่อในเรื่องของการต้องซ้อมหนัก กำลังแฮปปี้ กำลังดาวน์ กำลังขึ้น เราต้องเปลี่ยนไปตามธรรมชาติของเขาหมด เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไง เขาก็ไม่รู้ว่าเราจะทำอย่างไร ต่างคนต่างไม่รู้ ไปอยู่ต่อหน้าแอบมองซึ่งกันและกัน แล้วหนังก็ถูกถ่ายไปแบบตามความเป็นจริงนั้นๆ ใช้วิธีการวางแผนเอาอย่างเดียวเลย

 

สำหรับคนที่เป็นแฟนๆของ “CGM48” หรือ “ห้าวเป้ง” จะได้เห็นอะไรใน “ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง” เรื่องนี้

เปิ้ลนี่คือเสน่ห์ที่หาซื้อไม่ได้จริงๆ นะ เพราะว่าเราได้สัมผัสน้องๆ เขาตั้งแต่เขาได้มาสมัครวันแรกเลย พ่อแม่จูงมือกันเข้ามาจนกระทั่งเขาสอบผ่าน มันมีการคัดตัว บางคนคัดไม่ผ่านก็ร้องไห้ไป บางคนคัดผ่านก็ร้องไห้อยู่ดี เพราะดีใจ มันมีทั้งเสียใจและดีใจ จนกระทั่งตัวเองได้เข้ามาอยู่ในการฝึก ในการหล่อหลอมเพื่อที่จะโตขึ้นมาเป็นมืออาชีพ ตรงนี้เราได้เห็นพัฒนาการของเขาทุกอย่างเลย เห็นหมดว่าเขาเติบโตขึ้นมายังไง จนกระทั่งภาพถ่ายวันแรกกับภาพวันที่หนังจบในช่วงเวลาปีกว่าๆ เขาเปลี่ยนเยอะมากนะ หน้าตานี้เปลี่ยนตั้งแต่ดวงตาเขาไปจนถึงทักษะของเขา ตั้งแต่ไม่เป็นจนฝึกมาแล้ว มันมีพัฒนาการแบบนี้จริงๆ คุณจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้นะ ภูมิใจได้เลยว่าเราได้เก็บสิ่งเหล่านี้มาให้พวกคุณได้ชมกันแล้วได้ดูกันแล้ว ทุกคนเยี่ยมยอดสุดยอดมาก

เป้ใน “CGM48” ที่เราทำเราจะได้เห็นน้องๆ ตั้งแต่เริ่มออกมาจากบ้านเลยมาอยู่หอ เห็นหน้าใสๆ แววตายังหลงๆ ว่าจะมาอยู่หอที่นี่จริงๆ เหรอ บางคนดีใจนะที่ได้มาอยู่หอ บางคนว้าเหว่คิดถึงบ้าน คือเราจะได้เห็นตั้งแต่เริ่มจนผ่านไป 1 ปีมาถึงช่วงที่เราไปทดสอบ ไปฝึกเทรนน้องๆ โดยพี่ๆ ทีมห้าวเป้งที่เป็นที่ 1 ในทุกวงการตลอดสัปดาห์ จนสุดท้ายได้ขึ้นเวทีและเริ่มเป็นที่รู้จัก มีแฟนคลับที่ชื่นชอบ เราจะได้เห็นพฤติกรรมนี้ไปพร้อมๆ กันกับการก้าวเข้ามาเป็นไอดอลจริงๆ ของ CGM48 เราใช้เวลาอยู่กับโปรเจกต์นี้ 1 ปี 3 เดือนซึ่งไม่ง่ายเลย

 

How-Peng-Ja-Ya-Gang-Nong-Still06

 

อยากพูดอะไรถึงพี่ๆ ตัวเป้งๆ ในเรื่องนี้กันบ้าง

เปิ้ล: ก็นอกจากที่จะได้เห็นว่าน้องๆ “CGM48” ได้รับบทเรียนประสบการณ์ใหม่ในสไตล์ของพวกเราแล้วว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะได้เห็นพี่ๆ แต่ละคนซึ่งเป็นระดับมือโปรมือ 1 ของเมืองไทยเข้ามาในวังวนของห้าวเป้ง และในเมื่อเขาเข้ามาแล้วก็จะต้องไม่กลับบ้านมือเปล่า เขาก็จะได้รับประสบการณ์อย่างที่คนในประเทศไทยยังไม่เคยเห็นมาก่อนว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับ “กันต์, น้าเน็ก, แจ็ค ฯลฯ” แต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง ก็ต้องไปดูกัน

 

สุดท้ายในฐานะผู้อยู่เบื้องหลัง ผู้ก่อตั้งการแกงระดับห้าวเป้งนี้ อยากบอกอะไรกับเหล่าคนดังทั่วฟ้าเมืองไทยที่เคยโดนแกงมาแล้วบ้าง

เปิ้ล: ทุกวันเราก็รู้ตัวอยู่แล้วล่ะว่าชีวิตคงแก่อย่างไม่สงบอย่างแน่นอน เพราะโดนหมายหัวไว้เยอะ ทั้งจากเพื่อนๆ ทั้งหน่วยงานราชการ และทุกหน่วยงานของประเทศไทย

เป้พวกเด็กรุ่นใหม่เองก็อยากจะดึงเข้ามามากๆ

เปิ้ลจริงๆ ยูทูบเบอร์ทั้งหลายที่จ่อคิวกับผู้จัดการว่าเมื่อไหร่พี่เปิ้ลจะว่าง ขอแกล้งพี่เปิ้ลได้มั้ย พี่เปิ้ลก็รอ รออยู่นะ และก็รอตัวเองให้แข็งแรงไว้เพื่อให้น้องๆ ได้แกล้งคืนกัน พี่พยายามสร้างตัวเองให้ไม่เจ็บไม่ป่วยเดี๋ยวน้องจะแกล้งไม่ได้ ก็รออยู่  ส่วนน้องคนไหนยังไม่โดนพี่แกงก็เตรียมตัวไว้ละกัน เพราะยังไงสีสันในชีวิตของน้องขาดพี่ไม่ได้ทุกคนล่ะครับ

 

ตัวอย่างภาพยนตร์: https://youtu.be/xQ4rb0lh66A 

 

How-Peng-Ja-Ya-Gang-Nong-Theme-Poster

ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง (God Bless the Trainees Too!)

ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง (God Bless the Trainees Too!)

เรื่อง “แกง” ขอให้บอก เรื่อง “หลอก” ต้องพวกเขา!!!   ภารกิจเทรนไอดอล “CGM48” ทั้ง...

รายละเอียดภาพยนตร์

Featured News