จากเค้าโครงเรื่องจริงสู่ภาพยนตร์ขวัญใจคอหนัง “Green Book” การันตีด้วยรางวัลใหญ่มาแล้วมากมายถึง 9 รางวัล จาก 9 เวทีใหญ่ทั่วโลก พร้อมรางวัล “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม” จากเวที “National Board of Review 2018” (สมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งอเมริกา) ก็ตกเป็นของ “วิกโก มอร์เทนเซน” มาหมาดๆ ล่าสุดได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “Satellite Awards 2018” ถึง 5 สาขาได้แก่ “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” (คอเมดี้/มิวสิคัล), “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม” (คอเมดี้/มิวสิคัล), “นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม” (คอเมดี้/มิวสิคัล), “ผู้กำกับยอดเยี่ยม” และ “บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม”
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “Green Book” จากผู้กำกับ “ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี” ที่บอกเล่าเรื่องราวของสองคู่หูต่างขั้วอย่าง “วิกโก มอร์เทนเซน” รับบทเป็น “โทนี ลิป” คนขับรถชาวอิตาเลียนอดีตขาใหญ่การ์ดเฝ้าผับ และ “มาเฮอร์ชาลา อาลี” รับบทเป็น “ดร.ดอน เชอร์ลีย์” ศิลปินนักเปียโนผิวสีระดับโลก ผู้มีความสุภาพ แต่งตัวดี การศึกษาสูง ที่จับผลัดจับผลูตระเวนเดินทางไปทั่วตอนใต้ของอเมริกาด้วยกัน แต่การเดินทางในยุค 60’s ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเหยียดสีผิวอย่างรุนแรง และอาจมีอันตรายรออยู่ทุกเมื่อ โดยวิกโกได้กล่าวถึงการรับบทโทนีว่า
“คุณต้องมองตัวละครพวกนี้ว่าเป็นคนจริงๆ ผ่านเหตุการณ์จริง ทั้งช่วงเวลา รายละเอียด ปมดราม่าในเรื่อง ทุกอย่างเตรียมมาดีมาก มันมีอารมณ์ขันซึ่งมาจากสถานการณ์ และความต่างขั้วกันของตัวละคร มีความสมจริงที่จะทำให้คุณเชื่อสนิทใจเลยทีเดียว โทนีอาจไม่ได้ฉลาดเท่าดร.เชอร์ลีย์ แต่เขามีสัญชาตญาณเฉียบคม มีความเป็นนักเลง โทนีจ้อไม่หยุดในรถ สูบบุหรี่ กินไม่หยุด ชอบถามเรื่องส่วนตัว ปกติคนขับรถของดร.เชอร์ลีย์มักจะสุภาพ พูดเมื่อถูกถามเท่านั้น คุณจะเห็นมุมมองของทั้งคู่ตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง”
ด้านของมาเฮอร์ชาลาผู้รับบทดร.ดอน ก็ชื่นชอบความท้าทายที่จะได้เล่นเป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครโดยเขาได้กล่าวว่า
“สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งในตัวดอนที่สุดคือความซับซ้อน เขาต้องรับมือกับปัญหาหลายเรื่องในขณะเดียวกันเขาซ่อนความสามารถอันสุดยอดอยู่ข้างใน บทนี้มีอะไรให้ผมได้ลองเล่นเยอะมากๆ เขาเรียนมาสูง เขาใช้ชีวิตและฝึกเปียโนในรัสเซียและลอนดอน แต่เพราะเขาเป็นแอฟริกันอเมริกัน เขาเลยดูไม่เหมือนคนที่จะได้รับการยอมรับในโลกนักดนตรีคลาสสิก แถมเขาไม่อยากเล่นเพลงตามกระแสที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ดนตรีคนดำ’ ในยุคนั้นอีกด้วย กับโทนีพวกเขาเรียนรู้ที่ยอมรับในตัวกันและกัน พวกเขาตระหนักได้ว่ากำลังเดินทางไปด้วยกัน อาจจะเป็นในฐานะเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน มิตรภาพของทั้งสองที่ก่อตัวขึ้นมันงดงาม”
ความสมดุลระหว่างอารมณ์ขันและ ดราม่าบีบคั้นคือสิ่งที่ทำให้ “Green Book” โดดเด่นอย่างทรงพลัง ตลอดเส้นทางก่อให้เกิดมิตรภาพและเสียงหัวเราะท่ามกลางอุปสรรคระหว่างที่พวกเขาต้องข้ามผ่านพรมแดนแห่งสีผิว แฟนภาพยนตร์เมืองไทยเตรียมพิสูจน์ความยอดเยี่ยมที่กำลังดังไปทั่วโลกต้อนรับปีใหม่ 27 ธันวาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 20.00 น.เป็นต้นไป ในโรงภาพยนตร์
https://youtu.be/egWGxaDQSJ4