“Green Book” เจ้าของ 3 รางวัลออสการ์ 2019 ทั้ง “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (มาเฮอร์ชาลา อาลี) และ บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม” เรื่องราวของผู้ชาย 2 คน ที่มาจากโลก 2 ใบ หนึ่งคือนักเปียโนคลาสสิกคนดำระดับโลก “ดอน เชอร์ลี” (มาเฮอร์ชาลา อาลี) เตรียมเดินทางสู่ตอนใต้อเมริกาเพื่อแสดงโชว์ จับผลัดจับผลูได้อดีตการ์ดเฝ้าผับเชื้อสายอิตาเลียน-อเมริกัน “โทนี ลิป” (วิกโก มอร์เทนเซน) เป็นคนขับรถให้ นำมาสู่จุดเริ่มต้นการเดินทางของสองคู่หูต่างขั้ว ต่างสีผิว ต่างชนชั้น รวมเป็นหนึ่งมิตรภาพแห่งเสียงหัวเราะ คราบน้ำตา และการหันมามองเพื่อนมนุษย์ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“ที่มาของชื่อ Green Book” มาจากคู่มือการเดินทาง “The Negro Motorist Green Book” หรือมักถูกเรียกสั้น ๆ ว่า “สมุดปกเขียว” รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า ที่พักสำหรับให้บริการลูกค้าคนดำ เป็นเครื่องมือเอาตัวรอดของคนแอฟริกันอเมริกัน ให้พ้นจากการถูกกลั่นแกล้ง จับกุม รวมทั้งกันโดนทำร้าย
“ทักษะด้านดนตรีของเชอร์ลีที่มีกรอบจำกัด” เขาถูกขีดให้เดินสายดนตรีป็อปเหมือนคนดำคนอื่น เพราะผู้ฟังไม่ยอมรับนักดนตรีคนดำเล่นเพลงคลาสสิก เขามีศักยภาพการทำเรื่องยิ่งใหญ่มากมาย แต่เพราะในเวลานั้นเขาต้องใช้ชีวิตในกรอบจำกัด กรอบสังคมที่บีบบังคับ มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ทุกคนต้องเจอ แม้แต่ชีวิตในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน
“การออกเดินทางกับเชอร์ลีทำให้โทนีตาสว่าง” เขาได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่ามันมีอยู่ เห็นการกดขี่ข่มเหง โลกที่เต็มไปด้วยอันตรายต่อคนดำ การกำหนดสถานที่ที่คนดำสามารถกิน นอน นั่ง ซื้อของ หรือเดิน ชีวิตคนดำในยุคนั้นถูกบังคับตลอดเวลา บางเมืองทางตอนใต้มีกฎหมายว่าห้ามให้คนดำออกจากบ้านหลังพระอาทิตย์ตกเลยทีเดียว
“ซีนที่ไม่มีคำพูดแต่ภาพแทนถ้อยคำเป็นล้านคำ” ในตอนที่โทนีกำลังซ่อมรถอยู่ข้างทาง เชอร์ลีมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นคนดำทำงานอยู่ในไร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทางใต้มาเป็นร้อยๆ ปี ขัดกับตัวตนของเขาที่เป็นสุภาพบุรุษแอฟริกันอเมริกัน แต่งตัวโก้ มีโชเฟอร์เป็นคนขาว เขามองคนงานที่ทำงานหลังขดหลังแข็งกลางแดด คนงานก็หันมองเพราะไม่เคยเห็นคนดำแบบเชอร์ลีมาก่อน ซีนนี้ทั้งซีนไม่มีคำพูดเลยแต่ภาพมันแทนถ้อยคำนับล้าน
“สิ่งที่ Green Book เลือกนำเสนอ” ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ อคติ เพศสภาพ ทั้งหมดเป็นประเด็นที่ยังคงมีปัญหาถึงปัจจุบัน ในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเหมือนภาพสะท้อนของสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1962 พาคนดูเผชิญหน้ากับมายาคติและอคติของตัวเอง มิตรภาพระหว่างทั้งสองก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิพลเมือง มีหลายอย่างใน “Green Book” ที่จะทำให้คุณหัวเสียว่าทำไมคนเราถึงทำกับคนด้วยกันแบบนี้
“ค้นพบเสียงหัวเราะและความโศกเศร้าในตัวละคร” ภายใต้ความตึงเครียด มีความเข้าขาของตัวละครเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ลงตัวอย่างมหัศจรรย์ เมื่อคุณมองเรื่องราวของพวกเขา คุณจะเห็นได้ว่านี่มันคู่หูคู่ฮาชัดๆ นักดนตรีสุดเนี้ยบกับนักเลงหัวไม้ ความตรงข้ามกันคือต้นตอของอารมณ์ขันในเรื่อง
และนี่เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่เราไม่อยากให้คุณพลาดชม “Green Book” การเดินทางของทั้งสองจะสร้างหนึ่งมิตรภาพข้ามเส้นแบ่งพรมแดนของสีผิว-ชนชั้น วันนี้ ที่ “Apple TV” https://apple.co/2XmD42X