เรื่องย่อ
นักฆ่าฝีมือดี “รอย โคดี้” (เบน ฟอสเตอร์) ได้รับแจ้งว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งปอดและกำลังจะตายในไม่ช้า หลังรู้ข่าวร้ายไม่นาน รอยถูกเจ้านายสั่งให้ไปเก็บเป้าหมายโดยห้ามใช้ปืนเด็ดขาด เขาหารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วนั่นคือแผนการของเจ้านายเพื่อเก็บเขาแทน แต่นอกจากรอยจะหนีออกมาได้แล้ว เขายังช่วยเหลือ “ร็อคกี้” (แอล แฟนนิง) หญิงสาววัย 19 ปีที่ถูกจับตัวไว้ที่นั่นด้วย ทั้งคู่เดินทางออกนอกเมืองไปยัง “กัลเวสตัน” บ้านเกิดของรอยซึ่งเขากะจะกบดานอยู่ที่นั่นสักพักแล้ววางแผนล้างแค้น
แต่การจะไปถึงกัลเวสตันได้นั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด นอกจากจะถูกเหล่านักฆ่าตามล่า รอยและร็อคกี้ยังมีเหตุให้ต้องหยุดกลางทางหลายครั้ง หนึ่งในนั้นคือการแวะรับเอา “ทิฟฟานี” (คู่แฝด แอนนิสตัน-ทินสลีย์ ไพรซ์) น้องสาวของร็อคกี้ร่วมเดินทางไปยังกัลเวสตันด้วยกัน
สัมภาษณ์ “แอล แฟนนิง”
การร่วมงานกับผู้กำกับ “เมลานี โลรองต์” เป็นอย่างไรบ้าง
ฉันเคยดูหนังที่เมลานีกำกับไว้ เป็นหนังฝรั่งเศสเรื่อง “Breathe” (2014) แต่ใน “Galveston” จะเป็นหนังอเมริกันภาษาอังกฤษเรื่องแรกที่เธอกำกับ ฉันคิดว่าน่าสนใจเพราะเธอมีความเป็นคนฝรั่งเศสสูงมาก เวลาฉันเจอเธอทีไร ฉันจะเห็นความเป็นฝรั่งเศสในตัวเธอเสมอ (หัวเราะ) การที่เธอมาทำหนังอเมริกันสไตล์คลาสสิก เล่าเรื่องราวในรัฐเท็กซัส การได้เห็นมุมมองของเธอผ่านหนังเรื่องนี้ ฉันคิดว่ามันคงออกมาน่าสนใจทีเดียว
คุณชอบอะไรในตัวละคร “ร็อคกี้” คุณนิยามตัวเธอไว้ว่าอย่างไรบ้าง
ร็อคกี้ถือเป็นบทที่ท้าทายที่สุดที่ฉันเคยรับเล่นมาจนถึงตอนนี้เลยค่ะ เธอทำให้ฉันกลัวทีเดียวตอนอ่านบทครั้งแรก ฉันเลยอยากนำเสนอบทบาทของเธอให้ออกมาอย่างเหมาะสม เธอต้องพบเจออะไรหลายอย่างที่ฉันไม่เคยประสบมาก่อนในชีวิต การต้องเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในประสบการณ์เลวร้ายแบบนั้นเป็นอะไรที่เครียดมาก แต่ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่แข็งแกร่งและเข้มแข็งทีเดียว ฉันอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่าถึงเธอจะอายุน้อย แต่เธอก็ได้พบเจออะไรมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่ควรต้องเผชิญด้วยซ้ำ
แต่เธอก็แง่มุมที่งดงามแฝงอยู่ในการดิ้นรนสู้ชีวิตของเธอ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับรอย เขาเปรียบได้กับพี่ชาย พ่อ และเพื่อน เขามาพร้อมความรักในรูปแบบที่แตกต่างกันปรากฏอยู่ในตัวของคนๆ เดียว มันเป็นแง่มุมที่งดงามมากค่ะ ฉันรักตัวละครตัวนี้จริงๆ
การร่วมงานกับฝาแฝด (แอนนิสตัน-ทินสลีย์ ไพรซ์) ที่ร่วมกันรับบทเป็น “ทิฟฟานี” ในวัยเด็กเป็นอย่างไรบ้าง
ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ ปกติแล้วฉันมักจะเป็นคนที่เด็กที่สุดในกองถ่าย การเล่นหนังเรื่องนี้เลยเกิดความรู้สึกที่แปลกเหมือนกัน เหมือนกับฉันได้หวนนึกถึงตัวเองสมัยยังเด็กๆ บางทีคุณครูและพ่อแม่ของทั้งคู่ก็มาเยี่ยมที่กองถ่ายด้วย คือนั่นมันตัวฉันเลยนะสมัยที่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ มีคนคอยดูแลฉันมากมาย การได้เจอเรื่องแบบนี้เป็นอะไรที่สนุกเหมือนกัน และถือเป็นช่วงเวลาที่ดีมากสำหรับเราทั้งคู่ด้วยค่ะ
สัมภาษณ์ “เบน ฟอสเตอร์”
ทำไมคุณถึงเลือกเล่นหนังเรื่องนี้
ตอนนั้นผมได้ยินว่า “แอล แฟนนิง” จะมาเล่นหนังเรื่องนี้ ผมเป็นแฟนผลงานตัวยงของเธอพอดี ประจวบกับการได้อ่านบทซึ่งผมคิดว่าเป็นบทที่ดีมาก และการที่เมลานีจะมากำกับยิ่งทำให้มันน่าสนใจ ผมเคยดูหนังของเมลานีเรื่อง “Breathe” มันเป็นหนังที่งดงามมาก ผมชอบพวกเธอ ชอบความสามารถของพวกเธอมากๆ ผมยังรู้สึกว่าผมไม่เคยเล่นหนังอะไรแบบนี้มาก่อน
เวลาคุณจะเล่นหนังสักเรื่อง อะไรคือสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของคุณ เป็นตัวของคนทำหนัง อย่างในกรณีนี้คือเมลานีหรือเป็นที่บทหนัง
มันก็แล้วแต่ครับ มันอาจเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด แต่พวกเราทุกคนล้วนต้องกินต้องใช้ ในวงการภาพยนตร์มันจะมีแนวความคิดอยู่ว่า บางทีคนเราจะทำในสิ่งที่เชื่อจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ ผมไม่รู้ว่ามีกี่คนนะที่ทำแบบนั้น แต่สำหรับผม ผมชอบศิลปิน ผมชอบการร่วมงานกับคนอื่น และบางทีมันอาจมีเรื่องของที่บ้านเข้ามาเกี่ยวด้วย ผมถ่ายหนังเรื่องนี้ก่อนเรื่อง “Leave No Trace” (2018) แต่ตอนผมอ่านบทเรื่องนั้น ผมเพิ่งได้ข่าวว่าภรรยาผมตั้งครรภ์พอดี และเราจะมีลูกสาว ผมเลยรู้สึกว่าต้องเล่นหนังเรื่องนั้นให้ได้
คุณคิดว่าตัวเองเป็นนักแสดงประเภทที่ถ้าคุณได้รับบทอะไรแล้ว คุณจะสวมวิญญาณตัวละครนั้นไว้เสมอจนกว่าหนังจะจบ หรือว่าคุณจะปล่อยตัวละครนั้นหลุดออกจากร่าง
คุณคงทราบดีว่าโลกนี้มีนักมวยอยู่หลายประเภท นักแสดงก็เช่นกัน สำหรับผมแล้วมันยากนะที่จะสลัดบทออกไปจากตัวได้ทันทีที่ถ่ายทำเสร็จในแต่ละวัน แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่ในชีวิตจริงจะกลับบ้านไปทำในสิ่งที่ตัวละครจะทำด้วย คือผมคงไม่ออกไปทำเรื่องผิดกฎหมายทุกครั้งที่เล่นบทอะไรแบบนี้หรอก แต่มันยากที่จะสลัดตัวละครให้หลุดออกไป และผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันนะว่าคนที่เขาทำได้นี่เขาทำกันยังไง ผมเคารพพวกเขานะ แต่ผมขอท้าเลยใครก็ได้ เอาเป็นว่าถ้าคุณต้องแสดงหนังที่เกี่ยวกับกีฬาเบสบอล ในหัวคุณก็จะมีแต่เรื่องเบสบอล ตอนกลับบ้านคุณก็จะคิดถึงแต่เรื่องเบสบอล การรับบทเป็นมือปืน โสเภณี และคนป่วยใกล้ตายก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันแหละครับ มันจะตามตูดคุณไปถึงบ้านเลย
คุณคิดว่าถ้าเกิดเอาตัวละครที่คุณเคยรับบทมายืนอยู่ใกล้ๆ กัน จะเข้ากันดีไหม
ผมคิดว่ามันจะเป็นความคิดที่น่ากลัวทีเดียวครับ ถ้าลองคิดภาพตัวละครที่ผมเล่นทุกตัวเอามาตัดแปะบนโปสเตอร์แบบหนัง “The Avengers” (หัวเราะ)
“Galveston” 16 ม.ค.นี้ ในโรงภาพยนตร์