สิ่งที่จุดประกายให้เกิดเป็น “Beyond Skyline”
เป้าหมายของผมคือทำ “Beyond Skyline” ออกมาเป็นหนังแอคชั่นที่ใช้ตัวละครขับเคลื่อนให้มันสนุกได้โดยที่ไม่ต้องดูภาคแรกมาก่อน เพราะฉะนั้นมันจึงถูกวางโครงเรื่องหลักแยกออกมาจากหนังภาคแรก แต่จะมีจุดสำคัญบางอย่างที่เชื่อมต่อกัน ผมต้องการขยายเรื่องราวให้เป็นระดับโลก มนุษย์ปะทะกับเอเลียนทั้งบนถนน รถไฟใต้ดิน อุโมงค์ และป่า ทุกที่ที่ไม่ใช่อุดอู้อยู่แต่ในคอนโด
ไอเดียหลักที่เพิ่มเติมในเรื่องนี้
ตอนที่เรากำลังตัดต่อหนังภาคแรกอยู่ เราพบว่าเรื่องราวมันสามารถยิ่งใหญ่และไปต่อได้อีก และถ้าเราจะทำต่อ เราอยากพาผู้ชมไปสำรวจยานที่เป็นรังลับของเอเลียนให้มากขึ้น รวมทั้งผมต้องการให้หนังระทึกขึ้นโดยการอัดฉากแอคชั่นเข้าไปอย่างจุใจ มันมีมุมน่าสนใจบนยานเอเลียนอีกเยอะ มันมีอะไรให้เล่นมากมาย ก่อนที่ “Beyond Skyline” จะเสร็จสิ้น พวกเราโฟกัสไปที่ไอเดียการเล่าเรื่องราวของตัวละครกลุ่มใหม่ ในช่วงเวลาที่โลกกำลังถูกเอเลียนจู่โจมเหนือฟากฟ้า โดยผ่านตัวละคร “มาร์ก คอร์ลีย์” ตำรวจแอลเอที่เพิ่งไปประกันตัว “เทรนต์” ลูกชายสุดเฮี้ยวของเขาในวันที่อาจจะเป็นจุดจบของโลก หนังจะพาผู้ชมสู่ยานมหึมาของเหล่าเอเลียน และพบว่าไม่เพียงแต่ลอสแอนเจลิสที่ถูกพวกมันจู่โจม แต่ทั้งโลกกำลังจะตกเป็นของพวกมัน
เราเริ่มภาคต่อนี้ในคืนเดียวกับที่เกิดเรื่องในภาคแรก คืนที่มนุษย์ถูกรุกราน เรื่องมันเดินไปคนละเส้นทางกัน แต่มันมอบคำตอบที่เคยทิ้งไว้ในภาคแรก เฉลยทุกปริศนา และในเมื่อมันเป็นบ้านของเอเลียนวายร้าย มันยังเปิดโอกาสให้แนะนำตัวละครใหม่ๆ เอเลียนใหม่ๆ แบบที่ผู้ชมยังไม่เคยเห็นมาก่อน
“แฟรงก์ กริลโล” ดูตื่นเต้นมากกับโปรเจกต์นี้ และดูเหมือนว่าเขาจะฝึกหนักมากเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับบทนำในเรื่องนี้
ตอนเราเริ่มเขียนบท “Beyond Skyline” เราคิดภาพแฟรงก์ไว้เป็นตัวละครนำ ผมส่งจดหมายและบทหนังไปหาเขาว่า ผมชื่นชมผลงานและเป็นแฟนตัวยงของเขา จากนั้นเราก็ได้คุยกันผ่าน Skype และเริ่มพัฒนาโปรเจกต์ร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยนไอเดียเจ๋งๆ ด้วยกันมากมาย
การทำงานร่วมกับ “แฟรงค์ กริลโล”
ใน “Beyond Skyline” แฟรงก์รับบท “มาร์ก คอร์ลีย์” เขาคือตัวละครที่หวนให้นึกถึงตัวละครจาก “Die Hard” หรือ “Lethal Weapon” เป็นหนุ่มใหญ่ที่ต้องรับมือกับปีศาจในจิตใจไปพร้อมกับอัดพวกเหล่าร้าย มาร์กเป็นชายที่ชีวิตแหลกเหลว เขาสูญเสียมามากเกินไป ดื่มมากเกินไป เห็นความเจ็บปวดมากเกินกว่าที่จะมีชีวิตเพื่อวันพรุ่งนี้ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมได้เห็นการแสดงเป็นธรรมชาติจนไร้ที่ติแบบนี้บนจอ
และเมื่อตอนที่แฟรงก์พบว่า”อิโก” และ “ยายาน” คู่หูจาก “The Raid” อยู่ในโปรเจกต์นี้ด้วย เขาดูตื่นเต้นมากๆ ถึงแม้ในบทแฟรงก์และอิโกจะต้องกัดกันเองก็เถอะ หลายคนถามผมว่าทำไมสองตัวละครนำถึงกัดกันเอง ผมตอบเขาว่าผมไม่อยากดูหนังที่ทุกอย่างราบรื่น มันเหมือนเป็นกฎของหนังแอคชั่นที่สองจ่าฝูงต้องลงไม้ลงมือกันเอง ก่อนจะเจอจุดที่ลงตัวและร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน ไม่รู้ว่ามันมีกฎนี้จริงๆ หรือเปล่า แต่ผมเชื่อแบบนั้น และบอกเลยว่าทั้งสองทำได้ยอดเยี่ยมมาก ทั้งฉากแอคชั่นและความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่คุณจะเห็นมันได้ในหนัง
หนึ่งในสิ่งที่เราชอบมากใน “Skyline” คือเทคโนโลยีที่พวกเอเลียนใช้ยิงลำแสงสีฟ้าเพื่อดูดมนุษย์นับแสนลอยขึ้นฟ้า ใน “Beyond Skyline” มันจะเจ๋งขึ้นอีกไหม
แน่นอน! ในภาคนี้เราจะเน้นไปที่การสำรวจภายในยานของเอเลียนมากขึ้น เพราะฉะนั้นเราจะได้เห็นว่าไอ้แสงสีฟ้านี่มันมีแหล่งกำเนิดมาจากไหนในยานมหึมาของพวกมัน ผมชอบปล่อยให้คนดูจินตนาการ และสมมุติทฤษฎีต่างๆ ขึ้นมาเอง สิ่งที่ต่อยอดจากเดิมมากที่สุดเลยคือพวกเอเลียนนักบิน “Beyond Skyline” จะเริ่มต้นที่ชีวิตประจำวันของพวกเรา ก่อนที่โลกจะถูกพวกเอเลียนโจมตี และพาเหล่าผู้รอดชีวิตเผชิญหน้ากับการรุกรานเต็มรูปแบบที่ยกระดับการเล่าเรื่องจากแค่เมืองๆ เดียวในหนังภาคแรก อุบัติเป็นสงครามระดับโลก
ยกเครื่องใหม่เอเลียนสายพันธุ์นรก
ไอเดียตั้งต้นคือจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเอาสมองมนุษย์ไปยัดใส่ในเอเลียนตัวหัวหน้า ผมต้องการกลับมาสร้างชุดเอเลียนอีกครั้ง เพราะนั่นคืองานแรกของบริษัท “Hydraulx” ที่เคยถูกจ้างให้ดูแลชุดเอเลียนในภาพยนตร์เรื่อง “Alien vs Predator: Requiem” ผมชอบให้ชุดเข้ากล้อง ปรัชญาการทำงานของผมคือพยายามไม่ใช้ซีจีถ้าเราสร้างฉากขึ้นมาได้ เอเลียนภาคที่แล้วเราออกแบบให้มันดูหลอนๆ แต่ภาคนี้ผมอยากเอามันกลับมาในสไตล์คล้ายๆ กับ “Predator” ที่ดูล่ำ ไหล่หนา มีกล้ามเนื้อ ผมอยากให้ตามันเบิกกว้างเวลาต้องการสื่อสารกับใคร แต่หรี่จนแคบเวลามันโกรธ
“นรกจะปรากฏบนท้องฟ้า” จงเตรียมตัวให้พร้อม รับการจู่โจมเหนือฟากฟ้าของพวกมันให้ดี เพราะสงครามครั้งนี้ จะทะยานสู่จุดเดือดสุดของมนุษย์และเอเลียนใน “Beyond Skyline อสูรท้านรก” 9 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
