ว่ากันว่านิยายเรื่องนี้อ่านแล้ว “ต้องเสียน้ำตา” พอได้อ่านบทแล้วคิดยังไงกับเรื่องนี้
เรื่องนี้มีอยู่ทั้งหมดสี่ตอนซึ่งไม่ได้จบเป็นตอน ๆ แต่คือสี่ตอนรวมเป็นหนึ่งเรื่อง การอ่านบทมาเลยช่วยให้เข้าถึงเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้นเยอะค่ะ แต่ในเรื่องก็มีจุดที่มีความเป็นแฟนตาซีซึ่งเราไม่สามารถจะจินตนาการได้ แม้จะอ่านบทมา ว่าแล้วก็อยากเห็นมากค่ะว่ามันจะออกมาแบบไหน
ก่อนจะอ่านบท ได้อ่านต้นฉบับมาก่อนหรือเปล่า
อ่านค่ะ ในฉบับภาพยนตร์ “คุณมัตสึชิเกะ” กับ “คุณยาคุชิมารุ” เล่นเป็นคู่สามีภรรยากัน แต่ตรงนี้บทของทั้งคู่จะสลับกันกับในนิยายต้นฉบับ เพราะในหนังจะเป็นคุณภรรยาที่ป่วย หรือแม้แต่ตัวละคร “ชินทานิ” ที่ “เคนทาโร” แสดงก็มีเฉพาะในหนัง นอกจากนี้ “โทคิตะ คาซึ” ที่ฉันรับบท ในต้นฉบับก็จะเป็น “โทคิตะ เคย์” กับ “โทคิตะ คาซึ” ซึ่งในเรื่องคุณเคย์เขาจะเป็นคนที่เข้าสังคมเก่ง แต่คาซึจะเป็นคนที่ค่อนข้างลึกลับแล้วก็มีความสุขุมเยือกเย็น ฉันก็เลยอ่านต้นฉบับแล้วพยายามเล่นให้ได้แบบนั้นค่ะ
เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่ตรงไหน
เรื่องนี้มีสี่ตอน เรื่องราวของตัวละครในแต่ละวัยที่ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกัน น่าจะทำให้ผู้ชมรู้สึกเห็นอกเห็นใจได้ง่าย แล้วก็ยังมีหลายฉากที่ดูแล้วก็บีบหัวใจสุดๆ เป็นเรื่องราวน่าประทับใจที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยจริงๆ ค่ะ
แล้วก็ถึงเราจะย้อนอดีตแล้วเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้ แต่เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ ให้คิดซะว่าจากนี้ไปเราก็จะได้พบเจอเรื่องราวดีๆ อยากให้อดทนรอด้วยความหวังต่อไปค่ะ
ถ้าเกิดว่าย้อนอดีตได้แบบในภาพยนตร์ อยากจะย้อนกลับไปช่วงเวลาไหน
นั่นสินะคะ ถ้าคิดง่ายๆ ก็คงสมัยมัธยมปลายค่ะ ฉันเข้าวงการตั้งแต่วัยรุ่น ก็เลยไม่ได้เข้าร่วมพิธีจบการศึกษาพร้อมกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนบ้านเกิด ที่ผ่านมาพวกเราก็มีความทรงจำที่ดีร่วมกันมากมาย รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้บอกลาเพื่อนในวันนั้น หรือไม่ก็คงย้อนไปตอนเริ่มเข้าวงการค่ะ จะได้เตรียมความพร้อมให้ทำงานได้อย่างบ้าดีเดือด ไม่หวั่นเกรงกับสิ่งที่จะต้องเจอ คือตอนนี้ฉันก็ตั้งใจทำงานนะคะ แต่พอมีอะไรเข้ามาเยอะๆ แล้วกลับรู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ เปราะบางลง ก็นั่นแหละค่ะ อยากจะย้อนไปสักครั้งเพื่อกำจัดความอ่อนแอนี้ออกไปมากๆ (หัวเราะ)
เตรียมหัวใจอุ่นไปกับ 4 เรื่องรัก 1 ร้านกาแฟใน “Café Funiculi Funicula เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น”
21 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์