“อู๋คังเหริน” นักแสดงเจ้าบทบาทชาวไต้หวันวัย 41 ปี เกิดที่เมืองเกาสง เขาทำงานพิเศษพร้อมกับเรียนหนังสือมาตั้งแต่อายุ 14 ปี หลังจากเกณฑ์ทหาร เขาก็ออกมาทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ จนเตะตาแมวมองชวนเขามาเข้าวงการบันเทิง เริ่มแรกอู๋คังเหรินรับงานเป็นนายแบบ หลังจากนั้นก็ผันตัวมาเป็นนักแสดง จนในปี 2012 ผลงานภาพยนตร์โทรทัศน์ชุด “Emerging Light” ก็ทำให้เขาโด่งดังถึงขั้นคว้ารางวัล “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม” จากเวที “Asian Television Awards 2013”
ล่าสุดนอกจากจะคว้ารางวัล “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม” จากบท “อาบัง” ใน “Abang Adik” (2023) บนเวที “ม้าทองคำ ครั้งที่ 60” (2023) แล้ว อู๋คังเหรินยังแสดงนำในภาพยนตร์ชุดทาง Netflix เรื่อง “Copycat Killer” (2023) ด้วย
การเป็นผู้ชนะ “รางวัลม้าทองคำ” ได้เปลี่ยนชีวิตคุณบ้างไหม
ไม่ได้เปลี่ยนมากมายขนาดนั้น การได้รางวัลเหมือนเป็นการยืนยันกับผมว่าผมเลือกในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่มันไม่ได้เปลี่ยนมุมมองที่ผมมีต่ออาชีพนักแสดงเลย สมมติว่าผมไม่ได้รางวัล ผมก็จะยังเป็นแบบเดิมคือการหาโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่ท้าทายตัวเองมากขึ้น
คุณดูถนัดบทดราม่าใช่ไหม
ผมไม่ค่อยเอาผลงานที่ผมเคยทำไว้มาเป็นตัวกำหนดเท่าไหร่ ผมคิดว่าตั้งแต่ตัวเองอายุเข้าเลข 4 ผมพยายามจะไม่ยึดติดกับอดีตนัก เมื่อก่อนมีอะไรเสนอมาผมก็เล่นหมด แต่ตอนนี้ ผมอาจจะต้องคิดบ้างเล็กน้อย อันที่จริงผมพร้อมเล่นอะไรใหม่ๆ เสมอนะ
อะไรทำให้คุณชอบหลังจากอ่านบท “Abang Adik”
บทหนังเรื่องนี้ทำให้ผมคิดถึงตัวเอง ก่อนผมมาเป็นนักแสดง ผมผ่านงานมาหลากหลายมาก รวมถึงการเป็นกรรมกร แต่บอกตามตรงว่าการเป็นกรรมกรในไต้หวันไม่ได้แร้นแค้นขนาดนั้น ผมจำได้ว่าผมทำงานก่อสร้างครั้งแรกตอนอายุ 17 และได้ค่าจ้างวันละ 2,700 เหรียญไต้หวัน โอเคละ งานที่ผมทำต้องการทักษะพิเศษ และงานมันก็เสี่ยงเหมือนกัน แต่ค่าจ้างมันโอเคเลยนะ นั่นมันเมื่อ 20 กว่าปีก่อน
แต่งานนี้มันเหนื่อยและทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ
ทุกวันนี้ผมยังมีแผลเป็นที่เกิดจากการทำงานก่อสร้างอยู่
คุณต้องเตรียมตัวอะไรบ้างเพื่อมาเล่นหนังเรื่องนี้
ผมดีใจมากตอนรู้ว่าได้เล่น ผมคิดว่าพวกเขาคงไม่เลือกผมหรอก พวกเขาหานักแสดงมาเลเซียมาเล่นน่าจะดีกว่า แต่สุดท้ายพวกเขาก็เลือกผม เราต้องถ่ายหนังที่เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในมาเลเซีย ผมเลยต้องเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับประเทศนี้ทั้งประวัติศาสตร์และผู้คน มันเป็นเรื่องใหม่มาก ผมอ่านทุกอย่างเพราะผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ เราต้องลงไปคลุกคลีพูดคุยกับชนชั้นแรงงาน คนไร้สัญชาติให้พวกเขาเปิดใจพูดคุยกับเรา ส่วนเวลาที่เหลือผมก็ต้องเรียนภาษามือ
พอต้องมาอยู่มาเลเซียนานหลายเดือน คุณต้องปรับตัวยังไงบ้าง คุณได้กินอาหารมาเลย์บ้างไหม
ผมไม่ได้กินอาหารมาเลย์เลย เพราะผมต้องลดน้ำหนักให้เข้ากับบท ตอนหนังปิดกล้องแล้วนั่นแหละผมถึงได้ลองกิน “นาซิเลอมัก” (Nasi Lemak) แล้วมันอร่อยมาก ผมกินไปเยอะจนท้องเสียตั้ง 3 วันกว่าจะหาย
“Abang Adik” เล่าเรื่องราวของ “อาบัง” (อู๋คังเหริน) กับ “อาดิ” (แจ็ค ตัน) เป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีบัตรประชาชนมาเลเซีย แม้ไม่รู้จักผู้ให้กำเนิดแต่ชายหนุ่มทั้งสองคนก็ทึกทักเอาว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน อาบังเป็นคนหูหนวกและทนทำงานหนักเก็บเงินเพื่อถีบตัวเองและน้องชายให้พ้นจากความยากจน ในขณะที่อาดิไม่อยากเลือกหนทางลำบากแบบพี่ชาย ความฝันของเขาใหญ่กว่า และไฟในใจของเด็กหนุ่มก็รุ่มร้อนกว่าจนนำเขาไปในโลกอาชญากรรม ในขณะที่ทางการมาเลเซียเริ่มกวดขันเรื่องคนไร้สัญชาติ พร้อมกับปัญหาจากผู้มีอิทธิพลที่อาดิเข้าไปพัวพัน ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของสองพี่น้อง “อาบัง-อาดิ” กำลังจะได้รับการทดสอบ…
แม้ในวันที่โลกพรากเราออกจากกัน ฉันก็จะไม่ปล่อยมือนาย “Abang Adik ล่าฝันเมืองเดือด” 16 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์