ต้มยำกุ้ง 2 (The Protector 2)
เรื่องย่อ
8 ปีเต็มจากปรากฏการณ์ “ต้มยำกุ้ง” เหนือทุกความสำเร็จ
ภาพยนตร์แอคชั่นเรื่องเดียวในประวัติศาสตร์ที่ทำให้โลกต้องจับตา
“สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” ระเบิดทุนสร้างกว่า 500 ล้านบาท
“จาพนม ยีรัมย์ * ปรัชญา ปิ่นแก้ว * พันนา ฤทธิไกร”
กลับมาระเบิดความมันส์เสี่ยงตาย Non-Stop ครั้งแรกในแบบ Real Action 3D
“ต้มยำกุ้ง 2 3D”
ผนึกกำลัง “จีจ้า ญาณิน * หม่ำ จ๊กม๊ก * หญิง รฐา”
เผชิญหน้า 2 คู่ปรับส่งตรงจากฮอลลีวูด
“RZA” แร็ปเปอร์ระดับโลก * “Marrese Crump” ไฟต์เตอร์เหี้ยมมหากาฬ
พร้อมระดมทีมงานแอคชั่นระดับแถวหน้าของเมืองไทย
23 ต.ค. นี้ มาร่วมสร้างปรากฏการณ์ภาพยนตร์แอ็คชั่นไทยกระหึ่มโลกอีกครั้ง
เมื่อสาเหตุการฆาตกรรม “เสี่ยสุชาติ” เจ้าของปางช้างผู้กว้างขวาง คือการถูกกระแทกเข้าอย่างจังในจุดตาย 3 แห่งโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้มัดตัว “ไอ้ขาม” (จาพนม ยีรัมย์) เนื่องจากเขาเป็นคนสุดท้ายที่ถูกพบอยู่ในที่เกิดเหตุกับผู้ตาย เขาจึงต้องหลบหนีจากการจับกุมและการตามล่าเพื่อทวงแค้นจาก “ปิงปิง-ซือซือ” (จีจ้า ญาณิน – วานวาน ธีรดา) หลานสาวฝาแฝดของเสี่ยสุชาติ แต่โชคยังเข้าข้างเมื่อระหว่างการหลบหนี ขามได้รับการช่วยเหลือจาก “จ่ามาร์ค” (หม่ำ จ๊กม๊ก) ตำรวจสากลที่ถูกส่งมาจากซิดนีย์เพื่อจัดการภารกิจบางอย่าง
ขามหนีการตามล่าพร้อมกับการตามหา “ขอน” ช้างตัวเดียวที่เป็นเสมือนทั้งเพื่อนและพี่น้องที่ถูกขโมยไปเมื่อหลายวันก่อน ยิ่งหนีขามก็ยิ่งต้องเข้าไปพัวพันกับองค์กรลึกลับที่ถูกควบคุมโดย “แอล ซี” (RZA) นายใหญ่ผู้คลั่งไคล้การสะสมนักสู้จากทั่วโลกอย่างลับๆ ทำให้เหล่านักสู้ที่ถูกตีตราด้วยตัวเลข ไม่ว่าจะเป็น “ทเวนตี้” (หญิง รฐา) หรือ “Number 2” (มาร์ริส ครัมป์) ล้วนแต่มีเป้าหมายอยู่ที่การจัดการไอ้ขามเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างของนายใหญ่
เตรียมพบกับการต่อสู้แบบสุดขีดขั้นของ “จา พนม” ด้วยศิลปะการต่อสู้นานาชนิด เสี่ยงตายทุกวินาที และการดีไซน์ฉากต่อสู้เสี่ยงตาย ทุ่มทุนสร้างสูงสุดของภาพยนตร์แอคชั่นไทยที่ทั้งโลกต้องจับตา พร้อมการถ่ายทำในระบบ 3 มิติทุกขั้นตอนใน “ต้มยำกุ้ง 2 3D” พร้อมกัน 23 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
จาก “ต้มยำกุ้ง” สู่ “The Protector”
ถล่ม Box Office ฮอลลีวูด ครองอันดับ 1 ทั่วเอเชียและยุโรป
คือความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์แอคชั่นไทยระดับโลกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
เป็นที่ยอมรับว่าความโดดเด่นอย่างถึงที่สุดในความเป็นภาพยนตร์ Real Action Martial Arts ที่เน้นศิลปะการต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบทั้งสวยงาม หนักหน่วง รุนแรง ดุดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่วงท่าของ “ทุ่ม-ทับ-จับ-หัก” จาก “มวยคชสาร” คือหัวใจสำคัญจากการผนึกกำลังการออกแบบควบคุมฉากการต่อสู้โดย “พันนา ฤทธิไกร” และถูกนำเสนอผ่านลีลาแอคชั่นซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวชนิดที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ของ “จาพนม ยีรัมย์” ภายใต้การกำกับภาพยนตร์แบบโชว์อานุภาพถึงขีดสุดโดย “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ทำให้ “ต้มยำกุ้ง” (2548) ภาคแรกสามารถสร้างความตื่นตะลึงและสร้างความฮือฮาให้กับคอภาพยนตร์แอคชั่นไปทั่วโลก จนต้องมีการบันทึกในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ถึงสถิติความสำเร็จต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและนานาประเทศทั่วโลกถึงกระแสต้มยำกุ้งฟีเวอร์อย่างที่ไม่เคยมีภาพยนตร์ไทยเรื่องใดสามารถทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์ตราบจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการถล่ม US Box Office ในอันดับ 4 และขึ้นอันดับ 1 Box Office ในหลายประเทศของเอเชีย อาทิ ฮ่องกง เกาหลี ฯลฯ และในอีกหลายประเทศทั้งทางทวีปอเมริกาและยุโรป ทำรายได้จากทั่วโลกกว่า 1,000 ล้านบาท ภายใต้ชื่อภาษาอังกฤษ “The Protector” (USA) และ “Warrior King” (UK)
“Tom Yum Goong 2” ที่สุดแห่งภาพยนตร์ Real Action ภาคต่อ
ที่ไม่ใช่แค่คนไทย แต่ยังรวมไปถึงเหล่าบรรดาคอหนังแอคชั่นจากทั่วโลกที่เฝ้ารอ
จากกระแสความสำเร็จอันมหาศาลของ “ต้มยำกุ้ง” หรือ “The Protector” กล่าวได้ว่าในรอบทศวรรษที่ผ่านมาไม่มีนักแสดงแอคชั่นฮีโร่คนใดในโลกที่ได้รับการยกย่อง อย่างที่เกิดขึ้นกับ “โทนี่ จา” (Tony Jaa) ขนาดเกิดเป็นกระแสแฟนคลับของโทนี่ จาฟีเวอร์ในแทบทุกประเทศจากทั่วโลก และเมื่อพูดถึงไอคอนหรือสิ่งทีเป็นสัญลักษณ์ของเมืองไทย แน่นอนว่านอกจากช้าง, ผัดไทย ฯลฯ ทุกคนต่างไม่ลืมชื่อของโทนี่ จา ต้องยอมรับว่าหลังจากความสำเร็จของ “องค์บาก” (2546) ภาพยนตร์แอคชั่นไทยระดับโลกเรื่องแรกที่ทำให้โลกรู้จักศิลปะการต่อสู้มวยไทย ภาพยนตร์แอคชั่นไทย และแอคชั่นฮีโร่จากเมืองไทย จนถึงวันนี้ 10 ปีผ่านไปเมื่อลองพิมพ์ชื่อ “Ong-Bak” ใน Google จะมีรายการค้นหาที่เกี่ยวข้องถึงเกือบ 7 ล้านรายการ แต่เมื่อพูดถึงความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์แอคชั่นจากประเทศไทยย่อมไม่พ้น “ต้มยำกุ้ง” (2548) และถ้าพูดถึงภาพยนตร์แอคชั่นภาคต่อที่พูดได้ว่าคนทั้งโลกรอคอยแน่นอนว่าต้องเป็น “ต้มยำกุ้ง 2 3D” หลังจากใช้เวลานานถึง 8 ปีเต็ม ถึงเวลาแล้วที่ “ต้มยำกุ้ง 2 3D” จะปรากฏสู่สายตาผู้ชมภาพยนตร์ด้วยความยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีภาพยนตร์ Real Action Martial Arts ของโลกเรื่องใดเคยทำได้มาก่อน
“จา พนม” ผนึกกำลัง “จีจ้า ญาณิน” พร้อม “หม่ำ จ๊กม๊ก”
เปิดตัวแอคชั่นเซ็กซี่สตาร์หญิงคนใหม่ “รฐา โพธิ์งาม”
กับครั้งแรกในการเผชิญหน้า 2 คู่ปรับสั่งตรงจากฮอลลีวูด
“RZA” นักแสดง-แร็ปเปอร์ระดับโลก VS “Marrese Crump” ไฟต์เตอร์ระดับพระกาฬ
พร้อมระดมเหล่าสุดยอดทีมแอคชั่นฮีโร่มือหนึ่งของไทยและต่างชาติ
ร่วมสร้างปรากฏการณ์ Real Action Martial Arts ครั้งยิ่งใหญ่
“สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” พร้อมแล้วที่จะเปิดจินตนาการความมันส์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดกับภาพยนตร์ Real Action Martial Arts ภาคต่อที่คนทั้งโลกรอคอย 8 ปีเต็ม พร้อมการกลับมาตอกย้ำขีดศักยภาพไร้ขีดจำกัดในความเป็นซูเปอร์สตาร์แอคชั่นฮีโร่ระดับโลกของ “จาพนม ยีรัมย์” ผนึกกำลังแอคชั่นคูณสองคู่กันเป็นครั้งแรกบนแผ่นฟิล์มกับแอคชั่นฮีโร่หญิง “จีจ้า ญาณิน” ร่วมแท็กทีมทวีความเข้มข้นด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากซูเปอร์สตาร์ตลกอันดับหนึ่งของเมืองไทย “หม่ำ จ๊กม๊ก” ตะลึงตากับการพลิกบทบาทครั้งสำคัญในชีวิตของ “หญิง-รฐา โพธิ์งาม” ผสมผสานเสน่ห์ความสวยอันตรายสุดร้ายกาจพร้อมความสามารถทางการต่อสู้กับการแสดงแอคชั่นเต็มตัวเป็นครั้งแรกบนแผ่นฟิล์ม ปะทะ 2 คู่ปรับคนสำคัญของจา พนมใน “ต้มยำกุ้ง 2 3D” ที่ถูกส่งตรงมาจากฮอลลีวูด “RZA” (ริซา) โปรดิวเซอร์เจ้าของรางวัลแกรมมีอวอร์ด ไอคอนดนตรีฮิปฮอประดับโลก นักดนตรี นักแต่งเพลง มือเขียนบท นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์จากฮอลลีวูดผู้หลงใหลในศิลปะการต่อสู้รับบทผู้ร้ายคนสำคัญของจา พนม และ “Marres Crump” (มาร์รีส ครัมป์) นักแสดงจากฮอลลีวูดผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้หลากหลายชนิดที่ปรากฏอยู่บนโลกใบนี้รับบทนักฆ่าที่เก่งกาจที่สุดที่ส่งมาเพื่อจัดการจา พนมในเรื่องนี้โดยเฉพาะ พร้อมด้วยเหล่าไฟต์เตอร์นักสู้แอคชั่นมือหนึ่งที่เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ในแขนงต่างๆ ทั้ง “คาซู แพทริก แท็ง” แชมป์ศิลปะการต่อสู้ Trickz จากฝรั่งเศส (จีจ้า ดื้อสวยดุ, Unleashed, โคตรสู้โคตรโส, Chinese Zodiac), “เดวิด อิสมาโลน” (องค์บาก, Ultraviolet, The Medallion), ทีมไฟต์ติ้งคลับ “โคตรสู้โคตรโส” (Bangkok Knockout) ซึ่งแต่ละคนล้วนต่างมีความสามารถเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป โดยถูกระดมมาร่วมปะทะความมันส์ในฐานะคู่ปรับกับ “จาพนม ยีรัมย์” และ “จีจ้า ญาณิน” โดยเฉพาะ
และเพื่อให้ “ต้มยำกุ้ง 2 3D” คือที่สุดแห่งการมาของอภิมหาความมันส์ของภาพยนตร์เรียลแอคชั่นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปี 2556 ที่คอหนังแอคชั่นจากทั่วโลกรอคอย เหล่าทีมงานและบุคลากรมือหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความอลังการของภาพยนตร์แอคชั่นทั่วฟ้าเมืองไทยถูกระดมมารวมตัวกันเพื่อการนี้ นำทีมโดยสุดยอดปรมาจารย์แอ็คชั่นคิวบู๊ “พันนา ฤทธิไกร” (องค์บาก, ต้มยำกุ้ง, เกิดมาลุย, โคตรสู้โคตรโส, ช็อคโกแลต ฯลฯ) รับหน้าที่ควบคุมฉากแอคชั่นการต่อสู้ให้กับทุกๆ ฉากที่เกิดขึ้น พร้อมสร้างความตื่นตะลึงและเซอร์ไพรส์ช็อกความรู้สึกและเต็มไปด้วยความแปลกใหม่สุดท้าทายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
พร้อมแท็กทีมร่วมกันของ 2 ผู้กำกับแอคชั่นมือหนึ่งของเมืองไทยอย่าง “วีระพล ภูมาตย์ฝน” อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ “จีจ้า ญาณิน” รวมทั้งออกแบบและกำกับฉากแอคชั่นใน “ช็อคโกแลต” (2551), “จีจ้า ดื้อสวยดุ” (2552) และเป็นแอคชั่นสตันต์เพื่อนร่วมรุ่นของจา พนม และ “สมใจ จันทร์มูลตรี” (องค์บาก, บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม, 7 ประจัญบาน 2, ส้มตำ, คนไฟบิน, จั๊กกะแหล๋น) มารับหน้าที่ในการออกแบบและกำกับฉากแอคชั่นการต่อสู้ ไม่เพียงเท่านั้นงานนี้ยังได้เหล่าทีมแอคชั่นสตันต์เสี่ยงตายมือดีที่สุดในทีมมวยไทยสตันต์ของพันนา ฤทธิไกรที่อยู่เบื้องหลังความมันส์ของฉากแอคชั่นต่างๆ ในภาพยนตร์แอคชั่นของไทยและฮอลลีวูด รวมทั้งเป็นผู้ถ่ายทอดและฝึกสอนความสามารถทางมวยไทยให้ “แอนเจลินา โจลี” ได้โชว์ศักยภาพในความเป็นนางเอกแอคชั่นมาแล้วใน “Salt” (2010) และ “เซ้ง-กวี ศิริคเณรัตน์” ผู้อยู่เบื้องหลังฉากแอคชั่นเสี่ยงตายในภาพยนตร์ฮอลลีวูดอย่าง “Rambo 4” (2008) และ “The Hangover 2” (2011) Stunt Coordinator ระดับฮอลลีวูดที่ทำให้แบรนด์ Thai Stuntmen สู่ระดับสากล มาร่วมเสริมทัพความยิ่งใหญ่ให้กับฉากแอคชั่นของ “ต้มยำกุ้ง 2” พูดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” เพื่อประกาศให้รู้ว่าทีมแอคชั่นไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่คือ “ดรีมทีมต้มยำกุ้ง” อย่างแท้จริง
The First 3D Real Action กับปรากฏการณ์ความมันส์ของ “Tom Yum Goong 2″
Non-Stop หยุดทุกลมหายใจกับสารพัดแอคชั่นดีไซน์ พร้อมฉากเสี่ยงตายของ “จาพนม ยีรัมย์”
สิ่งที่พูดได้ว่าคือการพลิกปรากฏการณ์ปฎิวัติรูปแบบของภาพยนตร์แอคชั่นที่ถือได้ว่าเป็นสุดยอดความพิเศษซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ “ต้มยำกุ้ง 2” ในครั้งนี้ซึ่งรับรองว่าไม่เพียงสร้างเอกลักษณ์ความโดดเด่นที่ถือได้ว่าแตกต่างและเป็นความแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จนกล่าวได้ว่าการกลับมาครั้งนี้คือการเปิดประตูแห่งจินตนาการที่จะเกิดขึ้นในโลกภาพยนตร์แอคชั่น ณ พ.ศ. นี้ นั่นคือการนำเสนอภาพยนตร์เรื่อง “ต้มยำกุ้ง 2” ในรูปแบบของภาพยนตร์ 3D Real Action อย่างเต็มรูปแบบตลอดทั้งเรื่องเป็นครั้งแรก ภายใต้โจทย์สำคัญที่ว่าทุกวินาทีแห่งความตื่นตาที่พร้อมปรากฏบนจอภาพยนตร์ล้วนผ่านการออกแบบมาเพื่อรองรับกับการผสมผสานระหว่างการดีไซน์ของทุกมุมกล้องในทุกมิติของภาพออกมาเพื่อรองรับกับทุกๆ คิวของทุกๆ ฉากแอคชั่นการต่อสู้ที่ผ่านออกแบบมาเพื่อหวังผลทางด้านภาพในความเป็นภาพยนตร์เรียลแอคชั่น 3 มิติที่สมบูรณ์แบบที่สุดตามความตั้งใจของ “เสี่ยเจียง-สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” บอสใหญ่แห่งค่าย “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” หลังจากที่สร้างมิติใหม่ให้คนทั้งโลกได้รู้จักแอคชั่นไทยอย่าง “องค์บาก” และ “ต้มยำกุ้ง” มาแล้ว โดยงานนี้ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” เองที่เรียกได้ว่าเป็นผู้กำกับคนแรกของเมืองไทยที่เคยสร้างมิติใหม่ให้กับวงการเพลงด้วยการกำกับมิวสิควิดีโอสามมิติมาก่อนหน้านี้รวบรวมความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทั้งหมด ผสมผสานกับความเชี่ยวชาญในการกำกับภาพยนตร์เรียลแอคชั่นที่ตัวเองคุ้นเคยเป็นอย่างดีตั้งใจรวมไปถึงการร่วมงานกับ “จา พนม” มาตลอด 10 ปี ตั้งใจให้ “ต้มยำกุ้ง 2 3D” เป็นภาพยนตร์เรียลแอคชั่น 3 มิติที่สมบูรณ์ที่สุดให้สมกับที่คนทั้งโลกรอคอย
“การที่ตัดสินใจถ่ายทำเรื่องนี้เป็น 3มิติ เป็นส่วนหนึ่งมาจากความชอบส่วนตัวด้วยที่ผมเป็นคนชอบดูหนัง 3 มิติอยู่แล้ว พอเรามีโอกาสทำแล้วด้วยความที่เป็นหนังแอคชั่นด้วย ผมว่ามันเหมาะสมเข้ากันกับภาพของ 3 มิติ ถ้าโดยส่วนตัวผมชอบดูหนัง 3 มิติที่ฉายในสวนสนุกนะ เพราะเป็นการสร้างงาน 3 มิติที่จงใจเล่นกับคนดู เล่นกับความรู้สึกอย่างเดียวเลย โดยที่เนื้อหานี่ไม่สำคัญเลย แต่ว่าพอเรามาทำอยู่ในภาพยนตร์ที่จำเป็นต้องมีการเล่าเรื่องด้วยมีเนื้อหาที่จะต้องสื่อสารกับคนดูด้วย เราจึงต้องมีการออกแบบโดยการใช้ฉาก 3 มิติที่จะเน้นที่จะเล่นกับคนดู หรือเล่นให้คนดูเกิดการตกใจคงต้องมีเป็นจังหวะๆ บางครั้งเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นหมัดเท้าเข่าศอกต่างๆ นานามันเอื้อต่อการที่เหมือนจะทำให้คนดูรู้สึกว่าเขาจะถูกอันตรายจากการต่อสู้จากมือหมัดเท้าจากนักแสดงบนจออยู่แล้ว แต่ว่าเราต้องเลือกใช้ อย่างตอนผมถ่ายหนังที่เป็น 2 มิติปกติเวลาถึงฉากแอคชั่น เวลาจาพนมสู้เราไม่สามารถเอากล้องไปใกล้เขาได้เลย เพราะว่าการสู้เขาต้องไม่พะวงหรือระแวงกับการที่มีกล้องอยู่ใกล้ตัว เพราะฉะนั้นยิ่งกล้องอยู่ไกลเท่าไหร่ เขายิ่งแสดงได้ดีมากเท่านั้น แล้วพอเราทำเป็น 3 มิติ มันกลับกันการที่กล้องยิ่งใกล้ตัวเท่าไหร่ภาพ 3 มิติจะออกมาดีเท่านั้น เพราะฉะนั้นอันนี้มันจึงกลายเป็นอันตรายสำหรับนักแสดง และก็อันตรายต่อเครื่องไม้เครื่องมือด้วย เพราะฉะนั้นไอ้ตอนทำเป็นฉาก 3 มิติ เราจึงต้องเลือกใช้ให้ถูกจังหวะแล้วภาพที่ออกมาก็ทำให้ทีมงานทุกคนพอใจมาก คือเราจะได้เห็นคิวบู๊แบบจาพนมที่พอเราเอามาทำเป็น 3 มิติแล้ว มันกลายเป็นความแปลกใหม่ มันสวยงามมาก บางภาพระหว่างที่ถ่ายทำผมแทบจะรู้สึกเลยว่าภาพนี้มันน่าจะอยู่ในตัวอย่างหนังได้เลย คือเป็นจาพนมเข่าลอยมาและทิ่มมาข้างหน้าคนดูกันเลย พูดได้ว่าเป็นช็อตที่เรียกร้องความสนใจได้ดีมากๆ ก็เลยคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะสนุกซึ่งโดยส่วนตัวเราสนุกไปแล้วก็คิดว่าคนดูน่าจะสนุกตามไปด้วยไม่ยาก”
พร้อมกับงานโปรดักชั่นที่ทุ่มทุนมหาศาลมากกว่า 500 ล้านบาทให้ทุกๆ ฉากแอคชั่นในภาพยนตร์ยิ่งใหญ่อลังการเสี่ยงตายกว่า ดุดันกว่า “ต้มยำกุ้ง ภาคแรก” อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเนรมิตฉากไล่ล่า และแอ็คชั่นการต่อสู้ระหว่าง “จา พนม” กับมอเตอร์ไซค์แว้นนับสิบคันบนดาดฟ้าหลังคาตึกที่เต็มไปด้วยความหวาดเสียวลุ้นระทึกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งคิวแอคชั่นที่สตันต์ต้องเสี่ยงกับหลังคาสังกะสีที่หวิดเฉือนคอในขณะที่มอเตอร์ไซค์ชนจาพนมจนได้รับบาดเจ็บในฉากดังกล่าว หรือคิวบู๊แอคชั่นการต่อสู้บนที่สูงที่มอเตอร์ไซค์จะต้องพุ่งชนจาพนมจนทะลุหลังคาลอยขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับเป็นคิวแอคชั่นที่จาพนมต้องฟันศอกใส่ผู้ร้ายจนตกจากที่สูงทั้งคนและมอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่ฉากแอคชั่นดีไซน์ที่มอเตอร์ไซค์จะต้องพุ่งลอยข้ามจากดาดฟ้าตึกแห่งหนึ่งพุ่งไปชนตึกที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม รวมไปถึงการคิดค้นฉากแอคชั่นการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์แปลกใหม่และท้าอันตรายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกกับการที่จาพนมจะต้องถูกเหวี่ยงตัวจากรถบรรทุกที่พุ่งชนสะพานกาญจนาภิเษกลอยข้ามออกไปจากตัวคอสะพานเหินดิ่งลงไปยังกลางแม่น้ำด้วยความสูงมากกว่าตึก 20 ชั้นโดยไม่ใช้ตัวแสดงแทน หรือการที่จะต้องเสี่ยงตายด้วยการเกาะบนหลังคารถยนต์ที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับดริฟต์หมุนตัว 360 องศาเพื่อสะบัดให้จาพนมหลุดจากหลังคารถให้ได้ ซึ่งรวมเป็นฉากแอคชั่น Non-Stop ที่มีความยาวถึง 14.50 นาทีเลยทีเดียว โดยใช้เวลาในการถ่ายทำนานถึง 8 เดือน งานนี้จาพนมพระเอกนักบู๊ที่ต้องมีส่วนร่วมสำคัญในการเสี่ยงชีวิตและทุ่มสุดตัวในทุกๆ ฉากของ “ต้มยำกุ้ง 2 3D” การันตีกับแฟนๆ ด้วยตัวเองเลยว่าถึงภาค2ของ ต้มยำกุ้งไม่ได้ไปถ่ายทำในต่างประเทศ แต่ยืนยันว่าการถ่ายทำทุกฉากในประเทศไทยล้วนอัดแน่นและถึงพร้อมไปด้วยภาพแอคชั่นสุดมันส์ Non-Stop ชนิดที่ว่าไม่ต้องให้หยุดหายใจกันเลยทีเดียว
“อย่างใน ‘ต้มยำกุ้ง ภาคแรก’ ที่เราได้ดูมีการไปถ่ายทำที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย การถ่ายทำพูดได้ว่ามีความมันส์แบบสุดๆ พอมาในภาค 2หลายคนมองว่าไม่ได้ถ่ายเมืองนอกอย่างนี้อลังการความมันส์จะลดลงรึเปล่า ซึ่งผมต้องขอบอกว่าความมันส์นั้นไม่ได้ลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น เพราะพอเราตัดสินใจที่จะถ่ายทำภาค 2 นี้ในเมืองไทย นั่นหมายความว่าแต่ละโลเคชั่นในเมืองไทยที่ถูกเลือกมาล้วนเอื้ออำนวยในการที่เราจะใส่ความเต็มที่ในการทำคิวแอคชั่นได้ถึงขีดสุด ประกอบกับความหลากหลายของคิวแอคชั่นที่ดีที่สุดที่ถูกดีไซน์คิดค้นขึ้นมาสำหรับในภาค 2 เพราะในภาคแรกเราถูกจำกัดในเรื่องของโลเคชั่นสถานที่ในการถ่ายทำ ซึ่งก็ไม่เอื้ออำนวยให้เราได้ถ่ายทำอย่างเต็มที่อย่างที่เราต้องการที่สุด รวมทั้งเขาเองมีกฎหมายข้อบังคับหลายๆ อย่าง เขตหรือจุดของการถ่ายทำตามท้องถนนสถานที่สาธารณะ เราจะไปกระโดดตีลังกาทำข้าวของพังไม่ได้ แต่ใน ‘ต้มยำกุ้ง ภาค 2’ เมื่อเราถ่ายทำในประเทศไทยเราสามารถใส่ดีกรีความมันส์เพิ่มเข้าไป และทีมงานของพี่ปรัชญาเอง อาจารย์พันนาผู้สร้างสรรค์ฉากแอ็คชั่นก็สามารถจินตนาการออกมาได้หมด แล้วยิ่งเราถ่ายทำกันในรูปแบบของภาพยนตร์ 3มิติ ทำให้เราสามารถเติมจินตนาการในความมันส์ได้ในทุกรูปแบบให้คนดูได้สัมผัสถึงความเป็น 3 มิติมากขึ้น”
Fighting Club Kazu Patrick Tang Marrese Crump RZA The Protector 2 Tom Yum Goong 2 Tony Jaa TYG 2 กัลป์ หงษ์รัตนาภรณ์ คาซู แพทริค แทงค์ จา พนม จาพนม ยีรัมย์ จีจ้า ญาณิน วิสมิตะนันทน์ ต้มยำกุ้ง 2 ต้มยำกุ้ง 2 3D ทีมนักสู้ไฟต์ติ้งคลับ ปรัชญา ปิ่นแก้ว พนม ยีรัมย์ พันนา ฤทธิไกร มาร์รีส ครัมป์ รฐา โพธิ์งาม หญิง รฐา หม่ำ จ๊กม๊ก เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ โทนี่ จา
นักแสดง
ผู้กำกับ
ปรัชญา ปิ่นแก้วรางวัล
รางวัล “สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 23” (ประจำปี 2556) – บันทึกเสียงและผสมเสียงยอดเยี่ยม (ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา), เทคนิคการสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม (เซอร์เรียล สตูดิโอ)