ต้มยำกุ้ง 2 (The Protector 2)

วันเข้าฉาย: 23/10/2013 แอ็กชัน 01 ชั่วโมง 40 นาที

เรื่องย่อ

8 ปีเต็มจากปรากฏการณ์ “ต้มยำกุ้ง” เหนือทุกความสำเร็จ

ภาพยนตร์แอคชั่นเรื่องเดียวในประวัติศาสตร์ที่ทำให้โลกต้องจับตา

“สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” ระเบิดทุนสร้างกว่า 500 ล้านบาท

“จาพนม ยีรัมย์ * ปรัชญา ปิ่นแก้ว * พันนา ฤทธิไกร”

กลับมาระเบิดความมันส์เสี่ยงตาย Non-Stop ครั้งแรกในแบบ Real Action 3D

“ต้มยำกุ้ง 2 3D”

ผนึกกำลัง “จีจ้า ญาณิน * หม่ำ จ๊กม๊ก * หญิง รฐา”

เผชิญหน้า 2 คู่ปรับส่งตรงจากฮอลลีวูด

“RZA” แร็ปเปอร์ระดับโลก * “Marrese Crump” ไฟต์เตอร์เหี้ยมมหากาฬ

พร้อมระดมทีมงานแอคชั่นระดับแถวหน้าของเมืองไทย

23 ต.ค. นี้ มาร่วมสร้างปรากฏการณ์ภาพยนตร์แอ็คชั่นไทยกระหึ่มโลกอีกครั้ง

 

เมื่อสาเหตุการฆาตกรรม “เสี่ยสุชาติ” เจ้าของปางช้างผู้กว้างขวาง คือการถูกกระแทกเข้าอย่างจังในจุดตาย 3 แห่งโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้มัดตัว “ไอ้ขาม” (จาพนม ยีรัมย์) เนื่องจากเขาเป็นคนสุดท้ายที่ถูกพบอยู่ในที่เกิดเหตุกับผู้ตาย เขาจึงต้องหลบหนีจากการจับกุมและการตามล่าเพื่อทวงแค้นจาก “ปิงปิง-ซือซือ” (จีจ้า ญาณิน – วานวาน ธีรดา) หลานสาวฝาแฝดของเสี่ยสุชาติ แต่โชคยังเข้าข้างเมื่อระหว่างการหลบหนี ขามได้รับการช่วยเหลือจาก “จ่ามาร์ค” (หม่ำ จ๊กม๊ก) ตำรวจสากลที่ถูกส่งมาจากซิดนีย์เพื่อจัดการภารกิจบางอย่าง

 

ขามหนีการตามล่าพร้อมกับการตามหา “ขอน” ช้างตัวเดียวที่เป็นเสมือนทั้งเพื่อนและพี่น้องที่ถูกขโมยไปเมื่อหลายวันก่อน ยิ่งหนีขามก็ยิ่งต้องเข้าไปพัวพันกับองค์กรลึกลับที่ถูกควบคุมโดย “แอล ซี” (RZA) นายใหญ่ผู้คลั่งไคล้การสะสมนักสู้จากทั่วโลกอย่างลับๆ ทำให้เหล่านักสู้ที่ถูกตีตราด้วยตัวเลข ไม่ว่าจะเป็น “ทเวนตี้” (หญิง รฐา) หรือ “Number 2” (มาร์ริส ครัมป์) ล้วนแต่มีเป้าหมายอยู่ที่การจัดการไอ้ขามเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างของนายใหญ่

 

เตรียมพบกับการต่อสู้แบบสุดขีดขั้นของ “จา พนม” ด้วยศิลปะการต่อสู้นานาชนิด เสี่ยงตายทุกวินาที และการดีไซน์ฉากต่อสู้เสี่ยงตาย ทุ่มทุนสร้างสูงสุดของภาพยนตร์แอคชั่นไทยที่ทั้งโลกต้องจับตา พร้อมการถ่ายทำในระบบ 3 มิติทุกขั้นตอนใน “ต้มยำกุ้ง 2 3D”  พร้อมกัน 23 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

Tom-Yum-Goong-2-Poster03

 

จาก “ต้มยำกุ้ง” สู่ “The Protector”

ถล่ม Box Office ฮอลลีวูด ครองอันดับ 1 ทั่วเอเชียและยุโรป

คือความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์แอคชั่นไทยระดับโลกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

เป็นที่ยอมรับว่าความโดดเด่นอย่างถึงที่สุดในความเป็นภาพยนตร์ Real Action Martial Arts ที่เน้นศิลปะการต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบทั้งสวยงาม หนักหน่วง รุนแรง ดุดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่วงท่าของ “ทุ่ม-ทับ-จับ-หัก” จาก “มวยคชสาร” คือหัวใจสำคัญจากการผนึกกำลังการออกแบบควบคุมฉากการต่อสู้โดย “พันนา ฤทธิไกร” และถูกนำเสนอผ่านลีลาแอคชั่นซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวชนิดที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ของ “จาพนม ยีรัมย์” ภายใต้การกำกับภาพยนตร์แบบโชว์อานุภาพถึงขีดสุดโดย “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ทำให้ “ต้มยำกุ้ง” (2548) ภาคแรกสามารถสร้างความตื่นตะลึงและสร้างความฮือฮาให้กับคอภาพยนตร์แอคชั่นไปทั่วโลก จนต้องมีการบันทึกในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ถึงสถิติความสำเร็จต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและนานาประเทศทั่วโลกถึงกระแสต้มยำกุ้งฟีเวอร์อย่างที่ไม่เคยมีภาพยนตร์ไทยเรื่องใดสามารถทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์ตราบจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการถล่ม US Box Office ในอันดับ 4 และขึ้นอันดับ 1 Box Office ในหลายประเทศของเอเชีย อาทิ ฮ่องกง เกาหลี ฯลฯ และในอีกหลายประเทศทั้งทางทวีปอเมริกาและยุโรป ทำรายได้จากทั่วโลกกว่า 1,000 ล้านบาท ภายใต้ชื่อภาษาอังกฤษ “The Protector” (USA) และ “Warrior King” (UK)

 

Tom-Yum-Goong-2-Still08

Tom-Yum-Goong-2-Still11

 

“Tom Yum Goong 2” ที่สุดแห่งภาพยนตร์ Real Action ภาคต่อ

ที่ไม่ใช่แค่คนไทย แต่ยังรวมไปถึงเหล่าบรรดาคอหนังแอคชั่นจากทั่วโลกที่เฝ้ารอ

 

จากกระแสความสำเร็จอันมหาศาลของ “ต้มยำกุ้ง” หรือ “The Protector” กล่าวได้ว่าในรอบทศวรรษที่ผ่านมาไม่มีนักแสดงแอคชั่นฮีโร่คนใดในโลกที่ได้รับการยกย่อง อย่างที่เกิดขึ้นกับ “โทนี่ จา” (Tony Jaa) ขนาดเกิดเป็นกระแสแฟนคลับของโทนี่ จาฟีเวอร์ในแทบทุกประเทศจากทั่วโลก และเมื่อพูดถึงไอคอนหรือสิ่งทีเป็นสัญลักษณ์ของเมืองไทย แน่นอนว่านอกจากช้าง, ผัดไทย ฯลฯ ทุกคนต่างไม่ลืมชื่อของโทนี่ จา ต้องยอมรับว่าหลังจากความสำเร็จของ “องค์บาก” (2546) ภาพยนตร์แอคชั่นไทยระดับโลกเรื่องแรกที่ทำให้โลกรู้จักศิลปะการต่อสู้มวยไทย ภาพยนตร์แอคชั่นไทย และแอคชั่นฮีโร่จากเมืองไทย จนถึงวันนี้ 10 ปีผ่านไปเมื่อลองพิมพ์ชื่อ “Ong-Bak” ใน Google จะมีรายการค้นหาที่เกี่ยวข้องถึงเกือบ 7 ล้านรายการ แต่เมื่อพูดถึงความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์แอคชั่นจากประเทศไทยย่อมไม่พ้น “ต้มยำกุ้ง” (2548) และถ้าพูดถึงภาพยนตร์แอคชั่นภาคต่อที่พูดได้ว่าคนทั้งโลกรอคอยแน่นอนว่าต้องเป็น “ต้มยำกุ้ง 2 3D” หลังจากใช้เวลานานถึง 8 ปีเต็ม ถึงเวลาแล้วที่ “ต้มยำกุ้ง 2 3D” จะปรากฏสู่สายตาผู้ชมภาพยนตร์ด้วยความยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีภาพยนตร์ Real Action Martial Arts ของโลกเรื่องใดเคยทำได้มาก่อน

 

Tom-Yum-Goong-2-Still13

Tom-Yum-Goong-2-Still15

Tom-Yum-Goong-2-Still18

Tom-Yum-Goong-2-Still21

Tom-Yum-Goong-2-Still20

 

“จา พนม” ผนึกกำลัง “จีจ้า ญาณิน” พร้อม “หม่ำ จ๊กม๊ก”

เปิดตัวแอคชั่นเซ็กซี่สตาร์หญิงคนใหม่ “รฐา โพธิ์งาม”

กับครั้งแรกในการเผชิญหน้า 2 คู่ปรับสั่งตรงจากฮอลลีวูด

“RZA” นักแสดง-แร็ปเปอร์ระดับโลก VS “Marrese Crump” ไฟต์เตอร์ระดับพระกาฬ

พร้อมระดมเหล่าสุดยอดทีมแอคชั่นฮีโร่มือหนึ่งของไทยและต่างชาติ

ร่วมสร้างปรากฏการณ์ Real Action Martial Arts ครั้งยิ่งใหญ่

 

“สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” พร้อมแล้วที่จะเปิดจินตนาการความมันส์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดกับภาพยนตร์ Real Action Martial Arts ภาคต่อที่คนทั้งโลกรอคอย 8 ปีเต็ม พร้อมการกลับมาตอกย้ำขีดศักยภาพไร้ขีดจำกัดในความเป็นซูเปอร์สตาร์แอคชั่นฮีโร่ระดับโลกของ “จาพนม ยีรัมย์” ผนึกกำลังแอคชั่นคูณสองคู่กันเป็นครั้งแรกบนแผ่นฟิล์มกับแอคชั่นฮีโร่หญิง “จีจ้า ญาณิน” ร่วมแท็กทีมทวีความเข้มข้นด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากซูเปอร์สตาร์ตลกอันดับหนึ่งของเมืองไทย “หม่ำ จ๊กม๊ก” ตะลึงตากับการพลิกบทบาทครั้งสำคัญในชีวิตของ “หญิง-รฐา โพธิ์งาม” ผสมผสานเสน่ห์ความสวยอันตรายสุดร้ายกาจพร้อมความสามารถทางการต่อสู้กับการแสดงแอคชั่นเต็มตัวเป็นครั้งแรกบนแผ่นฟิล์ม ปะทะ 2 คู่ปรับคนสำคัญของจา พนมใน “ต้มยำกุ้ง 2 3D” ที่ถูกส่งตรงมาจากฮอลลีวูด “RZA” (ริซา) โปรดิวเซอร์เจ้าของรางวัลแกรมมีอวอร์ด ไอคอนดนตรีฮิปฮอประดับโลก นักดนตรี นักแต่งเพลง มือเขียนบท นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์จากฮอลลีวูดผู้หลงใหลในศิลปะการต่อสู้รับบทผู้ร้ายคนสำคัญของจา พนม และ “Marres Crump” (มาร์รีส ครัมป์) นักแสดงจากฮอลลีวูดผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้หลากหลายชนิดที่ปรากฏอยู่บนโลกใบนี้รับบทนักฆ่าที่เก่งกาจที่สุดที่ส่งมาเพื่อจัดการจา พนมในเรื่องนี้โดยเฉพาะ พร้อมด้วยเหล่าไฟต์เตอร์นักสู้แอคชั่นมือหนึ่งที่เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ในแขนงต่างๆ ทั้ง “คาซู แพทริก แท็ง” แชมป์ศิลปะการต่อสู้ Trickz จากฝรั่งเศส (จีจ้า ดื้อสวยดุ, Unleashed, โคตรสู้โคตรโส, Chinese Zodiac), “เดวิด อิสมาโลน” (องค์บาก, Ultraviolet, The Medallion), ทีมไฟต์ติ้งคลับ “โคตรสู้โคตรโส” (Bangkok Knockout) ซึ่งแต่ละคนล้วนต่างมีความสามารถเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป โดยถูกระดมมาร่วมปะทะความมันส์ในฐานะคู่ปรับกับ “จาพนม ยีรัมย์” และ “จีจ้า ญาณิน” โดยเฉพาะ

 

และเพื่อให้ “ต้มยำกุ้ง 2 3D” คือที่สุดแห่งการมาของอภิมหาความมันส์ของภาพยนตร์เรียลแอคชั่นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปี 2556 ที่คอหนังแอคชั่นจากทั่วโลกรอคอย เหล่าทีมงานและบุคลากรมือหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความอลังการของภาพยนตร์แอคชั่นทั่วฟ้าเมืองไทยถูกระดมมารวมตัวกันเพื่อการนี้ นำทีมโดยสุดยอดปรมาจารย์แอ็คชั่นคิวบู๊ “พันนา ฤทธิไกร” (องค์บาก, ต้มยำกุ้ง, เกิดมาลุย, โคตรสู้โคตรโส, ช็อคโกแลต ฯลฯ) รับหน้าที่ควบคุมฉากแอคชั่นการต่อสู้ให้กับทุกๆ ฉากที่เกิดขึ้น พร้อมสร้างความตื่นตะลึงและเซอร์ไพรส์ช็อกความรู้สึกและเต็มไปด้วยความแปลกใหม่สุดท้าทายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

พร้อมแท็กทีมร่วมกันของ 2 ผู้กำกับแอคชั่นมือหนึ่งของเมืองไทยอย่าง “วีระพล ภูมาตย์ฝน” อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ “จีจ้า ญาณิน” รวมทั้งออกแบบและกำกับฉากแอคชั่นใน “ช็อคโกแลต” (2551), “จีจ้า ดื้อสวยดุ” (2552) และเป็นแอคชั่นสตันต์เพื่อนร่วมรุ่นของจา พนม และ “สมใจ จันทร์มูลตรี” (องค์บาก, บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม, 7 ประจัญบาน 2, ส้มตำ, คนไฟบิน, จั๊กกะแหล๋น) มารับหน้าที่ในการออกแบบและกำกับฉากแอคชั่นการต่อสู้ ไม่เพียงเท่านั้นงานนี้ยังได้เหล่าทีมแอคชั่นสตันต์เสี่ยงตายมือดีที่สุดในทีมมวยไทยสตันต์ของพันนา ฤทธิไกรที่อยู่เบื้องหลังความมันส์ของฉากแอคชั่นต่างๆ ในภาพยนตร์แอคชั่นของไทยและฮอลลีวูด รวมทั้งเป็นผู้ถ่ายทอดและฝึกสอนความสามารถทางมวยไทยให้ “แอนเจลินา โจลี” ได้โชว์ศักยภาพในความเป็นนางเอกแอคชั่นมาแล้วใน “Salt” (2010) และ “เซ้ง-กวี ศิริคเณรัตน์” ผู้อยู่เบื้องหลังฉากแอคชั่นเสี่ยงตายในภาพยนตร์ฮอลลีวูดอย่าง “Rambo 4” (2008) และ “The Hangover 2” (2011) Stunt Coordinator ระดับฮอลลีวูดที่ทำให้แบรนด์ Thai Stuntmen สู่ระดับสากล มาร่วมเสริมทัพความยิ่งใหญ่ให้กับฉากแอคชั่นของ “ต้มยำกุ้ง 2” พูดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” เพื่อประกาศให้รู้ว่าทีมแอคชั่นไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่คือ “ดรีมทีมต้มยำกุ้ง” อย่างแท้จริง

 

Tom-Yum-Goong-2-Still12

Tom-Yum-Goong-2-Still16

Tom-Yum-Goong-2-Still10

Tom-Yum-Goong-2-Still09

Tom-Yum-Goong-2-Still07

Tom-Yum-Goong-2-Still24

 

The First 3D Real Action กับปรากฏการณ์ความมันส์ของ “Tom Yum Goong 2″

Non-Stop หยุดทุกลมหายใจกับสารพัดแอคชั่นดีไซน์ พร้อมฉากเสี่ยงตายของ “จาพนม ยีรัมย์”

 

สิ่งที่พูดได้ว่าคือการพลิกปรากฏการณ์ปฎิวัติรูปแบบของภาพยนตร์แอคชั่นที่ถือได้ว่าเป็นสุดยอดความพิเศษซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ “ต้มยำกุ้ง 2” ในครั้งนี้ซึ่งรับรองว่าไม่เพียงสร้างเอกลักษณ์ความโดดเด่นที่ถือได้ว่าแตกต่างและเป็นความแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จนกล่าวได้ว่าการกลับมาครั้งนี้คือการเปิดประตูแห่งจินตนาการที่จะเกิดขึ้นในโลกภาพยนตร์แอคชั่น ณ พ.ศ. นี้ นั่นคือการนำเสนอภาพยนตร์เรื่อง “ต้มยำกุ้ง 2” ในรูปแบบของภาพยนตร์ 3D Real Action อย่างเต็มรูปแบบตลอดทั้งเรื่องเป็นครั้งแรก ภายใต้โจทย์สำคัญที่ว่าทุกวินาทีแห่งความตื่นตาที่พร้อมปรากฏบนจอภาพยนตร์ล้วนผ่านการออกแบบมาเพื่อรองรับกับการผสมผสานระหว่างการดีไซน์ของทุกมุมกล้องในทุกมิติของภาพออกมาเพื่อรองรับกับทุกๆ คิวของทุกๆ ฉากแอคชั่นการต่อสู้ที่ผ่านออกแบบมาเพื่อหวังผลทางด้านภาพในความเป็นภาพยนตร์เรียลแอคชั่น 3 มิติที่สมบูรณ์แบบที่สุดตามความตั้งใจของ “เสี่ยเจียง-สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” บอสใหญ่แห่งค่าย “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” หลังจากที่สร้างมิติใหม่ให้คนทั้งโลกได้รู้จักแอคชั่นไทยอย่าง “องค์บาก” และ “ต้มยำกุ้ง” มาแล้ว โดยงานนี้ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” เองที่เรียกได้ว่าเป็นผู้กำกับคนแรกของเมืองไทยที่เคยสร้างมิติใหม่ให้กับวงการเพลงด้วยการกำกับมิวสิควิดีโอสามมิติมาก่อนหน้านี้รวบรวมความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทั้งหมด ผสมผสานกับความเชี่ยวชาญในการกำกับภาพยนตร์เรียลแอคชั่นที่ตัวเองคุ้นเคยเป็นอย่างดีตั้งใจรวมไปถึงการร่วมงานกับ “จา พนม” มาตลอด 10 ปี ตั้งใจให้ “ต้มยำกุ้ง 2 3D” เป็นภาพยนตร์เรียลแอคชั่น 3 มิติที่สมบูรณ์ที่สุดให้สมกับที่คนทั้งโลกรอคอย

 

“การที่ตัดสินใจถ่ายทำเรื่องนี้เป็น 3มิติ เป็นส่วนหนึ่งมาจากความชอบส่วนตัวด้วยที่ผมเป็นคนชอบดูหนัง 3 มิติอยู่แล้ว พอเรามีโอกาสทำแล้วด้วยความที่เป็นหนังแอคชั่นด้วย ผมว่ามันเหมาะสมเข้ากันกับภาพของ 3 มิติ ถ้าโดยส่วนตัวผมชอบดูหนัง 3 มิติที่ฉายในสวนสนุกนะ เพราะเป็นการสร้างงาน 3 มิติที่จงใจเล่นกับคนดู เล่นกับความรู้สึกอย่างเดียวเลย โดยที่เนื้อหานี่ไม่สำคัญเลย แต่ว่าพอเรามาทำอยู่ในภาพยนตร์ที่จำเป็นต้องมีการเล่าเรื่องด้วยมีเนื้อหาที่จะต้องสื่อสารกับคนดูด้วย เราจึงต้องมีการออกแบบโดยการใช้ฉาก 3 มิติที่จะเน้นที่จะเล่นกับคนดู หรือเล่นให้คนดูเกิดการตกใจคงต้องมีเป็นจังหวะๆ บางครั้งเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นหมัดเท้าเข่าศอกต่างๆ นานามันเอื้อต่อการที่เหมือนจะทำให้คนดูรู้สึกว่าเขาจะถูกอันตรายจากการต่อสู้จากมือหมัดเท้าจากนักแสดงบนจออยู่แล้ว แต่ว่าเราต้องเลือกใช้ อย่างตอนผมถ่ายหนังที่เป็น 2 มิติปกติเวลาถึงฉากแอคชั่น เวลาจาพนมสู้เราไม่สามารถเอากล้องไปใกล้เขาได้เลย  เพราะว่าการสู้เขาต้องไม่พะวงหรือระแวงกับการที่มีกล้องอยู่ใกล้ตัว เพราะฉะนั้นยิ่งกล้องอยู่ไกลเท่าไหร่ เขายิ่งแสดงได้ดีมากเท่านั้น แล้วพอเราทำเป็น 3 มิติ มันกลับกันการที่กล้องยิ่งใกล้ตัวเท่าไหร่ภาพ 3 มิติจะออกมาดีเท่านั้น เพราะฉะนั้นอันนี้มันจึงกลายเป็นอันตรายสำหรับนักแสดง และก็อันตรายต่อเครื่องไม้เครื่องมือด้วย เพราะฉะนั้นไอ้ตอนทำเป็นฉาก 3 มิติ เราจึงต้องเลือกใช้ให้ถูกจังหวะแล้วภาพที่ออกมาก็ทำให้ทีมงานทุกคนพอใจมาก คือเราจะได้เห็นคิวบู๊แบบจาพนมที่พอเราเอามาทำเป็น 3 มิติแล้ว มันกลายเป็นความแปลกใหม่ มันสวยงามมาก บางภาพระหว่างที่ถ่ายทำผมแทบจะรู้สึกเลยว่าภาพนี้มันน่าจะอยู่ในตัวอย่างหนังได้เลย คือเป็นจาพนมเข่าลอยมาและทิ่มมาข้างหน้าคนดูกันเลย พูดได้ว่าเป็นช็อตที่เรียกร้องความสนใจได้ดีมากๆ ก็เลยคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะสนุกซึ่งโดยส่วนตัวเราสนุกไปแล้วก็คิดว่าคนดูน่าจะสนุกตามไปด้วยไม่ยาก”

 

พร้อมกับงานโปรดักชั่นที่ทุ่มทุนมหาศาลมากกว่า 500 ล้านบาทให้ทุกๆ ฉากแอคชั่นในภาพยนตร์ยิ่งใหญ่อลังการเสี่ยงตายกว่า ดุดันกว่า “ต้มยำกุ้ง ภาคแรก” อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเนรมิตฉากไล่ล่า และแอ็คชั่นการต่อสู้ระหว่าง “จา พนม” กับมอเตอร์ไซค์แว้นนับสิบคันบนดาดฟ้าหลังคาตึกที่เต็มไปด้วยความหวาดเสียวลุ้นระทึกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งคิวแอคชั่นที่สตันต์ต้องเสี่ยงกับหลังคาสังกะสีที่หวิดเฉือนคอในขณะที่มอเตอร์ไซค์ชนจาพนมจนได้รับบาดเจ็บในฉากดังกล่าว หรือคิวบู๊แอคชั่นการต่อสู้บนที่สูงที่มอเตอร์ไซค์จะต้องพุ่งชนจาพนมจนทะลุหลังคาลอยขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับเป็นคิวแอคชั่นที่จาพนมต้องฟันศอกใส่ผู้ร้ายจนตกจากที่สูงทั้งคนและมอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่ฉากแอคชั่นดีไซน์ที่มอเตอร์ไซค์จะต้องพุ่งลอยข้ามจากดาดฟ้าตึกแห่งหนึ่งพุ่งไปชนตึกที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม รวมไปถึงการคิดค้นฉากแอคชั่นการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์แปลกใหม่และท้าอันตรายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกกับการที่จาพนมจะต้องถูกเหวี่ยงตัวจากรถบรรทุกที่พุ่งชนสะพานกาญจนาภิเษกลอยข้ามออกไปจากตัวคอสะพานเหินดิ่งลงไปยังกลางแม่น้ำด้วยความสูงมากกว่าตึก 20 ชั้นโดยไม่ใช้ตัวแสดงแทน หรือการที่จะต้องเสี่ยงตายด้วยการเกาะบนหลังคารถยนต์ที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับดริฟต์หมุนตัว 360 องศาเพื่อสะบัดให้จาพนมหลุดจากหลังคารถให้ได้ ซึ่งรวมเป็นฉากแอคชั่น Non-Stop ที่มีความยาวถึง 14.50 นาทีเลยทีเดียว โดยใช้เวลาในการถ่ายทำนานถึง 8 เดือน งานนี้จาพนมพระเอกนักบู๊ที่ต้องมีส่วนร่วมสำคัญในการเสี่ยงชีวิตและทุ่มสุดตัวในทุกๆ ฉากของ “ต้มยำกุ้ง 2 3D” การันตีกับแฟนๆ ด้วยตัวเองเลยว่าถึงภาค2ของ ต้มยำกุ้งไม่ได้ไปถ่ายทำในต่างประเทศ แต่ยืนยันว่าการถ่ายทำทุกฉากในประเทศไทยล้วนอัดแน่นและถึงพร้อมไปด้วยภาพแอคชั่นสุดมันส์ Non-Stop ชนิดที่ว่าไม่ต้องให้หยุดหายใจกันเลยทีเดียว

 

“อย่างใน ‘ต้มยำกุ้ง ภาคแรก’ ที่เราได้ดูมีการไปถ่ายทำที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย การถ่ายทำพูดได้ว่ามีความมันส์แบบสุดๆ พอมาในภาค 2หลายคนมองว่าไม่ได้ถ่ายเมืองนอกอย่างนี้อลังการความมันส์จะลดลงรึเปล่า ซึ่งผมต้องขอบอกว่าความมันส์นั้นไม่ได้ลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น  เพราะพอเราตัดสินใจที่จะถ่ายทำภาค 2 นี้ในเมืองไทย นั่นหมายความว่าแต่ละโลเคชั่นในเมืองไทยที่ถูกเลือกมาล้วนเอื้ออำนวยในการที่เราจะใส่ความเต็มที่ในการทำคิวแอคชั่นได้ถึงขีดสุด ประกอบกับความหลากหลายของคิวแอคชั่นที่ดีที่สุดที่ถูกดีไซน์คิดค้นขึ้นมาสำหรับในภาค 2 เพราะในภาคแรกเราถูกจำกัดในเรื่องของโลเคชั่นสถานที่ในการถ่ายทำ ซึ่งก็ไม่เอื้ออำนวยให้เราได้ถ่ายทำอย่างเต็มที่อย่างที่เราต้องการที่สุด รวมทั้งเขาเองมีกฎหมายข้อบังคับหลายๆ อย่าง เขตหรือจุดของการถ่ายทำตามท้องถนนสถานที่สาธารณะ เราจะไปกระโดดตีลังกาทำข้าวของพังไม่ได้ แต่ใน ‘ต้มยำกุ้ง ภาค 2’ เมื่อเราถ่ายทำในประเทศไทยเราสามารถใส่ดีกรีความมันส์เพิ่มเข้าไป และทีมงานของพี่ปรัชญาเอง อาจารย์พันนาผู้สร้างสรรค์ฉากแอ็คชั่นก็สามารถจินตนาการออกมาได้หมด แล้วยิ่งเราถ่ายทำกันในรูปแบบของภาพยนตร์ 3มิติ ทำให้เราสามารถเติมจินตนาการในความมันส์ได้ในทุกรูปแบบให้คนดูได้สัมผัสถึงความเป็น 3 มิติมากขึ้น”

 


นักแสดง

จาพนม ยีรัมย์
RZA (ริซา)
เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา (หม่ำ จ๊กม๊ก)
จีจ้า ญาณิน
Marrese Crump (มาร์รีส ครัมป์)
รฐา โพธิ์งาม
Kazu Patrick Tang (คาซู แพทริค แทงค์)

ผู้กำกับ

ปรัชญา ปิ่นแก้ว

รางวัล

รางวัล “สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 23” (ประจำปี 2556) – บันทึกเสียงและผสมเสียงยอดเยี่ยม (ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา), เทคนิคการสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม (เซอร์เรียล สตูดิโอ)


โปสเตอร์ภาพยนตร์


ตัวอย่างภาพยนตร์ / คลิป


รูปภาพ


ภาพยนตร์ที่คุณอาจสนใจ