หากพูดถึงสถานที่สุดเฮี้ยนหลอนหัวที่ผู้คนมักจะประสบพบเจอเรื่องสยองขวัญหรือชอบไปลองดีผีชุม “โรงพยาบาล” ก็ต้องติดลิสต์สถานที่สุดฮิตอันดับต้นๆ ที่ปรากฏตำนานเรื่องเล่าขนหัวลุกต่างๆ มากมาย เพราะความที่สถานพยาบาลส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่เก่าแก่ที่ก่อตั้งมายาวนาน มีหลากหลายซอกหลืบลึกลับ แน่นอนที่สุดมันคือสถานที่ที่มีคนเจ็บป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากนั่นเอง นี่คือที่มาของ “7 โรงพยาบาลเฮี้ยนที่สุดในโลก” กับเรื่องราวลี้ลับของสถานที่แห่งความตายที่จะเป็นฝันร้ายของคนที่ชอบลองของส่องเรื่องผีเลยทีเดียว!

 

อันดับ 7: Beechworth Lunatic Asylum (ประเทศออสเตรเลีย)

สถานบำบัดผู้ป่วยทางจิต “Beechworth Lunatic Asylum” เดิมมีชื่อว่า “Mayday Hills Lunatic Asylum” ตั้งอยู่ในรัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1867 และปิดตัวลงหลังจากให้บริการมา 128 ปี มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับโรงพยาบาลแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทรมานผู้ป่วยทางจิตในรูปแบบต่างๆ ผู้ป่วยจับผู้ป่วยและเจ้าหน้าพยาบาลโยนทิ้งออกมาทางหน้าต่างหรือปล่องทิ้งขยะ, การทดลองการรักษาปริศนา ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากถึง 9,000 คน และหลายๆ คนเล่าต่อกันมาว่ามักจะเห็นร่างของชายปริศนาตัวใหญ่ปรากฏขึ้นบริเวณห้องใต้ดินและหายตัวไปต่อหน้าต่อตา หรือบางคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นมักจะพบเห็นร่างใส่ชุดฮูดสีเทาโบราณ ประตูเปิดปิดได้เอง และในยามค่ำคืนผู้คนก็มักจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังสลับเสียงกรีดร้องลึกลับ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าเคยเผลอมองออกไปนอกหน้าต่างยามวิกาลแล้วพบร่างชายชราสวมแจ็กเก็ตสีเขียวเดินเตร็ดเตร่อยู่ในสวน

ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงอยู่และเปิดให้กลุ่มล่าท้าผีหรือคนที่อยากพิสูจน์สิ่งลี้ลับเข้าไปพบเจอวิญญาณอยู่เสมอ แต่ก็มีหลายๆ ครั้งที่มีคนเข้าไปแล้วหายสาบสูญไปในอาคารแห่งนี้!

 

 

อันดับ 6: Tranquille Sanatorium (ประเทศแคนาดา)

ประวัติศาสตร์ที่น่าสยดสยองของสถานพยาบาลที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้ คือที่มาของเรื่องเล่าความน่ากลัวที่ทำให้ผู้คนจากทั่วโลกโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบความลี้ลับ เดินทางมาถึง Tranquille พื้นที่ก่อสร้างรกร้างบนที่ดินกว่า 600 เอเคอร์ โดยแต่เดิมที่ดินแห่งนี้เคยถูกใช้สำหรับทำการเกษตรตั้งแต่ปี 1890 ก่อนที่จะเปลี่ยนให้เป็น “แคมป์ลูปส์” สถานกักกันผู้ป่วยวัณโรคในปี 1910 ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าการป่วยด้วยโรควัณโรคในยุคนั้นโอกาสรอดแทบจะเป็นศูนย์ การเข้าถึงการรักษาล้มเหลวจึงทำให้เป็นสถานพยาบาลที่มีคนตายจำนวนมากและถูกปิดไปในปี 1985 สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ดินแดนแห่งความตาย” เพราะหลังจากที่ถูกปิดลงทางการเข้ามาค้นพบสุสานมากมาย รวมไปถึงอุโมงค์ใต้ดินลึกลับที่ว่ากันว่ามีศพมนุษย์กองอยู่จนล้นออกมาในวันที่ถูกค้นพบ ด้วยเรื่องราวความสยองทำให้มีการจัดทัวร์ล่าท้าผีกันแบบจริงจังในรูปแบบบริษัททัวร์ ซึ่งผู้ที่เคยเดินทางไปพิสูจน์ต่างก็บอกเล่าความน่ากลัวสืบทอดกันมา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของลอยได้ เสียงกรีดร้อง และความเย็นยะเยือกที่ค่อยๆ เคลื่อนผ่านกระดูกสันหลัง

ปัจจุบันที่แห่งนี้กลายเป็นที่ดินส่วนบุคคลและถูกสั่งห้ามเข้า แต่สำหรับบริเวณอุโมงค์แห่งความตาย ทางผู้ครอบครองอนุญาตเปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าไปสำรวจได้ในช่วงวันฮาโลวีนเท่านั้นเพื่อควบคุมความปลอดภัยและการมั่วสุมยาเสพติด

 

 

อันดับ 5: Trans-Allegheny Lunatic Asylum (ประเทศสหรัฐอเมริกา)

สถานที่แห่งความบ้าคลั่งและทำลายล้าง ลึกลงไปใจกลางรัฐเวสต์เวอร์จิเนียจะพบกับอาคารหลังยาวที่ดูเหมือนคฤหาสน์ราคาแพง รายล้อมไปด้วยสนามหญ้าเขียวขจีสวยงาม แต่เบื้องหลังที่นี่เคยเป็นโรงพยาบาลจิตเวชเก่าที่มีเรื่องราวการฆาตกรรม การจองจำ ความอาฆาตแค้น และความน่ากลัว โรงพยาบาลแห่งนี้เปิดทำการในปี 1850 บริการรักษาผู้ป่วยจิตเวชมานานถึง 130 ปี โดยใช้ชื่อเดิมว่า “โรงพยาบาลคนบ้าทรานส์อัลเลเฮนี” จึงทำให้ที่นี่มีเรื่องราวไม่ธรรมดา สถานที่แห่งนี้ใช้กักขังผู้ป่วยทางจิตมากถึง 2,600 คน และการเสียชีวิตส่วนใหญ่คือการฆ่าตัวตายและการถูกเพื่อนผู้ป่วยด้วยกันฆ่าอย่างโหดเหี้ยม บางคนก็ถูกปล่อยให้ตายอย่างทรมาน ไร้การรักษา ขาดเครื่องมือ ทำให้ผู้ที่เข้าไปลองของพิสูจน์ความเฮี้ยนพบเจอประสบการณ์สยองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องทรมาน เสียงคนตะกุยฝาผนัง และเสียงคนเดินไปมาบริเวณบันไดวงกต เงาผู้หญิงปริศนาบนชั้น 2 หลายคนเชื่อว่าเป็นวิญญาณทรมานที่ถูกขังไว้หลายร้อยปีและไม่เคยได้รับการทำพิธีปลดปล่อยที่ถูกต้อง

ปัจจุบันที่นี่เปิดบริการทัวร์ให้คนใจกล้าในช่วงกลางวัน และนอนพักได้ในช่วงเวลากลางคืนภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ แน่นอนว่าทั้งหมดมีค่าใช้จ่าย

 

 

อันดับ 4: Sai Ying Pun Psychiatric Hospital (ฮ่องกง)

สถานที่เฮี้ยนแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณจิมซาจุ่ย ใจกลางเกาะฮ่องกง โรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งขึ้นในปี 1892 และเป็นที่รู้จักในชื่อ “High Street Ghost House” เพราะเนื่องจากมีเรื่องราวเหนือธรรมชาติมากมายเกิดขึ้น แต่เดิมที่นี่เป็นที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่พยาบาล ก่อนจะกลายเป็นที่คุมขังและโถงประหารของกองทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้เปลี่ยนมาเป็นโรงพยาบาลจิตเวช เปิดให้บริการถึงปี 1970 หลังจากโรงพยาบาลปิดตัวลง ที่นี่ถูกทิ้งให้รกร้างและเกิดไฟไหม้ถึง 2 ครั้ง โดยอ้างว่าเกิดจากผู้บุกรุก ส่งผลให้ผู้ที่อยู่อาศัยใกล้เคียงหรือคนที่สัญจรผ่านไปมาได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิง หรือเสียงดังกึกก้องของคนจำนวนมากดังมาจากข้างในอาคารร้าง บ้างก็พบเจอรอยเท้าปริศนาปรากฏขึ้นก่อนจะหายไป เสียงร้องขอชีวิตของนักโทษประหารที่ดังโหยหวน ร่างชายที่ถูกไฟไหม้ทั้งตัวบนหน้าต่างชั้นสอง รวมถึงวิญญาณที่ถูกตัดคอก็ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยครั้ง

ถึงแม่ว่าปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็น “Sai Ying Pun Community Complex” แหล่งยอดฮิตของวัยรุ่น แต่ความน่ากลัวและเสียงโหยหวนก็ยังคงมีให้คนรุ่นนี้ได้ยินอย่างไม่เคยจางหายไป

 

 

อันดับ 3: Old Changi Hospital (ประเทศสิงคโปร์)

ถูกก่อตั้งในปี 1935 โดยรัฐบาลอาณานิคมของอังกฤษ ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนเป็นสถานกักกันของทหารและสถานพยาบาลของเชลยศึกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีข้อมูลพบว่าบางส่วนของอาคารถูกใช้เป็นห้องทรมานสำหรับล้วงข้อมูล ในห้องนั้นยังมีโซ่เส้นหนาห้อยอยู่ และบริเวณพื้นเต็มไปด้วยคราบเลือดแห้งกรังสะสมมายาวนาน ส่งผลให้มีนักโทษและเชลยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมโรงพยาบาลแห่งนี้จึงได้รับชื่อเสียงที่น่ากลัวตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะใครก็ตามที่ใจกล้าเข้ามาลองของมักจะต้องพบเห็นวิญญาณในเครื่องแบบทหาร วิญญาณพยาบาลลอยผ่านหน้าต่างตัวอาคาร เสียงกรีดร้องก้องทั่วทางเดินของโรงพยาบาลในตอนดึก

จนเมื่อปี 2010 สถานที่แห่งนี้ถูกใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ แต่ระหว่างการถ่ายทำนักแสดงและทีมงานกลับต้องตกตะลึง เมื่อพวกเขาเล่ากันว่าพบวิญญาณผู้หญิงที่ถูกทรมานจากเงาดำปริศนาไร้ใบหน้าและเสียงโหยหวนด้วยความทุกข์ทรมาน

 

 

อันดับ 2: Gonjiam Psychiatric Hospital (ประเทศเกาหลีใต้)

“โรงพยาบาลจิตเวชกนจีอัม” อยู่ในเมืองคยองกี ประเทศเกาหลีใต้ ที่นี่เคยเป็นโรงพยาบาลจิตเวชขนาดใหญ่ก่อตั้งในปี 1980 แต่ก็ต้องปิดตัวลงหลังจากเปิดบริการได้เพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น โรงพยาบาลแห่งนี้จึงถูกทิ้งให้รกร้างตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน

สถานที่แห่งนี้มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประวัติความสยองมากมาย แต่สาเหตุหลักๆ ที่เล่าต่อๆ กันมาก็คือระหว่างการรักษาผู้ป่วยหลายรายได้รับบาดเจ็บ เกิดบาดแผลตามตัวโดยไม่มีสาเหตุตั้งแต่แผลขนาดเล็กจนไปถึงแผลที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เรื่องนี้เป็นที่โจษจันในกลุ่มญาติผู้ป่วย มีการร้องเรียนจนทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากประชาชนกลัวว่าจะเป็นความผิดพลาดในการรักษาของเจ้าหน้าที่พยาบาล แต่หลังจากที่ใช้เวลาสอบสวนนานถึงสองสัปดาห์ เจ้าหน้าที่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ เรื่องร้องเรียนนี้จึงถูกปัดตกไป แต่ระหว่างนั้นก็กลับเกิดเรื่องเล่าข่าวลือหลอนๆ ของผู้ที่เข้าเวรในช่วงกลางคืน เช่น เสียงคนเดินตลอดทั้งคืน ระหว่างนอนหลับเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยถูกสิ่งของขว้างปาแบบไม่มีที่มาที่ไป จนเรื่องราวลุกลามใหญ่โตเมื่อเกิดการเสียชีวิตปริศนาของผู้ป่วยหลายราย ส่งผลให้บุคลากรลาออกเป็นจำนวนมาก บรรดาญาติๆ ต่างก็พากันย้ายผู้ป่วยออกทำให้โรงพยาบาลต้องปิดตัวลงในที่สุด ท้ายที่สุดสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นจุดนัดลองของยอดฮิตของวัยรุ่นเกาหลีและนักท่องเที่ยวจนถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในที่สุด

 

 

อันดับ 1: East London Royal Infirmary (ประเทศอังกฤษ)

สถานที่เฮี้ยนยืนหนึ่งมาจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ย้อนกลับไปปี 1974 อังกฤษเกิดเหตุประท้วงหยุดงานครั้งใหญ่ของคนงานเหมือง การประท้วงครั้งนี้ส่งผลให้ลอนดอนทั้งเมืองตกอยู่ในความมืดยาวนานกว่า 3 เดือน ทางการจึงมีกฎบังคับให้ประชาชนและสถานที่ราชการใช้ไฟฟ้าได้เพียง 3 วันต่อสัปดาห์ นั่นหมายถึงอีก 4 วันทุกอย่างในเมืองจะมืดสนิท รวมถึงสถานพยาบาลอย่าง “East London Royal Infirmary” การอพยพผู้ป่วยเริ่มเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการโจรกรรมปล้นชิงทรัพย์ ในความมืดมิดยังเกิดคดีฆาตกรรมปริศนามากมาย ด้วยเหตุนี้สถานที่ราชการหลายที่จึงมีการจัดเวรยามในช่วงกลางคืน รวมถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ก็ได้มีการจัดเวรพยาบาลกะดึกเพื่อไม่ให้ขโมยเข้ามา แต่ด้วยความวุ่นวายโกลาหลในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจึงทำให้มีพยาบาลเพียงหนึ่งคนต่อหนึ่งคืนเท่านั้น

และเรื่องเล่าสุดหลอนก็เกิดขึ้น เมื่อค่ำคืนแรกของการดับไฟทั้งเมือง พยาบาลฝึกหัดคนหนึ่งถูกให้อยู่เวรคนเดียวพร้อมกับแสงไฟจากตะเกียงเท่านั้น ในโรงพยาบาลมีสภาพพังยับเยิน เพราะเนื่องจากความโกลาหลวุ่นวายจากญาติผู้ป่วยที่ต้องการย้ายไปโรงพยาบาลเมืองอื่น และเมื่อความมืดเข้ายึดทุกพื้นที่ ทำให้พยาบาลคนนี้กลับพบว่าเธอไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เพราะเธอได้ยินทั้งเสียงคนเดินไปมา เสียงกระแทกส้นรองเท้าตามทางเดิน เสียงกระซิบที่สะท้อนจากกำแพง ซึ่งในช่วงแรกเธอคิดว่าเป็นพวกตีนแมวจึงเดินถือตะเกียงสำรวจไปรอบๆ แต่แล้วเมื่อถึงห้องเตียงรวม ทุกอย่างเงียบสงัดกลับมีแรงลมหายใจเป่าตะเกียงจนดับ ทุกอย่างมืดสนิทก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างพยายามดึงเธอจากความมืดด้านหลัง คืนนั้นแทบทำเธอเสียสติจนบ้าคลั่ง และหลังจากวันนั้นยังมีเหตุการณ์ที่ผู้ป่วยและพยาบาลถูกเข้าสิงอาละวาดบ้าคลั่งหลายครั้ง และเมื่อสิ้นสุดการประท้วงไฟฟ้ากลับมาเป็นปกติ ที่นี่ก็กลับไม่พบเจออะไรแปลกๆ อีกเลย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดทราบถึงต้นตอของความสยองที่เกิดขึ้นว่าอะไรที่อยู่ในความมืดมิดกันแน่

ปัจจุบันโรงพยาบาลแห่งนี้ได้มีการปรับปรุงและยังคงเปิดให้บริการอยู่จนกลายเป็นโรงพยาบาลที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดใน East London