ความประทับใจหลังจากที่ได้อ่านผลงานต้นฉบับ
เรื่องนี้มีคำพูดโดนใจอยู่เยอะมากนะครับ ภาพสวยและก็ใช้ภาษาได้อย่างสละสลวยด้วย สิ่งที่ “อาจารย์มิซูชิโระ” ต้องการสื่อก็ได้รับการถ่ายทอดผ่านถ้อยคำเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี มีการปะทะคารมระหว่างตัวละครอย่างหนักหน่วง เพราะงั้นแทนที่จะมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร ผมเลยพยายามเข้าถึงแก่นของเรื่อง โดยการค่อยๆ ดึงมันออกมาแทน
นอกจากนี้ส่วนตัวแล้วผมก็ชอบการที่มีผู้หญิงเข้ามาแทรกในความรักของ “เคียวอิจิ” กับ “อิมางาเสะ” ด้วยนะครับ การปรากฏตัวของเธอเป็นเหมือนนักฆ่าที่เข้ามาขัดขวางเส้นทางความรักของอิมางาเสะ ซึ่งผมมองว่ามันน่าสนใจมาก แล้วก็ชอบที่พระเอกเปลี่ยนจากรักผู้หญิงไปรักเพศเดียวกันในแบบที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย แบบว่า…อย่างที่รู้ๆ กันอะเนอะ (หัวเราะ)
เกี่ยวกับการคัดตัวนักแสดง “ทาดาโยชิ โอคุระ และ “เรียว นาริตะ”
พอ “นาริตะ” ได้อ่านตันฉบับเขาก็บอกมาว่าจะให้เขาเล่นเป็น “อิมางาเสะ” หรือ “เคียวอิจิ” ก็ได้ ขอแค่ได้แสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ถ้าจะให้นาริตะเป็นเคียวอิจิก็คงต้องปรับอายุของตัวละครลง แต่ในต้นฉบับดันมีประโยคสำคัญของเคียวอิจิที่ว่า “พวกเราก็อายุมากกันแล้วด้วย” ผมเลยให้นาริตะไปเล่นเป็นอิมางาเสะครับ
ส่วนบทของเคียวอิจิก็เลือก “ทาดาโยชิ โอคุระ” เพราะเขามีความเท่และมีรอยยิ้มที่ดูสนุกสนาน ซึ่งตรงกับภาพที่คุณโฮริอิซุมิ (ผู้เขียนบท) บรรยายไว้พอดี จากนั้นก็ลองไปทาบทามเขา พอเขาได้ลองอ่านก็บอกว่าอยากเล่นให้ ซึ่งทางนาริตะเองก็ไม่เกี่ยงว่าจะได้เล่นในบทไหนอยู่แล้วด้วย เลยช่วยให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ความประทับใจที่มีต่อนักแสดงนำทั้งสองคน
ผมรู้นะว่าพวกเขาเล่นได้ เพราะเคยเห็นผลงานการแสดงของพวกเขามาก่อน แต่กับโอคุระ ผมรู้สึกทึ่งเป็นพิเศษ เพราะเขาสามารถดึงศักยภาพออกมาได้แบบเต็มที่ ทุกสีหน้าท่าทางคือใช้ได้หมด ถึงแม้ว่าบทเคียวอิจิจะแสดงความรู้สึกทางสีหน้าได้ยากก็เถอะ แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่เขาเล่นแล้วเราไม่เข้าใจว่าเขาต้องการที่จะสื่ออะไร เราเลยต้องขอให้เขาแสดงโดยดึงอารมณ์ออกมาให้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งโอคุระก็สามารถดึงเสน่ห์ออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวา
ทางด้านนาริตะก็เก่งนะครับ เพราะเขามีความเข้าใจในตัวละครและสามารถเล่นเป็นตัวละครนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี บทอิมางาเสะที่เขาเล่นนี่ก็น่าเอ็นดู เพราะเป็นตัวละครที่สง่างามและมีมุมที่อ่อนไหว จนนาริตะถึงกับบ่นว่ายากที่จะต้องแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรัก โดยเฉพาะเวลาที่ต้องทำสายตาหวานหยดเยิ้ม แต่พอเริ่มเล่นเท่านั้นล่ะ เขากลับทำได้ดีอย่างเหลือเชื่อเลยล่ะครับ
ในฐานะที่ “ผู้กำกับยูกิซาดะ” ได้สร้างภาพยนตร์รักมาแล้วหลายเรื่อง มองเรื่องนี้ยังไงบ้าง
ถ้าถามถึงตัวผมที่ไม่ใช่ในฐานะผู้กำกับ ผมว่าการถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครมีความคล้ายคลึงกับเรื่อง “Go” (2001) นะครับ ไม่ว่าจะรักเพศเดียวกันหรือรักเพศตรงข้าม มันก็คือการที่เราได้รักใครสักคนและได้ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น คือเรื่องราวของคนเราที่ต้องพบเจอกับอุปสรรคที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์รักที่ทำท่าจะไม่สมหวัง ไม่ได้อยากที่จะหยุดรัก แต่ในใจลึกๆ ก็อยากที่จะพอ แล้วก็เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ชวนให้หลงใหลที่คนกันเองนี่แหละที่จะเข้าใจกันที่สุดว่าความเจ็บปวดแสนสาหัสมันเป็นยังไ’ ต่อให้ย้อนกลับมาดูในอีก 10 ปีข้างหน้าก็ยังคงเป็นภาพยนตร์รักที่มีความหมายไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดีนั่นแหละครับ
“The Cornered Mouse Dreams of Cheese ให้รักฉันอยู่ในมุมหัวใจเธอ” 18 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างภาพยนตร์: https://youtu.be/0hxGsWFzJCI