“ฮิวจ์ แจ็กแมน” เผย “The Son” คือจุดเปลี่ยนชีวิต! “ผมกลายเป็นคนอีกคนหลังจากแสดงหนังเรื่องนี้”

นักแสดงหนุ่มมากฝีมือ “ฮิวจ์ แจ็กแมน” ให้สัมภาษณ์ระหว่างไปออกรายการทอล์คโชว์ของ “สตีเวน โคลแบร์” เมื่อไม่กี่วันก่อนว่าการมาเล่นบทนำในภาพยนตร์ดราม่าเรื่อง “The Son” นั้นทำให้เขา “กลายเป็นคนใหม่” โดยในเรื่องนี้แจ็กแมนต้องมารับบท “ปีเตอร์” หนุ่มใหญ่ที่พบว่า “นิโคลัส” (เซน แม็กแกรท) ลูกชายวัยรุ่นของตนเองหมดอาลัยในการใช้ชีวิต และกำลังเผชิญหน้ากับโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง ผลงานเขียนบทและกำกับของ “ฟลอเรียน เซลเลอร์” (The Father) เรื่องนี้ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างสูงนับตั้งแต่เปิดตัวใน “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส ครั้งที่ 79” เมื่อปลายปีก่อนว่านำเสนอบรรยากาศตึงเครียดอย่างไม่ประนีประนอมความรู้สึก

 

 

แจ็กแมนเล่าว่านี่เป็นบทที่ท้าทายเขามากๆ เพราะเขาเองก็เป็นพ่อคน อีกทั้งในหนัง ตัวละครของเขาก็ต้องรับมือกับลูกชาย และพ่อผู้เย็นชาของตัวเอง (แอนโทนี ฮอปกินส์) “บทที่เซลเลอร์เขียนพิเศษตรงที่เราไม่แน่ใจว่าตัวละครนิโคลัสเป็นโรคซึมเศร้าด้วยสาเหตุอะไรกันแน่ เพราะพ่อกับแม่หย่าร้างกัน หรือเพราะพ่อกำลังสร้างครอบครัวใหม่ บทไม่บอกเหตุผลที่ชัดเจนเลย นั่นทำให้ตัวละครพ่อและคนดูอยู่ในภาวะที่ต้องรับมือกับสิ่งที่ตนเองไม่รู้” สำหรับแจ็กแมน เขาบอกว่าสิ่งที่คนเป็นพ่อแม่กลัวมากที่สุดคือ “เราไม่รู้จะรับมือกับปัญหาของลูกอย่างไร”

 

นอกจากนี้แจ็กแมนยังสูญเสียพ่อแท้ๆ ของตนไประหว่างถ่ายทำ “The Son” ด้วย “มันทำให้ผมประสบกับภาวะยุ่งยากทางอารมณ์ ทั้งในฐานะพ่อและฐานะลูก มันเป็นความกลัวที่ทำให้ผมจิตใจกระวนกระวายตลอดเวลา”

 

 

หลังจากถ่ายทำหนังเรื่องนี้จบ แจ็กแมนบอกว่าเขาได้กลายเป็นคนอีกคน และได้กลายเป็นพ่ออีกแบบหนึ่งซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อน “ผมกอดลูกแน่นกว่าเดิม นับตั้งแต่ตอนนั้น ผมเลยเป็นพ่ออีกแบบ ผมยอมเผยด้านที่อ่อนแอให้ลูกเห็นบ้าง ให้ลูกรับรู้ว่าผมไม่ได้เก่งกาจไปหมดทุกอย่าง และผมก็พร้อมจะรับฟังเขามากกว่าเดิม และพยายามสื่อสารกันมากกว่าเดิม”

 

นิตยสาร “โรลลิงสโตน” กล่าวชื่นชม “The Son” ว่า “การเลือก ‘ฮิวจ์ แจ็กแมน’ มารับบทนำคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด ทั้งแววตาและท่าทางของเขาซึ่งแสดงถึงความเจ็บปวดกับสิ่งที่กำลังเผชิญ”

 

“The Son” ผลงานชิ้นใหม่ของผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์ (บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม)จาก “The Father” มีคิวเข้าฉายเมืองไทย 26 มกราคมนี้เป็นต้นไป เฉพาะที่โรงภาพยนตร์ “House สามย่าน” แห่งเดียวเท่านั้น

 


Featured News