นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “เจสัน สเตแธม” แอ็กชันสตาร์ตัวพ่อที่เคยฝากผลงานมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนังมาดเท่มีสไตล์อย่าง “Snatch” (2000), “Transporter” (2002), “The Italian Job” (2003) หรือหนังแอ็กชันฉลามยักษ์ชื่อดังอย่าง “The Meg” (2018) รวมถึงหนังแอ็กชันแฟรนไชส์ฟอร์มยักษ์อย่าง “The Expendables” (2010-2023), “Fast & Furious” (2013-2023) เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงชายที่ฆ่ามาแล้วมากมายจนนับไม่ถ้วน ถือเป็นนักแสดงหนุ่มมาดนิ่งที่มีสไตล์การต่อสู้ที่เปลี่ยนไปตามบทบาทแต่ละเรื่องที่ได้รับ ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะเป็นนักแสดงแถวหน้าที่มีผู้กำกับและทีมเบื้องหลังอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดคนหนึ่ง รวมถึงในผลงานแอ็กชันบล็อกบัสเตอร์เรื่องล่าสุดอย่าง “The Beekeeper นรกเรียกพ่อ” ตัวเลือกเดียวที่ผู้เขียนบท “เคิร์ต วิมเมอร์” (Expend4bles, Law Abiding Citizen, Equilibrium) ได้วางไว้ให้มารับบทเป็น “อดัม เคลย์”
“The Beekeeper” ภาพยนตร์แอ็กชันไล่ล่าทะลวงเดือดซึ่ง “เจสัน สเตแธม” กลับมาพร้อมความมันส์ระห่ำในการลุยเดี่ยวถล่มองค์กรนรกกับเรื่องราวของ “อดัม เคลย์” ชายเลี้ยงผึ้งที่อาศัยอยู่ในโรงนาของ “หญิงชรา” (ฟิลิเซีย ราแชด / The Cosby Show) เขาทิ้งอดีตตัวเองไว้ข้างหลัง แต่เมื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินของหญิงชราที่เขารักและเคารพไปเกลี้ยงจนสิ้นชีวิต เคลย์จึงต้องหวนคืนสู่ความเดือดสุดคลั่งอีกครั้ง จากอดีตเจ้าหน้าที่มือพระกาฬของโปรเจกต์ลับ สู่ปฏิบัติการล้างบางแก๊งคอลเซ็นเตอร์และองค์กรชาติชั่วให้สิ้นซาก
บทบาทและคาแร็กเตอร์ใน “The Beekeeper”
ในเรื่องนี้ผมรับบท “อดัม เคลย์” อดีตเจ้าหน้าที่โค้ดเนม “บีคีปเปอร์” ที่เกษียณตัวเองมาใช้ชีวิตสันโดษ เขาเป็นคนมุ่งมั่น เน้นทำมากกว่าพูด เขาใส่แต่ชุดเลี้ยงผึ้ง มันทั้งเก่าทั้งเปื้อน มีแต่รอยปะเต็มไปหมด เคลย์หาเลี้ยงชีพด้วยการสกัดน้ำผึ้ง เขารักผึ้งไม่ต่างกับคนในครอบครัว เคลย์เป็นคนมีฝีมือ เขาคือสุดยอดทหาร เขาปกป้องคนที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ เขาเป็นคนเลี้ยงผึ้งที่มีหน้าที่ปรับสมดุล เขาอยู่ในเงาเหมือนไม่มีตัวตน จะโผล่มาก็ต่อเมื่อมีปัญหาใหญ่ต้องจัดการเท่านั้น
เรื่องราวของภาพยนตร์
เขาพักอยู่ในสวนของคุณป้าคนหนึ่งซึ่งพวกเขาผูกพันกันมาก เธอเหมือนเป็นแม่ที่เขาไม่เคยมี เราไม่รู้อดีตของเขาเท่าไหร่ รู้เพียงว่าเขาโตมาตามลำลัง คุณป้าคนนี้สำคัญกับเขา เมื่อเธอกลายเป็นเหยื่อของแก๊งต้มตุ๋น หรือพวกคอลเซ็นเตอร์ เขาจึงตัดสินล้างแค้นและทำทุกอย่างเพื่อลากไส้พวกคนชั่วทั้งหมด เขาไล่ตั้งแต่ระดับพวกปฏิบัติการจนถึงคนสั่งการแบบถอนรากถอนโคตรเลยทีเดียว
ความน่าสนใจของภาพยนตร์
การเป็นคนเลี้ยงผึ้งมันสอดคล้องกับโค้ดเนมเก่าของเขา เราจะได้รู้ถึงที่มาของโค้ดเนม “บีคีปเปอร์” ว่ามันเป็นโปรเจกต์พิเศษของรัฐบาล ตัวหนังจะมีฉากแอ็กชันที่ทวีความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุดที่จะทิ้งให้คุณอ้าปากค้าง มันยังมีการปูจักรวาลโลกใต้ดินขององค์กร “Beekeeper” ถ้าหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จจนเรามีโอกาสสร้างภาคต่อ เรายังมีโลกทั้งใบที่รอจะดําดิ่งลงไปได้
การทำงานร่วมกับผู้กำกับ “เดวิด เอเยอร์”
“เอเยอร์” และผมทำงานเข้าขากันได้ดีมาก ตอนนี้พวกเรากำลังจะเริ่มโปรเจกต์หนังเรื่องใหม่อีกเรื่อง เราคุยกันว่าเราอยากทำงานด้วยกันอีกครั้ง หลายคนไม่รู้ว่าเขาเป็นมือเขียนบทมากฝีมือ เขาเขียนตัวละครที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และเดวิดเองก็เป็นนักเขียนที่มีออสการ์การันตี เราปรับแก้บทและรีไรต์หลายรอบจนเราได้บทที่สมบูรณ์ในมือพร้อมเป็นพื้นฐานให้โครงสร้างทั้งหมด
ความรู้สึกของคุณที่ได้มาอยู่ในจุดนี้
การอยู่ในวงการภาพยนตร์มีหลายช่วงเวลาที่คุณรู้สึกเหมือนฝันไปจนต้องคอยหยิก ถ้ามองกลับไปตรงที่ผมเริ่มต้น ผมยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าผมมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ยังไง ผมหยิกตัวเองจนแขนช้ำไปหมดแล้วเนี่ย มันไม่ใช่เส้นทางที่ผมวาดฝันไว้ เหมือนสัญชาตญาณนำพาผมไปมากกว่า อุตสาหกรรมนี้มันพร้อมจะพาคุณไปได้หมดนั่นแหละ ผมชอบออกกำลังมาตั้งแต่เด็กๆ ผมใช้พลังพัฒนาทักษะการต่อสู้ ทักษะกายกรรมทั้งหลาย ซึ่งผมใช้มันมาประยุกต์กับศาสตร์แอ็กชัน
ภาพยนตร์แอ็กชันในมุมมองของคุณ
บ่อยครั้งที่หนังแอ็กชันถูกมองว่าไร้สาระในแง่คุณภาพ แต่ทั่วโลกผู้คนชอบภาพยนตร์แอ็กชัน ยิ่งผมเดินทางมากเท่าไร ผมยิ่งได้พบกับผู้คนที่ชอบผลงานของผม ขณะที่ในงานประกาศรางวัลภาพยนตร์แอ็กชันแทบไม่มีใครพูดถึง แต่ผมไม่ได้ผูกใจเจ็บหรอก สำหรับผมอาชีพผมไปได้สวย
น้อยคนนักจะรู้ว่าคุณเป็นผู้รณรงค์ให้เวทีออสการ์เพิ่มสาขาพิเศษให้คนเสี่ยงชีวิตที่ทำงานสตันต์
ผมเป็นแฟน “เจมส์ บอนด์” ตั้งแต่เด็ก เพราะมันเต็มไปด้วยฉากแอ็กชันตระการตา ขับรถไล่ล่า ซิ่งสกีลงเขา กระโดดร่มชูชีพ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นงานสตันต์ มันคือความท้าทายทางกายภาพที่ต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อฝึกฝน พวกเขาเสี่ยงอันตรายอย่างมากเพื่อความสนุกของภาพยนตร์ ผมคิดว่าการที่ไม่มีรางวัลอะไรเพื่อยกย่องวีรกรรมของพวกเขาเลยเป็นการมองข้ามครั้งร้ายแรงแบบไม่น่าให้อภัย
ฝากผลงานเรื่องใหม่ “The Beekeeper”
ผมแทบรอไม่ไหวที่จะให้คนได้ชมกัน “The Beekeeper” เป็นภาพยนตร์ที่มีประเด็นที่ลึกซึ้งแถมยังเท่มาก มีหัวใจและยังน่าตื่นเต้น มันเป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม ยังไม่เคยมีใครเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ผมภูมิใจมากที่ได้มีส่วนในภาพยนตร์นี้ ในมุมของผมภาพยนตร์ก็เหมือนกับดนตรี บางคนชอบเพลงคันทรี บางคนชอบเฮฟวีเมทัล ส่วนผมชอบแอ็กชันที่ค่อนข้างจริงจังและสมจริง เอาเป็นว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้เอาความสมจริงอัดเข้าไปในโลกแสนบ้าคลั่งที่เป็นฉากหลังของเรื่อง
แฟนหนังชาวไทยเตรียมปลุกความโคตรคลั่ง เดือดเต็มพิกัด จัดเต็มถึงนรกไปกับ “เจสัน สเตแธม” ใน “The Beekeeper นรกเรียกพ่อ” 11 มกราคม 2024 ในโรงภาพยนตร์