แนะนำตัว-ผลงานที่ผ่านมา

สวัสดีครับ ผม “ต้น-เอกภณ เศรษฐสุข” ครับ เป็นผู้กำกับกับหนัง “เทอมสอง สยองขวัญ ตอน ตึกวิทย์เก่า” ครับ เรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกของผมเลย งานที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานกำกับโฆษณาและมิวสิกวิดีโอ (BNK48, อะตอม, เป๊ก ผลิตโชค) ครับ แล้วก็มีซีรีส์ Love Rhythms ตอน อยากจะร้องดังดัง” ด้วยครับ ดูผลงานทั้งหมดได้ที่นี่เลยครับ https://vimeo.com/eakarpon

 

คอนเซปต์โดยรวมของ “เทอมสอง สยองขวัญ”

“เทอมสอง สยองขวัญ” ก็จะเป็นโปรเจกต์ที่ดึงเอาตำนานเรื่องผีๆ ของแต่ละมหาวิทยาลัยที่ถูกเล่าต่อๆ กันมาเยอะแยะมากมายมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญ 3 เรื่อง 3 รสไว้ในเรื่องเดียวกัน โดยผมและผู้กำกับอีกสองคนก็จะกำกับในแต่ละตอนซึ่งจะหยิบยกขึ้นมาเล่าและตีความในมุมมองของคนรุ่นใหม่ครับ โดยแต่ละตอนก็จะมีที่มาจากแต่ละมหาวิทยาลัยที่จะแตกต่างกันไปเลยทั้งเรื่องเล่า ตัวละคร และผี โดยแต่ละเรื่องก็จะสะท้อนมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่มีต่อตำนานเรื่องเล่าผีและความสยองของมหาวิทยาลัยผ่านสังคมที่เป็นอยู่ในยุคปัจจุบัน ซึ่งแต่ละเรื่องก็จะมีความน่าสนใจกันคนละแนวเลยครับ

 

“ตึกวิทย์เก่า” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร

อย่างเรื่องของผมก็จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยกลางเมือง เป็นสถาบันที่ค่อนข้างชื่อดังแล้วจริงๆ มันดูโมเดิร์นมากเลย แต่ว่ามันจะมีมุมอับๆ ในมหาวิทยาลัยนี้แบบว่ามีตึกนี้ด้วยเหรอวะ มันโคตรลึกลับเลยแล้วมันก็มาพร้อมกับเรื่องราวที่ถูกเล่ากันมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นตำนานที่มีอยู่จริงในมหา’ลัยนั้นที่เค้าเล่าลือกันว่าตรง “ตึกวิทย์เก่า” ของมหา’ลัยเนี่ย มันเป็นตึกที่คนไม่ค่อยได้เข้าไปใช้งานแล้ว บรรยากาศมันก็ดูน่ากลัวพร้อมตำนานเรื่องผีๆ ที่วนเวียนอยู่ภายในตึกแห่งนี้

แล้วมันก็มีเด็กหนุ่มที่ชื่อ “กอล์ฟ” (กิต Three Man Down) ที่เป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเท่าไหร่ มันมีเหตุที่ต้องเอาของไปให้ “มีน” (เบลล์ เขมิศรา) พี่สาวของตัวเองที่ตึกวิทย์ใหม่ แต่ด้วยความเซ่อซ่าทำให้กอล์ฟไปผิดตึก ดันไปที่ตึกวิทย์เก่าที่มีพวกผีอยู่เต็มไปหมด แล้วก็ยังพาพวกผีเหล่านี้ไปโผล่ที่ตึกวิทย์ใหม่ที่พี่สาวและเพื่อนๆ กำลังทำแล็บกันอยู่ มันก็เลยเกิดเรื่องราวโกลาหลเป็นความสยองปนฮาขึ้นมาว่าพวกกอล์ฟและพี่สาวจะต่อสู้และจัดการไล่ผีพวกนี้กันยังไง

 

Term-2-Haunted-Universities-Still09

 

เหมือนเป็นการปะทะกันระหว่างสังคมยุคเก่ากับสังคมยุคใหม่ และผีที่แทรกตัวอยู่ในทุกยุค

ใช่ครับ คือมันจะค่อนข้างต่างกันสุดขั้วเลย โลกยุคใหม่มันก็จะเป็นแบบเด็กรุ่นใหม่นั่งทำแล็บกันอยู่เพื่อจะเรียนให้จบ ขณะที่โลกยุคเก่าเนี่ยก็จะเป็นพวกผีที่วนเวียนยึดติดอยู่ตรงนั้นมา 30-40 ปี คือความคิดมันคนละแบบกันหมดแล้ว แล้วพวกเค้าก็บังเอิญมาเจอกันจนเกิดเป็นเรื่องเป็นราวต่อสู้กันขึ้นมา เพราะพวกภูตผีเก่าๆ ที่มันวนเวียนอยู่ตรง “ตึกวิทย์เก่า” มาหลายสิบปีเนี่ย อยู่ดีๆ ก็ดันต้องไปโผล่ใน “ตึกวิทย์ใหม่” ที่คนรุ่นใหม่เด็กเจน Z เค้าอยู่กันแล้วมันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทั้งเรื่องมันก็จะเป็นมิชชันๆ หนึ่งที่ต้องมาดูว่าพอมีผีมาบุกที่ตึกวิทย์ใหม่ที่ไม่เคยถูกผีรบกวนมาก่อน เรื่องราวมันจะไปทางไหน แล้วพวกเด็กๆ จะรอดพ้นจากพวกผีตรงนั้นได้หรือเปล่า ถ้ามองกว้างๆ มันก็จะเหมือนการต่อสู้กันของขั้วความคิดยุคเก่ากับยุคใหม่ที่มันก็จะมีทั้งความสยองและความฮาจากเหตุการณ์นี้

 

ตัวละครหลักในเรื่องนี้

คาแร็กเตอร์ก็เริ่มจาก “กอล์ฟ” (กิต Three Man Down) ก็จะเป็นตัวเมนเลย กอล์ฟจะเป็นเด็กยุคใหม่ที่สายตาคนภายนอกอาจจะมองว่าเป็นเด็กไม่ได้เรื่องได้ราว ดูเป็นเด็กไม่มีอนาคตอะไรอย่างนี้ แต่ว่าในใจของกอล์ฟเนี่ยก็รู้สึกว่าตัวเค้าเองไม่ได้ยึดติดกับอนาคตอยู่แล้ว เพราะเค้าก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กอล์ฟก็จะเป็นไรเดอร์ส่งของ คือไม่อยากเรียนและออกมาทำงานดีกว่า มันอาจจะถูกมองเหมือนเป็นผู้ชายห่วยๆ อะไรอย่างนี้ จนต้องมาเจอกับเหตุการณ์เผชิญผีโดยไม่คาดฝัน ก็ต้องมาดูกันชีวิตของกอล์ฟจะเป็นยังไงต่อไป

ตัวละครหลักอีกคนคือ “มีน” (เบลล์ เขมิศรา) ก็จะเป็นพี่สาวของกอล์ฟ คาแร็กเตอร์ก็จะต่างจากน้องชายสุดขั้วเลย มีนจะเป็นอีกขั้วหนึ่งคือจะเป็นเด็กเรียนเก่ง ดูมีอนาคต เป็นคนที่สังคมจะมองว่าเด็กคนนี้อนาคตไกล พอเป็นอย่างนี้ปุ๊บมันก็จะเกิด Conflict ขัดแย้งกันระหว่างพี่น้องโผล่ขึ้นมา มันก็จะทะเลาะกันเพราะความคิดต่างกันสุดขั้วเลยนะ มันก็จะมีปมซึ่งกันและกันอะไรอย่างนี้

แล้วก็จะมีแก๊งเพื่อนสนิทของมีนอย่าง “เมย์” (คิ้ว อนงค์นาถ) กับ “จอย” (ตูน ณัฏฐ์นรี) ทั้งคู่ก็จะเป็นตัวสร้างสีสันในเรื่อง จะเป็นตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ เด็กเจน Z อะไรอย่างนี้ เป็นตัวแทนวัยรุ่นยุคนี้ที่เค้าจะมองสิ่งเก่าๆ หรือเรื่องผีๆ กันยังไง มันยังเชื่อเรื่องผีกันอยู่หรือเปล่า แล้วมุมมองเรื่องผีของพวกเค้าจะเปลี่ยนไปยังไงบ้างหรือเปล่า

 

ผีในเรื่องนี้มีความหลากหลาย มีการดีไซน์ผีไว้ยังไงบ้าง

ผีในเรื่องนี้ก็มีอยู่หลายตัวเลยครับ ผีแต่ละตัวที่เราดีไซน์ไว้ก็จะให้มันเป็นตามขนบหนังไทยคือแบบว่าพอเห็นผีตัวนี้ปุ๊บก็จะอ๋อรู้เลยว่ามันหลุดมาจากตรงนั้นตรงนี้นะ ง่ายๆ คือดีไซน์ให้มันมีความชัดเจนมากๆ เพราะว่าฟังก์ชันผีของเรื่องนี้มันก็จะดูหลอนและน่ากลัวเป็นปกติอยู่แล้ว รวมทั้งเราก็ต้องการให้พวกเค้าเป็นตัวแทนของอะไรบางอย่างชัดๆ ไปเลย และผีแต่ละตัวเนี่ยมันก็จะมีคอนฟลิกซ์ความขัดแย้งบางอย่างที่เหมือนมันยึดติดกับสถานที่หรืออะไรบางอย่างตรงนั้นอยู่ทำให้มันยังไม่ไปไหน ยังคงออกมาหลอกหลอนเพื่อจุดประสงค์บางอย่างอะไรแบบนี้

 

Term-2-Haunted-Universities-Still07

Term-2-Haunted-Universities-Still10

 

การคัดเลือกทีมนักแสดง

ขั้นตอนการแคสติง-คัดเลือกนักแสดง ทีมเราก็ต้องมานั่งคิดกันก่อนเลยว่ามันมีใครที่จะเหมาะกับบทในหนังของเราบ้าง เพราะเอาจริงๆ  นักแสดงที่เหมาะกับบทเรื่องนี้ผมว่ามันก็ค่อนข้างหายากนิดนึงโดยเฉพาะตัวพระเอกที่ชื่อ “กอล์ฟ” เนี่ย เพราะว่าคาแร็กเตอร์นี้มันต้องการชายหนุ่มที่กวนๆ แล้วก็ยังดูเป็นวัยรุ่นอยู่ ตอนแรกก็เล็งอยู่หลายคนจนสุดท้ายมาจบที่ “กิต Three Man Down” ผมรู้สึกว่าคาแร็กเตอร์ของกิตนี่ตรงกับตัวละครกอล์ฟมากๆ มีทั้งความเป็น Loser ขี้แพ้ มีความห่วยๆ แต่ก็ยังดูกวนๆ ก็ดึงเค้ามา สุดท้ายเค้าก็ทำได้ดีเลยทีเดียวคล้ายกับที่คิดไว้เลยครับ เราเห็นแค่แวบแรกไม่นานเราก็รู้สึกว่าคนนี้ใช่ ตรงกับบท แล้วเราก็ชอบเพลงของเค้าอยู่แล้วด้วย จริงๆ ตัวเพลงมันก็สะท้อนศิลปินออกมาว่าศิลปินคนนั้นเป็นยังไง ก็รู้สึกว่ามันคล้ายกับที่เราต้องการ ตัวเพลงมันก็มีความเท่ แต่ว่ามองอีกมุมหนึ่งมันก็จะมีความห่วยๆ มีความ Loser นิดๆ อยู่ในเพลงด้วยเหมือนกัน ก็เลยคิดว่ากิตน่าจะเหมาะกับเรื่องนี้

ส่วนของ “เบลล์” นี่ ตอนแรกเราหาพี่สาวของกิตในเรื่องที่มีลุกส์แบบว่าเป็นเด็กเรียนเก่งอะไรอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นเด็กเนิร์ดอะไรขนาดนั้น ยังเป็นคนรักสนุกอยู่ สุดท้ายก็มาลงตัวที่เบลล์ เพราะรู้สึกว่าเบลล์เค้าจะเล่นพวกซีนดราม่าได้ดี สะท้อนคาแร็กเตอร์และความสัมพันธ์ของพี่น้องในเรื่องออกมาได้ดีเลยครับ

 

การร่วมงานกับนักแสดง

การร่วมงานกับทีมนักแสดงเรื่องนี้ก็สนุกและเอนจอยมากๆ เลยครับ คือแต่ละคนจะมีความตั้งใจในการแสดงและทำการบ้านของแต่ละคนมาเป็นอย่างดี อย่าง “กิต” เนี่ยเราเอามาสวมเป็นคาแร็กเตอร์ “กอล์ฟ” ที่เหมือนเป็นเด็กที่ดูจะไม่คิดอะไรมาก แต่ลึกๆ ก็มีปมอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งจริงๆ ก็ตรงกับตัวกิตเค้าเลย ทำให้เค้าถ่ายทอดบทนี้ออกมาได้ค่อนข้างชัดเจนแล้วก็เป็นธรรมชาติมากๆ

อย่าง “เบลล์” นี่ก็เป็นหนังเรื่องแรกของเค้าก็จะมีความตั้งใจแสดงมากๆ แล้วในพาร์ตดราม่าก็ทำได้ดี เบลจะเข้าถึงบทดีเลย

ส่วนเรื่อง “ผี” อะไรอย่างนี้เราก็ต้องมาศึกษาเยอะเหมือนกันว่าการกำกับผีแต่ละพาร์ตมันเป็นยังไงกันแน่นะ เพราะว่ามันก็เป็นหนัง (ผี) เรื่องแรกของเรา แต่ว่ามันก็ค่อนข้างมันส์เลยครับ เพราะผีแต่ละตัวก็จะมีคาแร็กเตอร์และวิธีการขยับตัวมูฟเมนต์ความน่ากลัวอะไรอย่างนี้ที่มันจะไม่เหมือนกันเลย

 

การเตรียมตัวในการกำกับหนังผีเรื่องนี้

จริงๆ เราก็ต้องไปไล่ดูหนังผีมาเยอะมาก 20-30 เรื่องแล้วก็วิเคราะห์ว่า เอ๊ะ…ทำไมมันถึงน่ากลัว ความน่ากลัวจริงๆ มันมาด้วยหลายองค์ประกอบเลย อย่างเช่นจังหวะผีที่จะโผล่มา แล้วก็ความน่ากลัวของตัวผีเนี่ยมันน่ากลัวจากอะไร อะไรที่ทำให้มันดูน่ากลัว เราก็ต้องไปศึกษาตรงนั้นก่อน ต้องเข้าใจโลกตรงนั้นก่อนว่ามันเป็นยังไง เสร็จแล้วก็มาดูของเราว่าสิ่งที่เราต้องการเนี่ยต้องการให้ผีมันน่ากลัวระดับไหน โอเค ผมคิดว่าในส่วนของผมเองเนี่ยก็ไม่ได้จะทำให้น่ากลัวเบอร์สิบขนาดนั้น เพราะเป็นความตั้งใจของเราว่าเราจะโฟกัสอีกอย่างหนึ่งมากกว่า แต่ก็เชื่อว่าแต่ละตัวก็ยังจะมีความหลอนน่ากลัวและมีคาแร็กเตอร์ที่ทำให้คนดูจำได้แล้วก็ไม่งงกับมัน รวมถึงแต่ละตัวก็จะมีคอนฟลิกซ์ของตัวเอง มีบริบทของตัวเองว่าตัวเองต้องการอะไร ทำไมถึงตาย ตายเพราะอะไร ตายแล้วเป็นยังไงอะไรอย่างนี้ครับ

 

Term-2-Haunted-Universities-Wit-Dir-Talk02

Term-2-Haunted-Universities-Still37

 

การกำกับหนังเรื่องแรกมีความยากง่ายยังไงบ้าง

จริงๆ เรื่องความยากเนี่ยใหญ่ๆ ก็จะเป็นเรื่องของบท คือเราก็ต้องเรียนรู้วิธีการทำบทอะไรอย่างนี้ งานที่ผ่านๆ มาเราทำโฆษณา เอ็มวี เราก็มีทำบทมาเหมือนกันเพียงแต่ว่ามันก็จะไม่ได้ยาวมาก พอมันยาวปุ๊บเนี่ยมันก็ต้องมาดู ต้องคำนึงถึงหลายๆ เรื่อง ก่อนหน้าจะเล่าซีนนี้เป็นยังไง ข้างหลังมันจะเป็นยังไง และมาประกอบรวมร่างแล้วมันจะเป็นยังไง แล้วมันก็จะมีเรื่องของเวลามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมันก็มีความเดือดเหมือนกัน มันค่อนข้างเร่งอยู่เหมือนกันครับ แต่โดยรวมแล้วก็สนุกสะใจมากเลยครับ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เยอะเลย

 

ความเชื่อส่วนตัวเรื่องผีเป็นยังไง และมันมีผลต่อการกำกับมากน้อยแค่ไหน

ความเชื่อเรื่องผีคือผมเป็นคนที่แบบว่ากลางๆ กับเรื่องผีละกัน ไม่กลัวแต่ก็ไม่อยากเจออะไรอย่างนี้ครับ แต่จริงๆ ลึกๆ ก็อยากพิสูจน์เหมือนกันว่ามีจริงหรือไม่มีจริง เราก็รู้สึกว่ามันเป็นโลกที่น่าสนใจนะ แต่ก็ไม่ฟันธงว่ามีหรือไม่มี แต่ว่ามันก็น่ารู้ว่ามันเป็นยังไง ความเชื่อส่วนตัวผมชอบตั้งคำถามมากกว่าว่าผีเนี่ยมันมีจริงเหรอ แล้วมันมีไปทำไม แล้วเค้าต้องการอะไร ทำไมเค้าถึงยังไม่ไปไหนถ้าเกิดมันมีจริงๆ นะ มันก็เลยมาสู่การตั้งคำถามในหนังอะไรหลายอย่าง ยกตรงนั้นมาใส่ตรงนี้เลยเพราะว่าหนังของเราเนี่ยก็เหมือนเป็นมุมมองของเราที่พยายามตั้งคำถามกับสิ่งเหล่านี้ว่ามันมีจริงเหรอ แล้วถ้ามีมันจะน่ากลัวมั้ย มันจะเป็นยังไง แล้วถ้าเกิดคนได้เจอจริงๆ แบบที่ไม่ใช่เรื่องเล่า เค้าจะประพฤติตัวกับผีเหล่านี้ยังไง อะไรอย่างนี้ครับ

 

นอกจากความน่ากลัว ความหลอน ผสมความตลกแล้ว เรื่องนี้ก็ยังสะท้อนประเด็นสังคมในยุคปัจจุบันด้วย

ใช่ครับ จริงๆ เราก็พยายามสะท้อนประเด็นสังคมที่มีการพูดถึงในปัจจุบันอยู่นะครับ คือในหนังผีของเราเนี่ยจริงๆ มองกว้างๆ มันก็จะสะท้อนกรอบ “ความคิดของคนรุ่นเก่า” กับ “ความคิดของคนรุ่นใหม่” ว่าถ้าเกิดมาเจอกันแล้วมาปะทะกันแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น แล้วสิ่งที่ต้องการ สิ่งที่ควรทำจริงๆ มันคืออะไรกันแน่ เรื่อง “การยึดติด” มันก็จะต้องมาดูว่าเรื่องความเชื่อยุคเก่ามันมีเรื่องของการยึดติดมากน้อยแค่ไหน หรือแม้กระทั่งความเชื่อยุคใหม่มันดีหรือไม่ดียังไง มันดื้อไปหรือเปล่าประมาณนี้นะครับ

 

Term-2-Haunted-Universities-Wit-Dir-Talk03

Term-2-Haunted-Universities-Wit-Dir-Talk04

 

เรากำกับมาจนเป็นภาพยนตร์เต็มเรื่องแล้ว มีฉากไหนที่อินหรือที่ชอบมากๆ บ้างมั้ย

ถ้าถามว่ามีฉากที่ชอบมั้ย จริงๆ มีหลายฉากเลยครับ อย่างมันจะมีซีนที่ตัวละคร “กอล์ฟ” ในเรื่องได้ไปเจอกับผีสองตัวในเวลาเดียวกัน แล้วเราก็ชอบรสชาติตรงนั้น จริงๆ มันมีความยากอยู่ มันจะกำกับยังไงให้น่ากลัวด้วย ตลกด้วย แล้วก็ต้องเล่าด้วยว่าไอ้ตัวละครนี้มันไม่รู้ว่ากำลังเจอกับผีอยู่ด้วย แล้วก็ต้องเล่าด้วยว่าผีมันน่ากลัวขนาดไหน มันมีเสน่ห์บางอย่างที่แบบว่ามันซับซ้อน แต่ว่ามันเป็นรสชาติที่เราชอบทำแบบนี้ เราก็เลยอินกับซีนนี้เป็นพิเศษ แล้วก็ช่วงท้ายๆ ของเรื่องที่แบบว่าหนังมันจะมันส์มาก มันจะเหมือนป่าช้าแตก ผีออกมาบู๊ล้างผลาญอะไรอย่างนี้ ตรงนั้นมันก็จะมันส์อยู่ครับ

 

มูดแอนด์โทนของเรื่องนี้

โทนของหนังเรื่องนี้มันก็จะเป็นรสชาติที่ผมคิดว่าน่าจะมีความแปลกใหม่อยู่ มันก็จะมีทั้งความน่ากลัว ความตลก ความฮา ความกวนตีนโผล่มาเรื่อยๆ แล้วมันก็ยังมีซึ้งมีดราม่าด้วย แต่ว่าหลักๆ มันคือความน่ากลัวกับความกวนตีนเลยนะครับ พอมันมาอยู่รวมกันอะไรอย่างนี้ เราก็เลยคิดว่ามันก็เป็นรสชาติใหม่ๆ เหมือนกันนะ มูดแอนด์โทนประมาณนี้ที่ดูเป็นหนังวัยรุ่นกวนๆ แล้วก็น่ากลัวๆ ด้วย

 

สโคปการทำงานโฆษณา เอ็มวี หรือซีรีส์ที่ผ่านมาสู่การกำกับภาพยนตร์ มันมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน

สโคปการทำงานจริงๆ มันก็มีความคล้ายและความต่างกันด้วย ที่ต่างแน่ๆ คือเราต้องเตรียมงานหนังค่อนข้างนานกว่าตอนที่เราทำพวกโฆษณาหรือว่ามิวสิกวิดีโอ แต่ว่าตอนออกกองมันก็จะสนุกมาก เพราะว่ามันเป็นเรื่องราวที่เราเล่ายาวๆ ฟินๆ ได้แบบที่เราอยากเล่า ส่วนกระบวนการมันก็แตกต่างกันอยู่ระหว่างมิวสิกวิดีโอกับหนังนะ อย่างแรกก็คือมันจะเป็นเรื่องของการเขียนบทที่เราต้องอยู่กับมันมาเกือบครึ่งปีหรือนานกว่านั้นอีก คือถ้าเป็นงานโฆษณาหรือมิวสิกวิดีโออะไรอย่างนี้ หลายๆ งานมันจะค่อนข้างเร่งไทม์ไลน์ให้จบในเดือนสองเดือน แต่ว่าหนังนี่มันค่อนข้างใช้เวลานานอยู่นะครับ แต่ว่ามันก็สนุกครับตอนออกกอง แล้วก็ตอนเล่าเรื่อง วิธีการตัดต่อมันเป็นอีกแบบหนึ่งเลย เราก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ค่อนข้างเยอะนะครับ แล้วก็โดยเฉพาะเรื่องนี้เป็นหนังผีด้วย เราเองก็ไม่ค่อยได้เข้ามาตรงฝั่งที่แบบดูผีจ๋าอะไรขนาดนั้น มันก็ค่อนข้างท้าทายเราเหมือนกัน อีกอย่างเหมือนเราอยู่กับมันนานๆ เราก็ยิ่งผูกพันกับมัน แล้วเราก็รักตัวละครของเราไปแล้วด้วยครับ

 

Term-2-Haunted-Universities-Wit-Dir-Talk05

Term-2-Haunted-Universities-Wit-Dir-Talk06

 

มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับผีในมหา’ลัยบ้างไหม

ตอนผมเรียนอยู่ธรรมศาสตร์ส่วนตัวก็ไม่เคยเจอ แต่ว่าชอบมีคนมาเล่าเรื่องผีหอโน้นหอนี้ ผีหอเอ ผีหอบีให้ฟัง เออ…มันก็สนุกดีอะไรอย่างนี้ แต่ส่วนตัวของผมจะเคยเจอตอนมัธยมมากกว่า ตอนนั้นผมเรียนอยู่ที่สวนกุหลาบนะครับ แต่ก็ไม่ได้เจอเองตรงๆ ตอนนั้นมันมีอีเวนต์อะไรซักอย่างตอนกลางคืน แล้วก็ยังมีนักเรียนบางส่วนอยู่ เด็กมัธยมก็เลยวิ่งเล่นไปนู่นไปนี่ อยู่ดีๆ ก็มีรุ่นน้องแก๊งหนึ่งวิ่งเอามือถือมาให้ดู เค้าดูตกใจมากเลย คือเค้าไปถ่ายรูปตรงห้องสมุด แล้วข้างๆ มันจะเป็นศาลตายายอยู่ซึ่งก็เป็นอีกที่ที่ค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์ของโรงเรียนเท่าที่ผมจำได้นะ เค้าไปถ่ายรูปเปิดแฟลชตรงนั้น รูปมันก็เลยออกมาเป็นวงกลมฝ้าๆ ตอนที่ยังไม่ซูมเราก็รู้สึกว่ามันเป็นรูปธรรมดาที่แบบมีแสงสะท้อน แต่พอซูมเข้าไปเท่านั้นแหละไอ้ตรงวงกลมที่เป็นฝ้าๆ มันดันกลายเป็นหน้าของตากับยายแสยะยิ้ม แล้วก็ไม่ได้มีแค่สองคนนะ มันออกมาเป็นร้อยๆ ร่างเลย มันเยอะมากแล้วทุกคนก็แสยะยิ้มหมดเลย ตอนนี้เล่าแล้วยังขนลุกอยู่เลย ตอนนั้นเราก็งงว่ามันเกิดขึ้นได้ไง แต่ถามว่ากลัวมั้ยก็ไม่ได้กลัวมาก เพราะว่าที่ยืนมุงดูรูปกันตรงนั้นมันไม่ได้ใกล้ศาลตายายขนาดนั้น แล้วก็มีเพื่อนมุงกันค่อนข้างเยอะ แต่ว่ามันก็ตกใจแบบว่ามันมีจริงเหรอวะอะไรอย่างนี้ เพราะว่าส่วนตัวเราเองก็ไม่ได้เชื่ออะไรขนาดนั้นครับ

 

เสน่ห์ความน่าสนใจโดยรวมของเรื่องนี้

ความน่าสนใจของโปรเจกต์นี้ผมว่ามันเป็นหนังวัยรุ่นที่จะถามว่าใหม่มั้ย ผมว่ามันมีบางพาร์ตข้างในที่มันมีความใหม่อยู่ คือทางค่ายสหมงคลฟิล์มฯ ก็ค่อนข้างให้อิสระกับคนทำ ให้อิสระกับผู้กำกับแต่ละคนว่าโอเค คุณอยากทำอะไรก็ทำเลย อยากใส่ลายเซ็นอะไรเข้าไปก็ลุยเลย เพียงแต่ว่าให้ยึดโยงกับคอนเซปต์รวมของมันที่เป็นเรื่องเล่าผีของแต่ละมหา’ลัย เราก็เลยโอเค แต่ละคนก็จะมีเรื่องเล่าของมหา’ลัยตัวเองโผล่มา แล้วก็มามองในมุมมองของตัวเองว่ามันเป็นยังไงกันแน่ มันไม่ใช่แค่ตำนานเรื่องเล่าเฉยๆ แต่มันเป็นเรื่องเล่าในมุมมองของเราว่ามันจะปรับแปลงให้มันเหมาะกับหนังผีในปัจจุบัน ให้มันดูโมเดิร์นหน่อยได้ยังไง เพราะว่าเราไม่ได้เล่าแบบหนังวินเทจที่ไปเล่าออริจินัลของเรื่องเลย ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เราเล่าเรื่องของเรื่องเล่าเหล่านี้ให้มันเป็นปัจจุบันว่าคนสมัยนี้ยังมองเรื่องเล่าพวกนี้เป็นยังไงบ้าง

ซึ่งเชื่อว่าแต่ละคนแต่ละเรื่องทั้งสามเรื่องเนี่ยรสชาติก็จะแตกต่างกันไป มันมีเรื่องที่น่ากลัวมากๆ เรื่องที่เป็นความสัมพันธ์ดราม่า แล้วก็มาเรื่องของผมที่มันก็จะทั้งน่ากลัวผสมความฮากวนๆ มันจะมีความสนุก และเหมือนได้ลุ้นไปกับมิชชันในหนังว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วมันจะไปจบลงตรงไหน ผมว่าในตอนของผมมันก็จะค่อนข้างแปลกใหม่ เป็นรสชาติที่แบบว่าไม่น่าเคยกินที่ไหนมาก่อนอะไรอย่างนี้ ก็อยากให้ลองมาดูไอ้ความกวนตีน ความมุกบางอย่างเราที่พยายามแอบๆ ซ่อนๆ ไว้ในมูดแอนด์โทนที่เราอยากให้มันเป็นนะครับ แล้วก็ในเรื่องของการแสดงของทั้งกิต, เบลล์ และบรรดาผีๆ ทุกคนตั้งใจกันมากๆ แล้วก็ทำออกมาได้ดีเลยครับ ในภาพรวมของหนังทั้งเรื่องผมเชื่อว่ามันน่าดูนะครับ มันเป็นเรื่องที่คนมาดูเรื่องเดียวก็จะได้หลากหลายรสชาติ ทั้งทีมงาน ผู้กำกับ และนักแสดงก็เต็มที่กันทุกคน มีอะไรก็ใส่กับมันไปหมดโดยที่ทางค่ายก็ให้อิสระในการทำงานมากๆ ด้วยครับ รวมๆ ผมคิดว่าผู้ชมน่าจะคุ้มและสนุกกับหนังเรื่องนี้ที่เป็นรสชาติใหม่ๆ ของวงการหนังไทยได้ครับ

 

Term-2-Haunted-Universities-Still36

Term-2-Haunted-Universities-Still19

 

บันทึกผู้กำกับ “ต้น เอกภณ” จากเรื่อง “เทอมสอง สยองขวัญ: ตึกวิทย์เก่า”

ต้นปี 2021 เราได้รับโจทย์ “หนังผีเรื่องหนึ่ง” ที่มีแก่นเรื่องเกี่ยวกับการเล่าตำนานภูตผีปีศาจต่างๆ ที่สิงอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย และเป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าต่อๆ กันมาจนเป็นความเชื่อ เป็นตำนานมหา’ลัยอันโด่งดัง เราได้นำเรื่องราวเหล่านี้มาไตร่ตรองในกรอบของยุคปัจจุบัน ยุคที่เต็มไปด้วยกระแสแห่งการพยายามที่จะพิสูจน์และหาเหตุผล ที่มาที่ไปของสิ่งต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะ “เชื่อ” หรือ “ไม่เชื่อ” ในสิ่งเหล่านั้น

 

หนังผีเรื่องนี้จึงเป็นเหมือนการเล่ามุมมองความคิดของ “คนยุคเก่า” และ “คนยุคใหม่” ในเรื่องของกรอบความคิด ความเชื่อ และการยึดติด ที่เกิดขึ้นจากการได้เรียนรู้จากชุดข้อมูลที่แตกต่างในต่างยุคต่างสมัยกัน นั่นรวมถึง “การเล่าตำนานผีเก่าแก่ในรั้วมหา’ลัย” ในมุมมองของคนยุคนี้ด้วย

 

ภาพยนตร์ “เทอมสอง สยองขวัญ ตอน ตึกวิทย์เก่า” เรื่องนี้ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเรา หลังจากที่เราได้อยู่ในวงการโฆษณาและมิวสิกวิดีโอมาเกือบสิบปี หลายๆ อย่างทั้งในขั้นตอนการคิดและการถ่ายทำมีทั้งเหมือนและไม่เหมือนกับที่เคยจินตนาการไว้ก่อนที่จะเข้ามาทำ แต่เราเองก็ยังคงสนุกอยู่ สนุกที่ได้ทดลองทำอะไรหลายๆ อย่าง เราพยายามใส่สไตล์ของเรา วิธีการเล่ารวมถึงมูดแอนด์โทน (Mood and Tone) ในแบบที่เราอยากจะดูเข้าไปในหนังผีเรื่องนี้ ประเด็นที่เราพยายามใส่เข้าไปในหนังตลอดคือประเด็นของ “การยึดติด” ซึ่งสุดท้ายระหว่างทาง เรากลับค่อยๆ ซึมซับมันเข้าไปในร่างกาย และได้นำหลักคิดของการรู้จักที่จะ “ปล่อยวาง” และรู้จักที่จะ Move On” เข้ามาใช้ในชีวิตของเรามากขึ้น

 

เหมือนเป็นการทำหนังเพื่อบอกตัวเราเอง…

เทอมสอง สยองขวัญ (Haunted Universities 2nd Semester)

เทอมสอง สยองขวัญ (Haunted Universities 2nd Semester)

“เรื่องสยองในมหา’ลัย” ถูกเล่าลือมาทุกยุคสมัย จากรุ่นสู่รุ่น จากคณะสู่คณะ จากมหา’ลัยสู่มหา’ลัย หลายตำนานความเฮี้ยน หลากเรื่องราวความหลอน ที่ “คนในอยากหลอก คนนอกอยากเล่า” “สหมงคลฟิล์ม...

รายละเอียดภาพยนตร์

Featured News