แม้จะแสดงร่วมกันเป็นเรื่องแรกใน “สมมติ” (Supposed) ภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าส่งท้ายปีที่กำลังเรียกกระแสบวก “ใครดูก็ต้องชอบ” อยูในตอนนี้ แต่สองนักแสดงมากฝีมือ “อนันดา เอเวอริงแฮม” และ “แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช” ก็สามารถเล่นเข้าขากันได้อย่างลงตัวและเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้แสดงอะไร ทำให้คนดูต่างหลงรักตัวละครและอินไปกับเรื่องราวความสัมพันธ์แบบ “รู้หน้า…ไม่รู้ใคร” ในเมืองใหญ่ที่ความเหงาเฝ้ากัดกินหัวใจ จนถูกการันตีจากทุกเสียงรีวิวว่าเป็นสุดยอด “การแสดงแห่งปี” กันเลยทีเดียว
โดยงานนี้นักแสดงทั้งคู่ได้เปิดเผยความในใจและเบื้องหลังการทำงานที่เป็นการกำกับภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของ “ธนกร พงษ์สุวรรณ” (Fake โกหกทั้งเพ) ซึ่งถือเป็นการแท็กทีมกันเป็นครั้งแรกที่เต็มไปด้วยความตั้งใจจนออกมาเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไทยเรื่องเยี่ยมที่มาพร้อมกับพลังการแสดงอันโดดเด่นและน่าประทับใจที่ไม่ควรพลาดชม
(อนันดา) “จริงๆ เป็นหนังที่ผมกับ ‘พี่อั๋น’ เคยคุยกันมาตั้งนานแล้วว่าเราจะทำหนังด้วยกัน แล้วผมเคยพูดถึงหนังเรื่อง ‘Fake’ ที่เค้าทำ ผมรู้สึกว่ามันมีลายเซ็นมีเอกลักษณ์อะไรบางอย่าง ตัวละครของเค้า บรรยากาศของเค้า เรื่องนี้ในมุมมองของผมมันก็เป็นเหมือนอีกสตอรีหนึ่งที่อยู่ในโลกนั้น โลกของตัวละครชนิดนี้ พูดถึงหนังเรื่องนี้มันก็ Progressive เหมือนกันนะ คือตอนนั้น 7-8 ปีที่แล้วไอ้โซเชียลมีเดียมันยังไม่ได้ขนาดนี้แบบทุกคนต้องมีตัวตนสมมติที่ปรากฏอยู่ในโซเชียลมีเดีย ตัวละครของผมก็เป็นประมาณนั้นคือเป็นมนุษย์ที่มีภาวะของคนเมืองที่อาจจะรู้สึกชีวิตจำเจก็เลยสร้างชีวิตออนไลน์ขึ้นมาเพื่อไปเจอไปคุยกับคนออนไลน์อะไรอย่างงี้
พูดตรงๆ ตอนผมคุยกับพี่อั๋น เราก็คุยกันว่าเออ…อยากทำอะไรที่มันหว่องๆ หน่อย เวิ่นๆ หว่องๆ นิดนึง เพราะว่าเอาจริงๆ ชีวิตคนเรามันก็มีมุมนั้นอยู่ อย่างไปยืนที่ระเบียงมองออกไปไกลๆ ไม่รู้มองอะไรอยู่แต่แบบชีวิตมันช่างเท่เหลือเกินอะไรอย่างงี้ ซึ่งผมว่ามันก็เป็นโมเมนต์ที่น่าสนใจ
คือผมกับพี่อั๋นก็มีความเหมือนกันหน่อยๆ ตรงเป็นคนชอบดูหนัง จะเป็นคนที่ค่อนข้างรู้เรื่องหนังเยอะ หนังเรื่องนี้มันก็เลยจะมีความสนองอะไรบางอย่างของคนที่ชอบดูหนัง มันอาจจะไม่ใช่สำหรับทุกคนแต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นหนังที่มีหัวใจ ซึ่งมันก็แล้วแต่คนจะชอบ-ไม่ชอบ แต่ผมรู้สึกว่ามันเห็นได้ชัดว่ามันมาจากคนที่ชอบหนัง ชอบดูหนัง
ให้พูดถึงพี่อั๋นก็คือไม่รู้ว่าจะคิดยังไงดี เพราะว่าตอนที่แกป่วย แกไม่พูดไง ไม่ได้บอกใคร ผมก็คิดถึงเขา แต่ว่าในเวลาหนึ่งมันก็มีความแบบอึดอัดใจ ทำไมไม่บอก กูจะได้เข้าไปช่วยตอนมึงเหนื่อย เพราะเขามาป่วยช่วงท้ายๆ เรื่องนี้ พอนึกถึงพี่อั๋นแล้วอาจจะเวิ่นนิดนึง มันก็เลยอยากจะเล่าให้ฟังว่าแกตั้งใจทำงานแค่ไหน ถึงขั้นแบบนาทีสุดท้ายเค้าก็ไม่อยากจะเอาความกังวลมาลงที่ฝั่งพวกเรา จะบอกแต่ว่าไม่เป็นไรๆ แต่เราก็รู้สึกได้เพราะแต่ก่อนผมกับพี่อั๋นจะนั่งคุยกินเบียร์กันทั้งวันทั้งคืน แล้วอยู่ดีๆ ทำไมเพื่อนกูหายไปไหนวะอะไรอย่างงี้
ก็คิดถึงแก แต่ในเวลาเดียวกันถ้าจะให้บอกอะไรกับพี่อั๋นก็นี่แหละครับ นี่คือหนังของพี่ มันเสร็จแล้วนะครับ มันเป็นอย่างที่เราคุยกันไว้ มันคือพี่อั๋นจริงๆ มันคือหัวใจของพี่อั๋น ไม่ได้หายไปไหน มันอยู่ในงานตัวนี้ เป็นตัวเค้า 100% ถ้าเค้าอยู่ผมก็เชื่อว่าเค้าจะภูมิใจในเรื่องนี้ครับ”
(ชญานิษฐ์) “หนูว่าตัวละครของหนูมันเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีภาวะที่ล่องลอย ไม่มีหลักแหล่งเป็นของตัวเอง เป็นคนแบบ Random มากๆ คนหนึ่ง สมาธิสั้น อยากทำอะไรก็ทำ เอาแน่เอานอนไม่ได้มากๆ หนูว่ามันมีความธรรมชาติบางอย่างที่ไม่สามารถหาคำจำกัดความได้
เรื่องนี้มันเป็นหนังโมเมนต์ ในภาษาแอ็กติ้งที่เค้าจะมีคำว่าการแสดงที่สดมาก ซึ่งหนูว่านักแสดงทุกคนมันจะมีโพรไฟล์เป็นของตัวเองที่ว่าช่วงเรื่องที่หนึ่งกับเรื่องที่สองแอ็กติ้งมันจะสดมาก อันนี้หนูคิดว่ามันเป็นความพิเศษของหนูที่มันจะอยู่ในพอร์ตของหนู ตอนนี้หนูคิดว่านะ หนูไม่สามารถกลับไปทำอะไรแบบที่หนูทำในในเรื่องนี้ได้อีกแล้ว
มันมีช่วงที่เราหยุดกองไปด้วยนะคะ ถ่ายๆ อยู่ก็หยุดไปเกือบสองเดือน เค้าก็ให้เหตุผลว่า ‘พี่อั๋น’ ไม่สบาย แล้วพอมาเปิดกล้องอีกทีก็เห็นสภาพว่าไม่สบายจริงๆ แต่เค้าก็บอกว่ากำลังจะหายแล้วอะไรอย่างงี้ พอปิดกล้องไปแล้วก็ติดต่อไม่ได้เลย คือพี่อั๋นไม่บอกจริงๆ แต่เค้าจะพูดตลอดนะว่าไม่ต้องห่วงๆ
จริงๆ หนูเคยบอกพี่อั๋นไปว่าหนูชอบคาแร็กเตอร์กับลายเซ็นหนังของพี่มากเลย แล้วก็เคยพูดกับเขาไปแล้วด้วยว่าดีใจที่มีโอกาสได้มาอยู่ในหนังของเค้า แล้ววันนี้มันก็ได้ฉายแล้ว มันได้ออกไปจริงๆ แล้ว ไม่ได้อยู่แค่ในห้องตัด ก็หวังว่าพี่อั๋นจะชอบค่ะ”
ไม่ว่าความรักจะสมหวังหรือผิดหวัง มันก็ส่งผลให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปอยู่ดี เมื่อ “นน” (อนันดา) หนุ่มใหญ่ผู้เปลี่ยวเหงา และ “เดียร์” (แพต ชญานิษฐ์) หญิงสาวผู้ลึกลับได้มาพบกันและตกลงสานสัมพันธ์โดยไม่ต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน จนกระทั่งความผูกพันลึกซึ้งอาจก่อตัวเป็น “ความรัก” โดยไม่ทันคาดคิด ซึ่งสุดท้ายแล้วมันจะเป็น “ความจริง” หรือเป็นเพียงเรื่อง “สมมติ” ตลอดไป
ร่วมค้นหา “ตัวตน” ที่แท้จริงในความสัมพันธ์แบบ “สมมติ” (Supposed) วันนี้ ในโรงภาพยนตร์