หากพูดถึงชื่อ “นันทวุธ ภูผาสุข” หรือ “หิน ฟินวิ่ว” อาจยังไม่ใช่ชื่อที่หลายคนรู้จักมากนัก แต่หากพูดถึงชื่อผลงานเก่าของเขา ภาพยนตร์สั้นชื่อยาวอย่างเรื่อง “ฉันนั่งรถไฟไปเยี่ยมแม่ที่กำลังจะตาย แต่ไปไม่ทัน แม่ฉันตายก่อน ฉันรักการรถไฟจังเลย“ หลายคนคงจะร้องอ๋อขึ้นมา โดยเฉพาะคอหนังทั้งหลาย ด้วยชื่อเรื่องที่สะดุดหู และเนื้อหาเสียดสีหน่วยงานหนึ่งในประเด็นที่สังคมถกเถียงกันมาเป็นเวลานาน ทำให้ “ฉันนั่งรถไฟไปเยี่ยมแม่ฯ” เป็นผลงานที่ถูกพูดถึงในโซเชียลเน็ตเวิร์กอยู่ระยะเวลาหนึ่ง
“หิน ฟินวิ่ว” ลูกหลานชาวกาฬสินธุ์ที่หลงใหลศาสตร์ภาพยนตร์ตั้งแต่จำความได้ เพราะ “หนังกลางแปลง” ที่พ่อเคยพาไปปูเสื่อดูอยู่บ่อยครั้งสมัยยังเด็ก หินเลือกที่จะหาทางสานฝันด้วยการศึกษาต่อในคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนก่อตั้งทีมขึ้นมา ภายใต้ชื่อ “ฟินวิ่ว สตูดิโอ” เพื่อทำหนังสั้นกันเอง แต่จากงานอดิเรกขยับขยายไปถึงการส่งประกวดตามงานต่างๆ จนถึงวันนี้ที่ภาพยนตร์เต็มเรื่องแรกของเขาและทีมฟินวิ่ว สตูดิโอได้มีโอกาสได้ฉายในโรงภาพยนตร์อย่างเป็นทางการสู่สายตาผู้ชมทั่วประเทศ กับผลงานที่พัฒนาต่อยอดมาจากผลงานวิจัยระดับปริญญาเอกออกมาเป็น “หมอลำมาเนีย เขย่าลูกคอรอให้เธอมารัก”
“เราอยากเล่าเรื่องราวของหมอลำที่พัฒนาการไปไม่หยุดนิ่ง ท่วงทำนองที่ฝังอยู่ในจิตวิญญาณของคนอีสาน หรือแม้แต่พี่น้องฝั่งลาวที่มีหมอลำหลายท่วงทำนอง สิ่งหนึ่งที่เราพยายามควบคุมให้ได้คือ ความสุข ความสนุกที่เราอยากบอกคนดู แต่นอกจากคนอีสานแล้วจะดูรู้เรื่องมั้ย? ตอบได้เต็มปากเลยว่าทุกคนจะสนุกไปกับหนังได้แน่นอน เพราะหนังมันมีภาษาสากลบางอย่างที่เข้าใจกันทั้งโลก เราเลยอยากให้ทุกคนได้ดู” ผู้กำกับ “หิน ฟินวิ่ว” พูดถึง “หมอลำมาเนีย” ในมุมที่อยากให้ผู้ชมเปิดใจ
ม่วนซื่นไปกับหนังฮักสไตล์ไทบ้านที่จะทำให้คุณอมยิ้มและสัมผัสความอรรถรสของหมอลำในแบบที่คุณไม่เคยเห็นใน “หมอลำมาเนีย เขย่าลูกคอรอให้เธอมารัก” วันนี้ในโรงภาพยนตร์