สมรภูมิการรบที่ “Midway” นั้นถือเป็นหมุดหมายสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นจุดพลิกเกมรบระหว่างการปะทะกันของ “สหรัฐอเมริกา” และ “ญี่ปุ่น” จากชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ซึ่งในการรบครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างได้มีการยกยุทธศาสตร์การรบต่างๆ มาใช้ขับเคี่ยวกันแบบเต็มกำลัง โดยยุทธศาสตร์ที่น่าจับตานั้นได้แก่
- “ดักฟัง-ถอดรหัสลับ” ของทางฝั่งสหรัฐฯ ที่ด้านหน่วยข่าวกรองกองทัพเรือสามารถถอดรหัสลับของญี่ปุ่นได้ ทำให้ล่วงรู้แผนการรบต่างๆ ของทางญี่ปุ่น และนำมาใช้ตั้งรับการโจมตีที่มิดเวย์
- “อาศัยจังหวะ-โจมตีฉับพลัน” ที่ต่างมีสลับกันทั้งสองฝ่าย เริ่มต้นจากการโจมตี “เพิร์ล ฮาร์เบอร์” ที่ถือเป็นการโจมตีฉับพลันของญี่ปุ่นต่ออเมริกา จนทำให้สหรัฐต้องปราชัย ญี่ปุ่นเองต้องการอาศัยจังหวะนี้ที่ศัตรูกำลังเสียหายรุนแรงอย่างหนัก บุกต่อเนื่องอีกครั้งที่ “มิดเวย์” แต่ด้วยแผนการการเตรียมพร้อมอีกขั้นของสหรัฐ จึงเปิดโอกาสให้สหรัฐโจมตีฉับพลันกลับได้ในอีกระลอก ทำให้กองเรือญี่ปุ่นตกเป็นเป้านิ่งไปชั่วขณะ
- “ฝูงเครื่องบินห้ำหั่นกลางอากาศ” และ “เครื่องบินดิ่งทิ้งระเบิด” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการรบที่มิดเวย์นั้นมีการใช้เครื่องบินสู้รบปะทะกันในอัตราส่วนที่มากกว่ายุทโธปกรณ์ชนิดอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นยุทธการที่ทั้งกระสุนและระเบิดอัดแน่นกันเต็มทั้งน่านฟ้า แต่ที่เป็นไฮไลต์คือการใช้เครื่องบินดิ่งทิ้งระเบิดของแต่ละฝ่าย อันเป็นหนึ่งในตัวตัดสินว่าฝ่ายใดจะถือไพ่เหนือกว่า และนำไปสู่จุดพลิกแห่งชัยชนะ
เตรียมพบกับเรื่องราวของสมรภูมินี้กันแบบเต็มๆ ได้ใน “Midway อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น” โปรเจกต์แอคชั่น-สงครามฟอร์มยักษ์ที่สร้างมาจากวีรกรรมจริงอันน่าเหลือเชื่อของหนึ่งการปะทะที่เปลี่ยนเกมสงครามโลกไปตลอดกาล มีกำหนดเข้าฉาย 7 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์