โปรเจกต์นี้เริ่มต้นขึ้นมาได้อย่างไร
ผมเริ่มเขียนหนังสือตอนที่ผมรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล มันเป็นนิยายกึ่งชีวประวัติ ตอนที่ผมเขียนจบผมก็หายพอดี ที่ผมอยากทำมันเป็นหนังเพราะผมอยากกลับไปสนุกกับเรื่องราวของมันอีกครั้ง
เรื่องราวของภาพยนตร์ “A Mermaid in Paris”
มันเป็นเรื่องของชายคนหนึ่งที่เชื่อว่าตัวเองไม่มีวันรักใครได้อีก เพราะหัวใจของเขาแตกสลายไปแล้วจากความรักครั้งล่าสุด จนเขาได้มาพบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ทำให้ชายทุกคนที่เธอพบตกหลุมรักหัวปักหัวปำจนหัวใจจะระเบิด เธอเป็นเมอร์เมด มันอาจจะดูเป็นนิทานแต่อีกมุมหนึ่งมันคือภาพสะท้อนของชีวิตจริง คุณต้องมีความกล้าพอที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ทำไมคุณถึงเลือกนักแสดงชุดนี้
ผมเลือก “นิโคลาส์ ดูโวแชลล์” เพราะความเข้มข้นในการแสดงของเขา โลกของหนังมันเหมือนความฝัน ละเอียดประณีตอ่อนช้อย ผมต้องการนักแสดงที่สามารถถ่ายทอดความสมจริงออกมา ผมไม่อยากได้คนที่ดูบอบบางจนกลืนไปกับโลกของหนัง ซึ่งนิโคลาส์ตอบโจทย์ผมหมด ทั้งบุคลิกและฝีมือการแสดง สำหรับ “มาริลีน ลิมา” เพื่อนของผมแนะนำเธอมา เขาบอกผมว่า “ฉันเจอสาวคนหนึ่งเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือนายเลย” เธอจะทำให้คนดูตกหลุมรักเธอเหมือน “กัสปาร์” (นิโคลาส์ ดูโวแชลล์) สายตาของเธอยังมีความลึกลับน่าค้นหาด้วย
คุณวาดภาพเมอร์เมดในจินตนาการไว้ว่าอย่างไร
ผมไม่ได้นึกภาพเมอร์เมดแบบทั่วๆ ไป มันเริ่มมีภาพชัดเจนตอนที่ผมได้พบมาริลีน เธอเกิดมาเพื่อบทนี้เลย ผมบลอนด์ จมูกเล็ก ตาโต เธอสวยเกินมนุษย์ไปเลยครับ
นักดนตรี, ผู้กำกับ, นักเขียน คุณชอบบทบาทไหนมากที่สุด
“นักดนตรี” ผมชอบการแจมกันของสมาชิกทุกคนในวงจนเกิดเป็นสิ่งใหม่ขึ้นมา ผมชอบความรู้สึกนั้นมาก ไม่มีอะไรจะแทนที่มันได้เลย
ขอสามคำให้หนังเรื่องนี้
“การผจญภัย เสียงเพลง และความเซอร์ไพรส์” ครับ
ร่วมพิสูจน์ความรักที่เหนือจริงที่สุด แต่งดงามที่สุดใน “A Mermaid in Paris รักเธอ เมอร์เมด” 3 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์