“Megalopolis นคราอาเพศ” ไม่เพียงเป็นภาพยนตร์ไซไฟที่ “ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา” ใช้เวลาพัฒนาบทอยู่นานหลายปีเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพยนตร์ที่คอปโปลายอมทุ่มทุนกรีดเลือดกรีดเนื้อขายธุรกิจไวน์และไร่องุ่นบางส่วนเพื่อนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย
คอปโปลาเริ่มพัฒนา “Megalopolis” มาตั้งแต่ทศวรรษ 80 โดยแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากการที่เขาได้อ่าน “เรื่องสมคบคิดของคิติลีนาเรียน” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 63 ปีก่อนคริสตกาล ว่าด้วยเรื่องราวของ “ลูเชียส แชร์จูส คาติลีเน” ที่พยายามโค่นล้มสาธารณรัฐโรมัน หากคาติลีเนทำรัฐประหารได้สำเร็จ เขาจะขับไล่พวกชนชั้นปกครองออกไป จากนั้นจะปลดหนี้ให้ตัวเองและชนชั้นล่าง
“ผมปั้นเรื่องจากไอเดียนี้ ผมอยากเขียนเรื่องนี้เป็นบทหนังมาก ผมพยายามจดไอเดียหรืออะไรต่างๆ นานาที่ผมเจอระหว่างอ่านเรื่องนี้ ผมคิดว่าทุกคนรู้ดีว่า ‘อเมริกา’ ก็เหมือน ‘สาธารณรัฐโรม’ ที่กลับมาเกิดใหม่ เนื่องจากผู้ก่อตั้งประเทศของเรา ‘ไม่ต้องการให้มีกษัตริย์มาปกครอง’ แต่เราอยากเป็นสาธารณรัฐแบบอาณาจักรโรมัน คุณเดินทางไป ‘นิวยอร์ก’ คุณก็จะเห็นสถาปัตยกรรมแบบโรมันมากมาย ความตั้งใจของผมก็คือเขียนเรื่องราวมหากาพย์โรมัน แต่ให้ฉากหลังอยู่ที่นิวยอร์กซึ่งคล้ายคลึงกับอาณาจักรโรมันยุคโบราณ”
แต่กว่าจะเข็นภาพยนตร์เรื่องนี้ออกออกมาได้นั้น คอปโปลาต้องเผชิญกับวิบาการรมมากมายระหว่างทาง แม้ในปี 2001 จะได้นักแสดงจำนวนหนึ่งมานั่งอ่านบทร่วมกัน พร้อมได้ฟุตเทจความยาวกว่า 30 ชั่วโมงที่ให้กองถ่ายหน่วยที่ 2 ออกไปถ่ายมุมต่างๆ ของนิวยอร์กมาได้ แต่แล้วในขณะที่ขั้นตอนพรีโปรดักชันกำลังเดินหน้าก็ดันเกิด “เหตุวินาศกรรมครั้งประวัติศาสตร์ 9/11” ขึ้น ทำให้โปรเจกต์นี้ต้องหยุดชะงักไป เพราะคอปโปลาไม่อาจทำใจลงมือสร้างสรรค์ผลงานที่พูดถึงเมืองนิวยอร์กในฝันได้อีกท่ามกลางความโศกสลดและไม่แน่นอนนี้
อย่างไรก็ตามโปรเจกต์ภาพยนตร์ “Megalopolis” ก็ยังไม่เลือนหายไปไหน และยังคงมีนักแสดงวนเวียนกันเข้ามาอ่านบทและเวิร์กช็อป กระทั่งการมาของ “โควิด-19” และอายุของคอปโปลาก็ล่วงเลยเข้าสู่เลข 8 ทำให้เขารู้สึกว่า “เวลาในชีวิตเขาอาจเหลือไม่มากพอ” เกิดเป็นแรงกระตุ้นครั้งสำคัญให้เขากลับมาเดินหน้าโปรเจกต์นี้อีกครั้ง
สิงหาคมปี 2021 ได้มีการคัดเลือกนักแสดงรอบใหม่อีกครั้ง และการได้การพบเจอกับ “อดัม ไดรเวอร์” ทำให้คอปโปลาผุดไอเดียใหม่ๆ ขึ้น และนำไอเดียที่ได้นี้ไปปรับแก้บทภาพยนตร์ใหม่
แต่อย่างไรก็ตาม วิบากกรรมที่คอปโปลาต้องเผชิญในโปรเจกต์เรื่องยิ่งใหญ่นี้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อบทบาท “เดอะ ฟิกเซอร์” ที่เขาเขียนขึ้นเพื่อ “เจมส์ คาน” นักแสดงรุ่นเก๋าและเพื่อนสนิทกลับเสียชีวิตเสียก่อนจะเริ่มเปิดกล้องได้ไม่นาน เป็นเหตุให้บทนี้ถูกส่งต่อสู่นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง “ดัสติน ฮอฟฟ์แมน”
“เป้าหมายของผมคือจะทำ ‘Megalopolis’ ออกมาด้วยทุกอย่างทั้งหัวใจและเรี่ยวแรงที่ผมมี หนังเรื่องนี้พูดถึงความรักและความภักดีในทุกๆ แง่มุมของชีวิตมนุษย์ หนังจะถ่ายทอดความรู้สึกอันซับซ้อนออกมา เราจะมองเห็นความรักทุกๆ เหลี่ยมมุมอันซับซ้อน ได้เห็นโลกที่กำลังตกอยู่ในอันตราย และมนุษยชาติที่กำลังฆ่าตัวตาย มันจะเป็นหนังที่เชิดชูและศรัทธาในมนุษย์”
เพราะนี่คือผลงานที่ “ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา” ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เขาจึงไม่อยากให้โปรเจกต์นี้มีใครเข้ามาบังคับหรือปรับเปลี่ยนสิ่งที่เขาตั้งใจรังสรรค์มันขึ้นมา นั่นเองเป็นเหตุให้คอปโปลาตัดสินใจขายธุรกิจไวน์และไร่องุ่น พร้อมกับออกเงินสร้างหนังเรื่องนี้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังยกกองไปถ่ายทำถึง “แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย” ที่นั่นเขาได้ทีมงานท้องถิ่นที่มีศักยภาพ อีกทั้งยังมีอาคารเก่าแก่ที่เก็บรักษาไว้ซึ่งใช้เป็นฉากหลังของเรื่องได้ ไม่เพียงเท่านั้นคอปโปลายังได้ซื้อโมเต็ลเก่าแห่งหนึ่งในแอตแลนตาเพื่อใช้เป็นบ้านและออฟฟิศของกองถ่าย ตั้งแต่เตรียมงานไปจนถึงขั้นตอนโพสต์โปรดักชัน (ตัดต่อและมิกซ์เสียง) โดยการถ่ายทำเรื่องนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 4 เดือน นับตั้งแต่พฤศจิกายน 2022 จนถึงมีนาคม 2023
จะอยู่อย่างไร้อนาคต หรือลุกขึ้นสู้! “Megalopolis นคราอาเพศ” 26 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์