นอกจากจะมีอาคมและพัฒนาการทางคาแร็กเตอร์อันสุดเข้มข้นแล้ว “เสือใบ” ใน “ไตรภาคขุนพันธ์” นี้ยังเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ สีสันจัดจ้าน และเต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนจนทำให้ผู้ชมและแฟนหนังหลงรักได้ตลอดกาล โดยนักแสดงหนุ่ม “เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ” ผู้สวมบทนี้ได้เผยความในใจว่าในชีวิตการแสดงมีเพียง “เล็กบาว – ดา อินทร – เสือใบ“ 3 บทบาทโดดเด่นในชีวิตของเขาที่สามารถเข้าไปอยู่ในใจผู้ชมและตัวเขาเองได้อย่างลงตัว
ดังนั้น การกลับมาร่วมทีมในภาพยนตร์แอ็กชันฮีโร่ไทยแห่งปี “ขุนพันธ์ 3″ อีกครั้งจึงเป็นเรื่องน่ายินดีและยังคงรู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างจากสองภาคแรกแต่อย่างใด ซึ่งหนุ่มเป้ถือเป็นอีกหนึ่งนักแสดงใน “จักรวาลขุนพันธ์” ที่อยู่กับโปรเจกต์นี้มาตั้งแต่เริ่มต้น เรียกได้ว่าการเข้าคอร์สขี่ม้า ยิงปืน ควงปืน เรียนยูโด ชกมวย เพื่อเตรียมร่างกายสำหรับบท “เสือใบ กระสุนคต” เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วก็ยังได้ใช้ความสามารถทั้งหมดนี้ในการร่วมปิดไตรภาคขุนพันธ์กับตำนาน 4 เสือผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคกลางอันโด่งดัง
และทันทีที่ประโยคอาคมเด็ด “นะโม พุท ธา ยะ” ถูกลั่นขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของ “เสือใบ” พร้อมคู่หู “เสือเบี้ย” (คมสัน ขจรไพศาลสุข) ในฉากไคลแมกซ์ของหนังก็ทำให้การรอคอยของแฟนๆ ถึงจุดพีก และความบันเทิงของหนังก็ยิ่งทวีคูณความเดือดขึ้นไปอีกเท่าตัว ซึ่งในแต่ละรอบฉายนั้นเสียงเฮลั่นสนั่นโรงของเหล่าผู้ชมก็ดังขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเลยทีเดียวกับหนึ่งในบิ๊กเซอร์ไพรส์นี้ ด้วยความตั้งใจของผู้กำกับ “ก้องเกียรติ โขมศิริ” ที่ขอคืนกำไรให้กับคนดูและแฟนหนังขุนพันธ์แบบหมดหน้าตัก ใส่สตอรีและอารมณ์เดือด มันส์ ดุดันแบบไม่มียั้งกับการสร้างสรรค์ซีนคัมแบ็กของเสือใบให้ออกมาว้าวๆๆ และเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้อย่างอยู่หมัดและสมศักดิ์ศรีตัวละครอย่างแท้จริง
“การกลับมาของตัวละคร ‘เสือใบ’ กับ ‘กระสุนคต’ ของเขานั้น เป็นความตั้งใจของเราที่วางตัวละครเสือใบเอาไว้แบบฟรีฟอร์มตั้งแต่ภาค 2 แล้วว่าเขาแหกคุกออกไป แล้วตัวละครมันจะต้องมีจุดจบ เราไม่อยากให้จบไตรภาคนี้แล้วทุกคนยังตั้งคำถามว่าแล้วเสือใบไปไหน เพราะฉะนั้นภาคนี้เราจะได้เห็นการกลับมาของ ‘เป้ อารักษ์’ ในบทเสือใบกับลูกน้องคู่ใจเขา ‘เสือเบี้ย’ พร้อมกับวิชากระสุนคตของเขา และภารกิจสำคัญที่อยากให้แฟนๆ ของเสือใบ ของเป้ และหนัง ‘ขุนพันธ์’ ได้เต็มอิ่มที่สุดครับ”
ด้านหนุ่ม “เป้ อารักษ์” ก็ได้พูดถึงการกลับมาร่วมปิดไตรภาคจักรวาลขุนพันธ์ครั้งนี้ว่า
“ตื่นเต้นและรู้สึกดีใจมากครับที่ได้กลับมาเป็น ‘เสือใบ’ อีกครั้ง นี่คือบทและตัวละครที่ผมรักมากๆ เพราะนี่คือความฝันของเด็กผู้ชายที่ได้ขี่ม้า ยิงปืน และบู๊ ได้เล่นเป็นตัวละครแปลกๆ ที่เราไม่ได้เจอในการทำงาน หรือในชีวิตจริงครับ เป็นอะไรที่สนุกและมันส์มากครับ ผมยังจำวันแรกที่ ‘พี่โขม’ บอกว่าอยากให้ผมเป็นเสือใบได้ ตอนนั้นผมไว้ผมยาวอยู่ ผมก็ไปตัดผมทรงที่เหลือแต่ตรงกลาง และกะว่าถ้าทรงนี้มันได้ก็จะเล่นเป็นเสือใบเลย แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปสามปี หลังจากนั้นผมก็ซื้อปืนแก๊ปมาควง พอก่อนถ่ายก็ต้องไปเรียนขี่ม้า และมีการพัฒนาคาแร็กเตอร์ คือตื่นเต้น ดีใจมากครับ และผมก็ชอบพี่โขมอยู่แล้ว คงต้องขอบคุณพี่โขมเป็นผู้มีพระคุณครับที่กล้าเอาผมมาเป็นมหาโจร เอาคนหน้าตี๋ๆ มาเปลี่ยนคาแร็กเตอร์เป็นคนที่สู้คนเช่นเดียวกับเสือใบเหมือนกัน สำหรับ ‘ขุนพันธ์ 3’ ก็อยากให้มาดูกัน การถ่ายทำ ภาพ สี แสง การพูด ทุกอย่างมันไทยมากครับ แต่ว่ามันก็มีความแฟนตาซีแบบฝรั่ง มันเป็นการผสมผสานครับ ผมว่าไม่มีใครทำอะไรแบบนี้มานานแล้ว คือจะต้องทำโปรเจกต์ใหญ่ขนาดนี้ งบประมาณขนาดนี้ มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก และผลตอบรับก็ดีเกินคาดครับ เสือใบเป็นตราแสตมป์หนึ่งที่ทำให้ผมภาคภูมิใจในการทำงานมากๆ ครับ”
ส่วน “เสือเบี้ย” อีกตัวละครสำคัญคู่หูเสือใบ นี่คือตัวละครที่ผู้กำกับตั้งใจอุทิศและกราบคาราวะ “พิภพ ภู่ภิญโญ” ดาวร้ายในตำนานหนังไทยยุคอดีต ผ่านลีลาและการแสดงที่เชื่อมือได้ของ “จุ๊-คมสัน ขจรไพศาลสุข” หนึ่งในนักแสดงคู่บุญของผู้กำกับก้องเกียรติที่ได้มาร่วมสร้างสีสันและความสนุกสนานให้กับเรื่องนี้ได้อย่างถึงใจ
“มันเกินคาดไปเยอะเลยทีเดียว ตอนแรกที่เห็นบทแอบคิดว่ามันจะขนาดนี้ได้เหรอ ทำได้จริงๆ เหรอ แล้วก็ทำได้ อันนี้เป็นความดีความชอบของทีมงานเบื้องหลังทุกคนเลยครับ สำหรับแฟนๆ ‘พี่ใบ’ กับ ‘ไอ้เบี้ย’ อยากฝากให้ติดตาม ‘ขุนพันธ์ 3’ ครับ ซึ่งมันจะเป็นการกลับมาที่จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง คุณจะได้เห็นกระสุนคตของเสือใบ การขยี้หัว ความมุทะลุ โวยวายโหวกเหวกของไอ้เบี้ยที่จะสร้างสีสันความสนุกให้กับเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอนครับ”
ร่วมปิดตำนานไตรภาค “จักรวาลขุนพันธ์” กับภารกิจจับตายขยายสู่สงครามแห่งอาคมเดือดกับ “เสือใบ-ไอ้เบี้ย” และ “แก๊งเสือร้าย” ใน “ขุนพันธ์ 3″ มันส์ยิ่งกว่ามันส์ วันนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น