ทุ่มสุดตัวและพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบของจริงสำหรับอภิมหากาพย์ภาพยนตร์แอ็กชันฮีโร่ไทย “ขุนพันธ์ 3” ผลงานสร้างสรรค์สุดตระการตาของ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ซึ่งในส่วนของ “ดนตรีประกอบภาพยนตร์” ได้สร้างปรากฏการณ์ทางดนตรีครั้งสำคัญโดย “เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน” คอมโพสเซอร์มากฝีมือแถวหน้าของไทยผู้อยู่เบื้องหลังดนตรีประกอบภาพยนตร์ระดับรางวัลทั้งในและต่างประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “เด็กหอ” (2549), “องค์บาก 2” (2551), “ต้มยำกุ้ง 2” (2556), หรือ “Secret” (2007) งานสร้างชื่อของ “เจย์ โชว์” ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง “รางวัลม้าทองคำ สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ที่ไต้หวัน แน่นอนรวมทั้ง “ไตรภาคขุนพันธ์” ซึ่งภาคล่าสุดได้ผนึกกำลังเหล่ายอดฝีมือนักดนตรีมืออาชีพทางด้านดนตรีเครื่องสายและเครื่องเป่าต่างๆ กว่า 40 ชีวิตในรูปแบบเต็มวงออร์เคสตรามาบรรเลงตัวโน้ตเพื่อสร้างสรรค์ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง “ขุนพันธ์ 3” ให้เป็นการปิดไตรภาคอย่างสุดอลังการ และสานฝันที่เป็นจริงให้กับผู้กำกับมือฉมัง “ก้องเกียรติ โขมศิริ” อย่างแท้จริง
“หนัง ‘ขุนพันธ์’ มันมีทั้งความเป็นเอพิก มีความเป็นหนังที่มีคอสตูมดีไซน์ มีวิชวลหนังระเบิดภูเขาเผากระท่อม จริงๆ แล้วมันก็คือการผสมผสานของหนังหลายๆ แบบที่มาเจอกับวัฒนธรรมไทยแล้วกลายเป็นแอ็กชันไทยๆ ซึ่งมันก็ดันมีความ Weird ของภาษาหนังบางอย่างที่ใส่เข้าไปได้ ซึ่งเราอาจไม่ค่อยเห็นผลิตกัน เพราะว่าแน่นอนมันยากและมันเหนื่อย มันหนักในทุกองค์ประกอบ เราวางมันละเอียดทุกอย่าง เห็นแม้กระทั่งว่าสกอร์ธีมของดนตรี เหมือนสมัยเด็กๆ ที่เราเคยได้ยินเสียงดนตรีประกอบของ ‘Indiana Jones’ แล้วภาพ ‘อินเดียนา โจนส์’ ก็ปรากฏขึ้นมาในสมองเราทันที แล้วเราก็ใฝ่ฝันว่าเราอยากทำแบบนั้นให้มันเกิดขึ้นในประเทศนี้กับหนังไทยบ้าง เมื่อไหร่ที่ธีมเพลง ‘ขุนพันธ์’ ขึ้นมา ภาพของขุนพันธ์ก็จะปรากฏขึ้นมาในหัวของเด็กๆ ในเจเนอเรชันใหม่ๆ หน้าอนันดามีหนวดเขี้ยวโผล่ขึ้นมาเลย มันคือคุณค่าของงานชิ้นนี้ที่พวกเราลงแรงลงใจที่เราจะทำกันไป อยากให้มันเป็นรูปแบบหนึ่งซึ่งเราทำได้ มันคือหนึ่งในความหลากหลายของหนังไทยที่มีทั้งกลิ่นอายความเก่าและความใหม่ แต่คำว่าเก่าไม่ได้แปลว่ามันต้องเชย อย่างบางทีเราหยิบยืมภาษาหนัง รูปแบบของความเก่ามาใช้ แต่ประเด็นที่เราพูด เราเชื่อมั่นว่ามันไม่เชย มันทันสมัย มันเป็นปัจจุบันมากๆ ด้วยซ้ำ ต่อให้มันเป็นหนังพีเรียดก็ตาม” ผู้กำกับเผยความรู้สึก
นอกจากนี้ งานด้านดนตรีของ “ขุนพันธ์ 3” ยังมีความพิเศษที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกกับเซอร์ไพรส์ครั้งสำคัญที่จะต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์วงการดนตรีและวงการภาพยนตร์ไทยไปพร้อมกัน เมื่อ “ต๋อย เทิดศักดิ์” ได้รังสรรค์สกอร์ธีมของ “3 ตัวละครสำคัญ” ในภาพยนตร์คือ “ขุนพันธ์-เสือดำ-เสือมเหศวร” ผ่าน “3 เทพตำนานดนตรีไทย” อย่าง “โป่ง หิน เหล็ก ไฟ – โอ้ The Olarn Project – ต่อ Silly Fools” มารวมพลังร่ายมนตร์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ร่วมกันเป็นครั้งแรก
“สำหรับเมโลดี้ ‘ขุนพันธ์’ มันมีความเป็นชายชาติทหารนักรบที่แท้จริง ก็คือลูกผู้ชายคนหนึ่งที่มีความจงรักภักดีต่อแผ่นดิน ต่อความดี ต่อโลกทั้งใบ มันจะมีเมโลดี้ถึงความฮีโร่ ผมว่ามันเป็นเหมือนตัวตนที่แทนความเป็นขุนพันธ์โดยแท้สำหรับอีกความเซอร์ไพรส์นอกจากวงออร์เคสตราแล้ว ต้องยอมรับว่าหลังจากที่ผมได้เห็นตัวหนังที่พี่โขมส่งมาให้ดู ไอเดียมากมายก็พุ่งเข้ามาหาผมทันที เกิดเป็นความคิดที่ว่าเสือนี้ต้องใช้ดนตรีแบบนี้ ภาพของศิลปินที่จะมาร่วมมันชัดขึ้นมาหลังจากตอนที่เราเห็นการแสดง สตอรีของเรื่อง เห็นฉากทั้งหมด มันก็เกิดเสียงของศิลปินที่จะมาร่วม จึงเป็นที่มาของการเชิญชวน ‘พี่โป่ง หิน เหล็ก ไฟ’, ‘พี่โอ้ โอฬาร’ และ ‘พี่ต่อ Silly Fools’ มาร่วมถ่ายทอดตัวโน้ต และเครื่องดนตรีตามคาแร็กเตอร์ของเสือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ‘เสือดำ’, ‘เสือมเหศวร’ หรือหัวหน้าชนเผ่า อาจกล่าวได้ว่ามันรู้สึกถึงคาแร็กเตอร์ต่างๆ ที่จะมาร้อยเรียงผ่านเครื่องดนตรีที่บ่งบอกถึงคนที่รับบทนั้นๆ เราใช้พลังเสียงของพี่โป่งมาเป็นตัวแทนความมีเวทมนตร์ของภูตวิญญาณ หรือแทนความขลังของเวทมนตร์ที่เวลาเราเห็นพี่โป่งเราก็จะมีความรู้สึกแบบนั้น พี่โป่งน่าจะมาแทนซาตานภูตผีวิญญาณ ส่วนพี่โอ้ โอฬารจะมาแทนเสือดำ ความดุ ความเกรี้ยวกราดที่มีความหวานความลึกซึ้งอยู่ในนั้น ที่ทำลงไปทุกอย่างนั้นมีเหตุผลของมันอยู่ ทางด้านพี่ต่อจะมาแทนเสือมเหศวรจะมีความกวนๆ ขี้เล่น กลองน่าจะเป็นตัวแทนของเสือมเหศวรได้ดี มีความสนุกสนาน คึกคัก” ผู้ประพันธ์ดนตรีมากฝีมือกล่าวปิดท้าย
ร่วมเต็มอิ่มไปกับความอลังการของดนตรีประกอบภาพยนตร์แอ็กชันฮีโร่ไทยแห่งปรากฏการณ์เปิดหูดูหนังปิดไตรภาคใน “ขุนพันธ์ 3” พร้อมกัน 1 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่งประเทศ