“สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ภูมิใจเสนออภิมหาภาพยนตร์แอ็กชันไทยฟอร์มยักษ์ “ขุนพันธ์ 3” โปรเจกต์ส่งท้ายไตรภาค “จักรวาลขุนพันธ์” กับภารกิจปราบ 4 เสือภาคกลางระดับตำนาน พร้อมสร้างปรากฏการณ์การรวมตัวเหล่านักแสดงซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของไทยมาร่วมประชันบทบาทการแสดงสุดปังทั้งดราม่าเข้ม แอ็กชันข้น สาดหลากอาวุธ ซัดหลายอาคมแบบไมีใครยอมใคร ไม่ว่าจะเป็น “อนันดา, มาริโอ้, โตโน่ ภาคิน, เอม ภูมิภัทร, เป้ อารักษ์, ฟ้า ษริกา, พลอย ชิดจันทร์, ฟิลลิปส์ ทินโรจน์, หนึ่ง ชลัฏ” ฯลฯ ในโลเคชันการถ่ายทำสุดหินอย่าง “อุทยานแห่งชาติแม่จริม” และ “วังศิลาแลง” จังหวัดน่าน ที่ถูกขนานนามให้เป็น “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย” โดยทีมงานนักแสดงนับร้อยชีวิตต้องล่องแก่งถ่ายทำท่ามกลางกระแสน้ำที่มีความเชี่ยวกรากและอันตรายอยู่ในระดับที่ 3 (จากทั้งหมด 5 ระดับ) เพื่อถ่ายทอดและนำเสนอวิชวลของ “แก่งกินศพ” ดินแดนที่เต็มไปด้วยภยันตราย
“เราตั้งใจให้มันเป็นชุมโจรที่เข้าถึงยากเพราะมันมีหุบเขาสูงล้อมรอบติดกันเป็นปราการล้อมไว้ทั้งหมด และทางเข้าออกมีทางน้ำเป็นเส้นทางหลัก ซึ่งลำน้ำที่เข้าไปก็ลำบาก กระแสน้ำเชี่ยวกราก ต้องล่องแพ เราก็เลยเลือก ‘อุทยานแห่งชาติแม่จริม จังหวัดน่าน’ เพราะเราอยากได้แลนด์สเคปของที่นั่น และเป็นฉากที่จะต้องล่องแก่งผจญภัยกันก่อนจะเข้าไปถึงชุมโจรได้ ต้องเจอกับความยากลำบากจากธรรมชาติของเกาะแก่ง ซึ่งทั้งสนุก ตื่นเต้น และน่ากลัวในเวลาเดียวกัน แต่เราก็ได้ภาพที่ดีมากครับ” ผู้กำกับ “ก้องเกียรติ โขมศิริ” เผยเบื้องหลังการถ่ายทำ
และด้วยภารกิจหลักของภาคนี้คือการบุกถล่ม “ถ้ำเสือชุมโจร” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคกลางของ 2 เสือในตำนานอย่าง “เสือมเหศวร” (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ “เสือดำ” (โตโน่ ภาคิน) รวมทั้งเป็นชุมเสือขนาดใหญ่ของเหล่าบรรดาเสือร้ายที่ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ของทางการหรือฝ่ายรักษากฎหมายเข้าถึงได้มาก่อน จึงกลายเป็นโจทย์สำคัญที่ทีมโปรดักชั่นดีไซน์ภายใต้การนำของผู้ออกแบบงานสร้างมือหนึ่ง “ธนะ เมฆาอัมพุท” และผู้กำกับศิลป์ “สุดเขตร ล้วนเจริญ” ต้องปรับแต่งและเนรมิตทั้งพื้นที่และตัวอาคารร้างของ “โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” บนพื้นที่กว่า 70 ไร่ ให้กลายเป็นชุมโจรที่สมบูรณ์แบบตรงตามจินตนาการของผู้กำกับมากที่สุด ซึ่งจะปรากฎอยู่ในภาพยนตร์มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
“ในภารกิจของ ‘ขุนพันธ์’ ในภาคนี้คือการบุกล้างบางเพื่อปิดตำนาน ‘ถ้ำเสือชุมโจร’ จึงเป็นที่มาของการเลือก ‘โรงงานกระดาษสมัยสงครามโลก จังหวัดกาญจนบุรี’ ในการสร้างชุมโจรขึ้นมาบนพื้นที่ 70 ไร่ให้เป็นเมืองๆ หนึ่งที่มีทั้งชุมชน, ตลาด, โรงพยาบาล, ชุมเสือก๊กต่างๆ ภาคนี้เราอยากให้ทุกอย่างมันอัปขึ้นมา อยากให้มันพิเศษ เราก็เลยตีความว่ามันเป็นอีกสังคมหนึ่ง เราอยากให้ชุมโจรนี้มันมีความพิเศษและ Unique มันก็เลยถูกดีไซน์ว่าแทนที่จะเป็นแค่ที่กบดานของพวกโจร แต่มันก็คือสังคมที่มีทุก Elements มีเสือเฒ่ารุ่นใหญ่ เสือรุ่นใหม่ มีหมอ มีผู้คน มีช่างตัดเสื้อผ้า มีร้านอาหาร มีบาร์ ซึ่งจะเป็นไอคอนนิกของหนังเรื่องนี้เหมือนกัน ผมรู้สึกว่ามันจะเป็นไฮไลต์สำหรับคนดูมาก เพราะมันจะไม่ใช่ชุมโจรแบบที่คุณนึกถึง มันมีการดีไซน์หน้า ผม เสื้อผ้าทุกอย่าง ผมว่าเซตนี้เป็นฉากจำของเรื่องเลย และเหตุการณ์ส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นที่ชุมโจรซึ่งเป็นโลเคชันใหญ่ที่สุด อลังการที่สุดของเรื่องนี้เลย”
พร้อมกับการปรากฏของอาคมที่ร้ายกาจที่สุดอย่าง “มนตร์จระเข้” จนเป็นที่มาของการเนรมิตงานแอนิเมทรอนิกส์และเอฟเฟกต์เป็นจระเข้ขนาดยักษ์ที่จะมาสร้างความดุดันน่าสะพรึงบนจอภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังมีเหล่าอสูรภูตผีวิญญาณร้ายที่ผุดขึ้นมาจากอเวจีเพื่อพิพากษาชีวิตมือปราบคงกระพันนาม “ขุนพันธ์” (อนันดา เอเวอริงแฮม) ซึ่งจะต่อยอดไปสู่การได้เห็นวิชวลใหม่ๆ โดยเฉพาะ “อิทธิฤทธิ์ดาบแดง” ในตำนานที่ขุนพันธ์ใช้ต่อกรและบั่นคอเหล่าภูตผี “กองทัพผีผุด” ที่ถูกสร้างสรรค์ผ่านฝีมือของ “อาภรณ์ มีบางยาง” เมกอัปเอฟเฟกต์เจ้าของรางวัลสุพรรณหงส์จาก “ขุนพันธ์ 2” (2561) เพื่อขับเน้นจินตนาการอันน่าตื่นตาตื่นใจของภาพยนตร์แอ็กชันฮีโร่ไทยเรื่องนี้อย่างเต็มที่สมการรอคอย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือการทุ่มสุดตัวของทีมงานทุกคนในทุกองค์ประกอบงานสร้าง “ขุนพันธ์ 3” ที่ใช้เวลาในการถ่ายทำเกือบ 1 ปีเต็มจนออกมาเป็นผลงานสุดอลังการที่พร้อมมอบความบันเทิงขั้นสุดอย่างเต็มอิ่มกว่าภาคใดๆ ด้วยความยาวถึง “2 ชั่วโมง 36 นาที” กันเลยทีเดียว แน่นอนหนังยังทิ้งท้ายแง่คิดเป็นการปิดไตรภาคในตำนานนี้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ขุนพันธ์เริ่มพิพากษาตัวเองว่าตกลงสิ่งที่ทำลงไปมันคืออะไร หรือเราควรหยุดเสียที มีสิ่งที่ต้านทานไม่ได้หรือเปล่า นี่คือความท้าทายในภาค 3 มันคือปัญหาใหญ่ มันเริ่มไกลตัวขุนพันธ์มากขึ้นๆ และเริ่มค้นพบว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่คำตอบของความดีงามหรือกระทั่งคำว่าศรัทธาอีกต่อไป เพราะฉะนั้นใครที่เป็นคนที่จะพิสูจน์ได้ว่าความดีหรือศรัทธามันอยู่ที่ไหน หนังมันก็จะโยนพลังนี้กลับไปที่ประชาชนว่าเราจะฝากความหวังไว้ที่ซูเปอร์ฮีโร่คนเดียวหรือเปล่า ขุนพันธ์ตั้งคำถามกับตัวเองว่าหรือฉันก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง แล้วซูเปอร์ฮีโร่มันอยู่ตรงไหน ในภาค 3 มันเป็นประเด็นที่โตขึ้น ผ่านวุฒิภาวะมามากขึ้น สงบนิ่งมากขึ้น ตรงประเด็นมากขึ้น แต่บู๊กันหนักเหมือนเดิม เดือดเหมือนเดิม“
“ขุนพันธ์ 3” บทสรุปไตรภาคภาพยนตร์แอ็กชันฮีโร่ไทยฟอร์มยักษ์แห่งทศวรรษ พร้อมระเบิดความมันส์ระทึก เดือดระอุทะลุจอ 1 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ